วันศุกร์, มีนาคม 29, 2024
หน้าแรกCOLUMNISTSสนามเลือกตั้ง“อบต.”กวาดขั้นต่ำ10% เป้าหมายใหญ่“ธนาธร-คณะก้าวหน้า”
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

สนามเลือกตั้ง“อบต.”กวาดขั้นต่ำ10% เป้าหมายใหญ่“ธนาธร-คณะก้าวหน้า”

ปิดรับสมัครไปเรียบร้อยแล้วเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา หลังจากตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา 11-15 ต.ค. มีการเปิดรับสมัคร สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) และนายกองค์การบริหารส่วนตำบล หรือนายกฯ อบต. ทั่วประเทศ 5,300 แห่ง โดยวันเลือกตั้งก็คือ 28 พ.ย.2564 ที่จะมีการเลือกตั้งพร้อมกันทั่วประเทศ

พบว่า หลายพื้นที่บรรยากาศการรับสมัครและการหาเสียงเลือกตั้งค่อนข้างคึกคักพอสมควร แม้ อบต.จะเป็นท้องถิ่น ที่มีขนาดเล็ก โดยเฉพาะห่างไกลจากการเมืองระดับชาติพอสมควร จึงทำให้นักการเมืองในพื้นที่จะไม่ค่อยให้ความสำคัญมาก แตกต่างจากการเลือกตั้งระดับองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) และเทศบาล แต่ก็มีรายงานว่าหลายแห่ง ก็มีเครือข่ายพวกหัวคะแนนของนักการเมือง ลงสมัครชิงตำแหน่งนายกฯอบต.กันระดับหนึ่งแม้ไม่มาก

ที่คงเพราะแม้ อบต.จะเป็นท้องถิ่นที่ห่างไกลการเมืองระดับชาติ แต่ในแง่ความเป็นจริงแล้ว อบต.คือการเมืองท้องถิ่นที่ใกล้ชิดกับชาวบ้านในพื้นที่มากที่สุด เพราะเป็นท้องถิ่นที่ลงไปถึงระดับรากหญ้า-หมู่บ้านอย่างแท้จริง เพราะอบต.ใช้ฐานหมู่บ้านแบ่งเขตเลือกตั้ง จึงทำให้สมาชิกสภาอบต.รวมถึงนายกฯอบต. ที่อยู่ในตำแหน่งคราวละสี่ปี จึงเป็นคนที่จะคุ้นเคยกับประชาชนในหมู่บ้าน-อบต.โดยตรง

ด้วยเหตุนี้เครือข่ายนักการเมือง-ส.ส.ในพื้นที่ จะเพิกเฉยไม่ให้ความสำคัญกับอบต.ก็ไม่ได้ ยังไง ก็ต้องให้ความสำคัญอยู่เพราะหากมีคนในเครือข่าย คุมฐานคะแนนได้ถึงระดับหมู่บ้านในพื้นที่เลือกตั้งตัวเอง ก็ทำให้อุ่นใจได้ว่า จะมีฐานคะแนนของฝ่ายตัวเองลงไปถึงระดับหมู่บ้าน-อบต. 

ยิ่งสถานการณ์การเมือง ตอนนี้อายุสภาฯ ก็เหลืออีกแค่ปีกว่า กรณีสภาฯอยู่ครบเทอม ดังนั้น ส.ส.-อดีตส.ส.-คนที่จะลงเลือกตั้งส.ส. จึงต้องสร้างฐานคะแนนในพื้นที่ให้ลงลึกถึงระดับหมู่บ้าน เพื่อเตรียมพร้อมรับมือเลือกตั้ง

ส่งผลให้นักการเมือง แม้จะไม่ลงมาคลุกกับการเลือกตั้งอบต.รอบนี้แบบเต็มตัว แต่ก็ให้ความสำคัญระดับหนึ่งแต่จะทำลักษณะคอยให้ “หัวคะแนน-คนของตัวเองในพื้นที่” ลงไปดูแลช่วยเหลือผู้สมัครของฝ่ายตัวเองอยู่ห่างๆ มากกว่า

ผนวกกับ อบต.ส่วนใหญ่ทั่วประเทศ ไม่ได้มีการเลือกตั้งกันมาร่วมแปดปี เพราะโดนคสช.แช่แข็ง และรัฐบาลก็เพิ่งปลดล็อกให้มีการเลือกตั้งปีนี้ จึงทำให้ การเลือกตั้งอบต. เกิดความตื่นตัวความคึกคักในหลายพื้นที่พอสมควร

ยกตัวอย่างบางจังหวัดเช่นที่ “พิจิตร” ก็พบว่า สองตระกูลดังการเมืองระดับชาติในจังหวัดคือตระกูล “แก้วทอง” กับตระกูล “ภัทรประสิทธิ์” ก็ส่งคนของตัวเองลงมาชิงชัยนายกฯอบต.เต็มตัว

สำหรับตระกูล “แก้วทอง” ก็คือตระกูลการเมืองของ “ไพฑูรย์ แก้วทอง” อดีตรมว.แรงงาน แกนนำประชาธิปัตย์ ที่ตอนนี้การเมืองในพื้นที่ทำโดยลูกชาย “นราพัฒน์ แก้วทอง” อดีตส.ส.พิจิตร ประชาธิปัตย์ที่ตอนนี้ถือเป็นนักการเมืองในค่ายของ “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฐ์” หัวหน้าพรรคเต็มตัว เห็นได้จากที่มีตำแหน่งเป็นรองหัวหน้าพรรค และมีตำแหน่งเป็น กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นทีมงานการเมืองหน้าห้องของ “เฉลิมชัย ศรีอ่อน” รมว.เกษตรฯ

ขณะที่ ตระกูล “ภัทรประสิทธิ์” ก็คือ ตระกูลของ “ประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์” อดีตเลขาธิการประชาธิปัตย์ ซึ่งจริงๆ ทั้ง “ไพทูรย์” และ “ประดิษฐ์” ก็คือ สองอดีตนักการเมืองคนดังเมืองพิจิตร ที่่เคยอยู่ในค่าย สนามบินน้ำ-พิจิตรคอนเน็กชั่น ของ “พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์” หรือ “เสธ.หนั่น” อดีตเลขาธิการประชาธิปัตย์ นักการเมืองดังเมืองพิจิตรนั่นเอง โดยพบว่าเลือกตั้งอบต.รอบนี้ ทั้งสองตระกูล ส่งคนในเครือข่ายลงชิงชัยด้วยในสนาม นายกฯอบต. ที่ “องค์การบริหารส่วนตำบลคลองคะเชนทร์ อำเภอเมือง จังหวัดพิจิตร”

ฝ่าย “แก้วทอง” นั้น ได้ส่ง “นางอุมาภร แก้วทอง” ภรรยานายนราพัฒน์ ลงชิงชัย นายกฯอบต.คลองคะเชนทร์ เพื่อป้องกันพื้นที่เพราะเป็นอดีตนายกฯอบต.เก่า ขณะที่ประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ และวินัย ภัทรประสิทธิ์ น้องชาย ซึ่งเลือกตั้งรอบที่แล้ว อยู่กับฝ่ายทักษิณ ชินวัตรที่พรรคไทยรักษาชาติ แต่โดนยุบพรรค ก็หนุนหลัง “ศุภกิจ กัยกิจ” ซึ่งเป็นพ่อบ้านและนักจัดการเลือกตั้งของตระกูลภัทรประสิทธิ์ในพิจิตร ลงสมัครชิงนายกฯอบต.คลองคะเชนทร์ เพื่อแข่งขันกับภรรยาของนราพัฒน์

จนสร้างเสียงฮือฮาให้กับคนในพื้นที่พิจิตรพอสมควร และเรื่องนี้ ดูแล้วคงส่งผลต่อการเมืองระดับชาติระดับหนึ่ง เพราะแสดงให้เห็นแล้วว่า ขนาดเลือกตั้งนายกฯอบต.สองตระกูลดัง เมืองชาละวัน ยังแข่งกันเดือดขนาดนี้ แล้วเลือกตั้งส.ส.รอบหน้า จะแข่งกันเดือดขนาดไหน

เพราะยิ่งตอกย้ำให้เห็นว่า กลุ่มแก้วทองกับกลุ่มตระกูลภัทรประสิทธิ์ ที่เคยอยู่ก๊วนสนามบินน้ำของเสธ.หนั่นและเคยอยู่ประชาธิปัตย์ด้วยกัน วันนี้แยกทางกันแล้ว ขนาดเลือกตั้งท้องถิ่น ยังไม่หลบให้กัน

ท่ามกลางข่าวว่า เลือกตั้งรอบหน้า สองพี่น้องตระกูลภัทรประสิทธิ์ ที่คาดว่าจะอยู่กับพรรคเพื่อไทย หมายมั่นว่าจะต้องยึดพื้นที่เมืองพิจิตร กลับคืนมาให้ได้ หลังเลือกตั้งที่ผ่านมา “พลังประชารัฐ” กวาดเรียบส.ส.เขตในพิจิตรสามคน จนจังหวัดพิจิตร กลายเป็นฐานที่มั่นสำคัญของ “พลังประชารัฐ” ภายใต้ก๊วน “สันติ พร้อมพัฒน์” รมช.คลังในขณะนี้

นอกจากนี้ก็มีข่าวว่า นายกฯอบต.อีกหลายแห่ง ก็มีเครือข่าย คนใกล้ชิดของนักการเมือง ลงสมัครกันหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นอาทิ นครราชสีมา-นครปฐม-นนทบุรี-สมุทรปราการ เป็นต้น ที่แสดงให้เห็นว่า “เครือข่ายบ้านใหญ่” ในพื้นที่ ก็ส่งคนในเครือข่าย ลงรับสมัครเลือกตั้งกันหลายแห่ง

ดูๆแล้ว เลือกตั้งอบต.รอบนี้ แม้จะเป็นท้องถิ่นสนามเล็ก แต่คงสู้กันดุหลายพื้นที่ ที่สำคัญ คาดกันว่า “กระสุนดินดำ” ยังไงต้องมีแน่!

ซึ่งในทางการเมือง เป็นที่รู้กันว่า เลือกตั้งท้องถิ่น ยิ่งสนามเล็กเท่าไหร่ หากมีการแข่งขันกันสูง ถ้าจะใช้กระสุนดินดำกัน เม็ดเงินที่ยิงออกไป ค่าเฉลี่ยต่อการยิงแต่ละครั้ง ซึ่งคงยิงกันอย่างมากแค่ 1-2 รอบ แต่กระสุนที่ใช้ต่อรอบ บางพื้นที่ เผลอๆ จะสูงกว่าที่ใช้ในการเลือกตั้ง ระดับอบจ.หรือเทศบาลเสียอีก

เหตุเพราะ พื้นที่เลือกตั้งอบต. มีขนาดเล็ก คนมีสิทธิ์เลือกตั้งต่อหน่วยมีน้อย ทำให้ หากจะยิงกระสุนกันจริง  จึงไม่ต้องยิงเยอะ เพียงแต่ยิงแล้วต้องเข้าเป้า 

ถือเป็นหน้าที่ของผู้เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะ กกต. ประจำพื้นที่ในการต้องสกัดและจับกุมให้ได้ หากพบเบาะแสการกระทำผิด

ขณะเดียวกัน ต้องยอมรับว่า เลือกตั้งอบต.รอบนี้ สีสันที่ทำให้คนสนใจสนามอบต.มากขึ้น ก็มาจากการที่ “คณะก้าวหน้า” ที่นำโดย “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ-ปิยบุตร แสงกนกุล-ช่อ พรรณิการ วานิช” สามแกนนำคณะก้าวหน้า-อดีตสามแกนนำพรรคอนาคตใหม่ ส่งคนลงชิงชัยด้วยอย่างเป็นทางการ ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มการเมืองระดับชาติ ที่แกนนำกลุ่มเป็นอดีตนักการเมืองระดับชาติ ลงมาเล่นด้วยในสนามเลือกตั้งอบต. ที่เป็นท้องถิ่นขนาดเล็กสุด หลังก่อนหน้านี้ เคยลงไปแล้วในสนามเลือกตั้งอบจ.แต่ล้มเหลว เพราะผู้สมัครนายกฯอบจ.ของคณะก้าวหน้า ไม่ได้รับเลือกตั้งแม้แต่คนเดียว จากที่ส่งไปร่วมสี่สิบคน

ขณะนี้ สนามเลือกตั้เทศบาล ก็พบว่า “คนของคณะก้าวหน้า” ก็ไม่ได้รับเลือกตั้งในระดับนายกเทศมนตรีนครเลยแม้แต่คนเดียว โดยพบว่า คนของคณะก้าวหน้า ส่วนใหญ่ที่ได้รับเลือกตั้ง จะอยู่ในพื้นที่เทศบาลตำบลมากกว่า

เลือกตั้งรอบนี้ พบว่าแกนนำคณะก้าวหน้า ก็หวังไว้สูง กับสนามเลือกตั้งท้องถิ่นรอบสุดท้าย เพราะหลังจากนี้ คือศึกเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.และสมาชิกสภาเขตกทม.หรือส.ก. จะเป็น “พรรคก้าวไกล” ที่ส่งคนลงในนามพรรคแล้ว ไม่เกี่ยวกับคณะก้าวหน้า ทำให้ แกนนำคณะก้าวหน้า หวังไว้สูงพอสมควร กับสนามเลือกตั้งอบต.โดยเฉพาะนายกฯอบต.

ตัวเลขอย่างเป็นทางการพบว่า “คณะก้าวหน้า” ส่งคนชิงนายกฯจำนวน 210 แห่ง จาก 51 จังหวัดทั่วประเทศ ที่ลงสมัครนายก อบต. ในนามคณะก้าวหน้า

ซึ่งพื้นที่หลักๆ ที่คณะก้าวหน้า หมายมั่นปั้นมือว่าน่าจะมีสิทธิ์ชนะ จะอยู่ในโซนอบต.ในจังหวัดปริมณฑล เช่น นนทบุรี-สมุทรปราการ-ปทุมธานี รวมถึงโซนตะวันออกเช่น ชลบุรี จันทบุรี ระยอง และบางจังหวัดในภาคอีสาน

พบว่า เป้าหมายที่คณะก้าวหน้าหวังไว้คือ เก้าอี้นายกฯอบต. คนของพรรคควรชนะได้ประมาณขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 10 เปอร์เซนต์ ของจำนวนที่ส่งลง อย่าง ส่งนายกฯอบต. ไป 210 แห่ง ดังนั้น คณะก้าวหน้า ก็หวังว่าจะชนะขั้นต่ำ 21 แห่ง เป็นอย่างน้อย ถึงจะถือว่าประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะหากชนะในพื้นที่เป้าหมายอย่าง นนทบุรี สมุทรปราการ ชลบุรี ก็ถือว่า ทำได้ตามเป้าที่วางไว้

ส่วนเป้าหมาย “ธนาธร-คณะก้าวหน้า” ดังกล่าว จะสำเร็จหรือไม่ รอดู 28 พ.ย. วันเลือกตั้ง

……………..

คอลัมน์ : ส่องป้อมค่ายการเมือง

โดย.. “พระจันทร์เสี้ยว”                           

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img