ท่าทีของ พรรคประชาธิปัตย์ กับการปักหลักคัดค้านร่างพ.ร.บ.กัญชาฯ ซึ่งเป็นร่างพ.ร.บ.ที่เสนอโดย พรรคภูมิใจไทย พบว่า คนในพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งแต่หัวแถว หัวหน้าพรรค “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฐ์” ลงมาถึงส.ส.ในพรรค ที่ไม่ได้มีตำแหน่งรัฐมนตรี-กรรมการบริหารพรรคใดๆ นำโดย “สาทิตย์ วงศ์หนองเตย” ส.ส.ตรัง พบว่า ยังปักหลักตั้งป้อม “ค้าน-ชน” ร่างพ.ร.บ.กัญชาฯ แบบแข็งขัน ไม่มีอาการแผ่วปลายให้เห็น
ทำให้น่าติดตามว่า ยามเมื่อสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาฯเรื่อง “ร่างพ.ร.บ.กัญชา กัญชงฯ” ในวาระสองและวาระสาม ที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ โดยเฉพาะตอนโหวตว่าจะให้ร่างพ.ร.บ.กัญชา “ผ่าน” หรือ “คว่ำ” ในวาระสาม
สุดท้ายแล้ว ร่างพ.ร.บ.กัญชาฯ ที่เป็นร่างกฎหมายสำคัญของพรรคภูมิใจไทย ที่บอกว่า ต้องออกกฎหมายเพื่อเอาไปรองรับ หลังมีการปลดล็อกกัญชาจากบัญชียาเสพติด เพื่อเติมเต็มความเป็นกัญชาทางการแพทย์ให้สมบูรณ์ ตามที่พรรคภูมิใจไทยพยายามจะนำเสนอต่อสังคม พบว่า หากดูถึงตอนนี้ ก็ยังไม่มีหลักประกันว่า ร่างพ.ร.บ.กัญชาฯ จะผ่านความเห็นชอบจากสภาฯในวาระสามหรือไม่?
เพราะหากว่าสุดท้าย ส.ส.ประชาธิปัตย์ทั้งหมด หากโหวตไปทางเดียวกันหมด แบบไม่มีใครแตกแถว คือโหวตไม่เห็นชอบร่างพ.ร.บ.กัญชาฯในวาระสาม รวมถึงมีส.ส.ฝ่ายรัฐบาลอีกบางพรรค ก็เอาด้วยกับประชาธิปัตย์ อีกหลายสิบคน ตลอดจนส.ส.ฝ่ายค้านทั้งหมด คือ “เพื่อไทย” กับ “ก้าวไกล” ต่างโหวตเสียงไปในทางเดียวกัน คือ “ให้คว่ำร่างพรบ.กัญชาฯ” วาระสาม แม้จะพบว่ามีส.ส.ก้าวไกล บางส่วนหลายคนก็เห็นด้วย ที่ควรจะให้ผ่านร่างพ.ร.บ.กัญชาฯ ซึ่งหากการโหวตออกมาแบบนี้ ก็ทำให้สุ่มเสี่ยงไม่น้อยที่ร่างพ.ร.บ.กัญชาฯ อาจจะไม่ผ่านสภา ในวาระสามก็ได้
ว่ากันตามสภาพ หากเส้นทางของ ร่างพ.ร.บ.กัญชาฯ เสร็จไม่ทันในสภาฯสมัยประชุมนี้ ที่เหลือเวลาอีกไม่ถึงสี่เดือน หลังเปิดสภาฯมาตั้งแต่ 1 พ.ย. ที่จะไปสิ้นสุด 28 ก.พ.2566 เช่น อาจมีการยุบสภาฯก่อน ที่ร่างพ.ร.บ.กัญชาฯ จะคลอดออกมาจนมีการประกาศใช้เป็นกฎหมาย หรือหากผ่านวาระสามแล้ว วุฒิสภามีการเสนอแก้ไขจากร่างเดิมของสภาฯเยอะ จนสภาฯไม่ยอม ต้องตั้งกรรมาธิการร่วมสองฝ่าย แล้วสุดท้าย ผลการพิจารณาทำไม่ทัน เพราะสภาฯหมดวาระก่อน
ถ้าออกมาแบบนี้ “ภูมิใจไทย” ยังอาจพอไปพูดตอนหาเสียงได้ว่า ร่างพ.ร.บ.กัญชาฯ เสร็จไม่ทัน เพราะเงื่อนไขต่างๆ ข้างต้น
แต่หาก ร่างพ.ร.บ.กัญชาฯโดนคว่ำ ไม่ผ่านสภาฯวาระสาม แม้ “ภูมิใจไทย” อาจพลิกกลับไปอีกมุมตอนหาเสียงว่า ที่ร่างพ.ร.บ.กัญชาฯไม่ผ่าน เพราะส.ส.รัฐบาล โดยเฉพาะ “ประชาธิปัตย์” ขวางไว้ ดังนั้นหากประชาชนเห็นด้วยกับกัญชาทางการแพทย์ตามแนวที่ “ภูมิใจไทย” ผลักดัน ก็ให้เลือกพรรคภูมิใจไทยเยอะๆ เพื่อเข้าไปผลักดันใหม่หลังเลือกตั้ง
กระนั้น ในทางการเมือง แน่นอนว่า “ภูมิใจไทย” ต้องรู้สึกไม่พอใจ จนถึงอาจแค้นทางการเมืองกับ “ประชาธิปัตย์” ที่มาขวางการออกกฎหมายกัญชาฯ ทั้งที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน ของแบบนี้ เชื่อเถอะ “ภูมิใจไทย” ไม่พอใจ “ประชาธิปัตย์” แน่นอน
เพียงแต่ความไม่พอใจดังกล่าว คงไม่ถึงขั้นที่ “ภูมิใจไทย” จะคิดสั้นทางการเมือง ถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล เพราะดีเอ็นเอการเมืองของพรรคนี้ ไม่มีทางอยู่แล้ว ที่จะถอนยวง หรือยอมทุบหม้อข้าวตัวเอง ด้วยการออกจากรัฐบาล ไปเป็นพรรคการเมืองขาลอยในช่วงใกล้เลือกตั้ง ยังไงก็คงพร้อมอยู่ร่วมทำงานกับ “ประชาธิปัตย์” ในรัฐบาลต่อไป เพราะคนภูมิใจไทย ก็ต้องมองเหมือนกันหมดว่า ที่ร่างกฎหมายโดนคว่ำ ไม่ใช่ความผิดของภูมิใจไทย แต่เกิดจากการขวางของส.ส.รัฐบาลด้วยกันเอง “ภูมิใจไทย” จึงไม่ควรไปประชดการเมืองด้วยการเลิกอยู่ในรัฐบาลเดียวกันกับ “ประชาธิปัตย์”
อีกทั้ง ก็คงเป็นไปได้ยากที่ “ภูมิใจไทย” ระดับ “แกนนำพรรค” จะไปบอกให้ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกฯและ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” ผู้จัดการรัฐบาล “ถีบประชาธิปัตย์” ออกจากการร่วมรัฐบาล
เพราะไหนๆ ก็ทำงานร่วมกันมาในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลมาสามปีกว่า อีกไม่กี่เดือนจะมีการเลือกตั้งกันแล้ว ตอนนี้ต้องกอดคอกันไปก่อน แล้วก็ไปฟาดฟันกันตอนเลือกตั้งต่อไป โดยเฉพาะในพื้นที่ ซึ่ง “ภูมิใจไทย” ต้องแข่งกับ “ประชาธิปัตย์” ค่อนข้างสูง เช่น ภาคใต้ เป็นต้น
โดยท่าทีล่าสุดของสองแกนนำพรรคประชาธิปัตย์และภูมิใจไทย พบว่า “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวให้สัมภาษณ์ขณะเดินทางไปปฏิบัติภารกิจในฐานะรมว.พาณิชย์ที่สหรัฐฯ เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยย้ำว่า จุดยืนพรรคประชาธิปัตย์คือ สนับสนุนกัญชาทางการแพทย์ แต่ไม่สนุบสนุนกัญชาเสรี เพราะเป็นห่วงอนาคตประเทศระยะยาวว่าจะได้ไม่คุ้มเสีย
“การทำงานร่วมกันในรัฐบาลผสม ต้องเคารพความคิดเห็นซึ่งกันและกัน ต้องเคารพความเห็นต่าง ไม่ระรานคนที่เห็นไม่ตรงกับเรา ถ้ายึดถือหลักนี้ได้ การทำงานในฐานะรัฐบาลก็ไม่มีปัญหา ประชาธิปัตย์ต้องฟังเสียงประชาชนเช่นเดียวกัน ถามว่าประชาธิปัตย์รับงานใคร ก็รับงานประชาชน”
ขณะที่ “อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวไว้เมื่อสุดสัปดาห์เช่นกันว่า ภูมิใจไทยทำเรื่องกัญชามาถึงจุดนี้ได้ เป็นความสำเร็จ กฏหมายจะผ่านหรือไม่ผ่านพรรคประชาธิปัตย์ พรรคเพื่อไทย และพรรคที่ค้านเรื่องนี้ก็ขอให้ไปตอบคำถามประชาชนด้วย
“หยุดเถียงแล้วครับ ขอทำงานดีกว่า เพราะมั่นใจว่ามาถูกทาง ส่วนความสัมพันธ์ของพรรคร่วมรัฐบาล มันใกล้จบแล้ว เพราะเต็มที่ก็ถึงช่วงเดือนมีนาคม ก็คงต่างคนต่างทำงานในกระทรวงที่รับผิดชอบ ภูมิใจไทยไม่เถียงกับพรรคประชาธิปัตย์แน่นอน ไม่เถียง ไม่ทะเลาะ เราก็ทำงานของเรา ไม่ว่าเขาจะด่าทอ ด้อยค่าอะไรมา ประชาชนเห็นเอง เขาคงจะต้องไปคุยกับเสาไฟฟ้าหรือไปพูดกับต้นไม้ เพราะภูมิใจไทยจะไม่ทะเลาะอะไรด้วย” อนุทินระบุเมื่อ 4 พ.ย.ที่ผ่านมา
จากการตรวจสอบระเบียบวาระการประชุมสภาฯในสัปดาห์หน้านี้ พุธที่ 9 พ.ย. พบว่า สภาฯต้องกลับมาพิจารณาร่างพ.ร.บ.การเข้าชื่อเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. …ที่ค้างมาจากการประชุมสภาเมื่อ 2 พ.ย.ต่อ ที่ก็คาดว่าคงใช้เวลาพอสมควร กว่าจะจบ
ส่วนร่างพ.ร.บ.กัญชาฯ มีคิวพิจารณาต่อจากร่างพ.ร.บ.การเข้าชื่อเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นฯ ต่อจากนั้นอีกสองคิว เพราะมีร่างพ.ร.บ.การขนส่งทางรางฯ เป็นคิวคั่นกลางอยู่
โดยหากที่ประชุมสภาฯ พิจารณาร่างพ.ร.บ.กัญชาฯไม่ทัน 9 พ.ย. ก็อาจต้องไปประชุมกันในนัดถัดไป แต่ก็พบว่า พุธถัดไปคือ 16 พ.ย. ตรงกับช่วงวันหยุดยาว 16-18 พ.ย. ที่ทางคณะรัฐมนตรี ประกาศให้พื้นที่กทม.หยุดยาวช่วงไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปค 18-19 พ.ย.นี้ ทำให้สุดท้าย ร่างพ.ร.บ.กัญชาฯ อาจกลับพิจารณาอีกครั้ง ก็หลังเสร็จสิ้นการประชุมเอเปคไปเลย
ที่ถึงตอนนั้น…ไม่แน่ บรรยากาศการทำงานระหว่างรัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทยกับประชาธิปัตย์ อาจดีขึ้นหลังเสร็จงานเอเปค
ผนวกกับช่วงเวลาที่ขยับออกไปหลายสัปดาห์ อาจทำให้แกนนำและส.ส.ภูมิใจไทยกับประชาธิปัตย์ มีการปรับความเข้าใจ เพื่อหาทางออกร่วมกัน ในการทำให้ร่างพ.ร.บ.กัญชาฯออกมาโดยเป็นที่ยอมรับมากที่สุดของส.ส.ฝ่ายรัฐบาลก็ได้
แต่หากว่าร่างพ.ร.บ.กัญชาฯ เข้าพิจารณาสัปดาห์หน้านี้ แล้วทั้งสองพรรค ยังไม่ปรับความเข้าใจกัน ก็มีโอกาส ได้เห็นการอภิปรายแบบเผชิญหน้ากันของส.ส.ทั้งสองพรรคกลางที่ประชุมสภาฯก็ได้
ที่น่าจับตาคือท่าทีของ “พล.อ.ประยุทธ์” กับ “พล.อ.ประวิตร” ในฐานะผู้จัดการรัฐบาล ว่าจะลงมา “คลุกวงใน” แก้ปัญหา “เกาเหลา-รอยร้าว” ของภูมิใจไทยกับประชาธิปัตย์จากผลพวงร่างพ.ร.บ.กัญชาฯ อย่างไร หรือไม่
เพราะเมื่อ “ประชาธิปัตย์” เปิดหน้าชนจังๆ แบบนี้ เพื่อต้านร่างพ.ร.บ.กัญชาฯ มันก็ถอยหลังไม่ได้แล้ว ไม่อย่างนั้น จะเสียหายทางการเมืองได้ “ประชาธิปัตย์” จึงต้องเล่นบทต้านให้ถึงที่สุด ขณะเดียวกัน “ภูมิใจไทย” ก็ถอยไม่ได้เช่นกัน ต้องทำทุกอย่างเพื่อผลักดันร่างพ.ร.บ.กัญชาฯให้คลอดออกมาให้ได้
“บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม” จึงเหลือทางเลือกแค่ 2 ทางเท่านั้น คือ
ทางที่หนึ่ง ลงมาคลุกวงใน เคลียร์ปัญหาที่เกิดขึ้น ไม่ให้บานปลายมากกว่านี้ เพื่อรักษาเสถียรภาพพรรคร่วมรัฐบาลเอาไว้ จะได้เป็นพันธมิตรทางการเมืองกันต่อไปให้นานที่สุดจนถึงหลังเลือกตั้ง โดยอาจใช้วิธีการบางอย่าง จนกว่าทั้งสองพรรคจะหาข้อยุติร่วมกันได้
ทางที่สอง คือ ไม่ทำอะไรทั้งสิ้น เล่นบทลอยตัวการเมืองเหนือความขัดแย้ง เพราะมองว่า ร่างพ.ร.บ.กัญชาฯ ไม่ใช่ร่างกฎหมายรัฐบาล แต่เป็นร่างของ “ภูมิใจไทย” ดังนั้น หากร่างกฎหมายมีปัญหา เช่น โดนคว่ำวาระสาม ก็ไม่เกี่ยวกับรัฐบาล
โดย “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม” อาจมองว่า เรื่องนี้ เป็นความเห็นแตกต่างกันของส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล แต่เมื่อผลโหวตในสภาฯออกมาแบบไหน ทั้งสองพรรคยังไงก็ต้องทำงานร่วมกันต่อไป ทำให้อาจเป็นไปได้ที่ ทั้ง “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม” จะลอยตัว ไม่ลงมาเป็นกาวใจ หรือเป็นคนกลางในการยุติปัญหา ให้เป็นเรื่องของสภาฯว่ากันไป
ด้วยเพราะ “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม” ต่างรู้ดี ที่เห็น “ประชาธิปัตย์” กับ “ภูมิใจไทย” ฮึ่มๆ ใส่กันแบบนี้ เพราะถึงต่อให้ร่างพ.ร.บ.กัญชาฯผลออกมาอย่างไร ทั้งสองพรรคก็ไม่มีใครยอมทุบหม้อข้าวตัวเอง ถอนยวงออกจากรัฐบาล…ให้โง่ แล้วทั้งสองพรรค ก็จะโบ้ยว่าเป็นเรื่องของสภาฯ ไม่เกี่ยวกับรัฐบาล เลยเป็นเหตุที่จะทำให้ “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม” อาจเลือกที่จะเล่นบทลอยตัวดีกว่า
เพราะลำพัง แค่ปัญหาใน “พลังประชารัฐ” และความอึมครึมของ “3 ป.” ว่าจะเอาอย่างไรกันต่อไปทางการเมืองต่อจากนี้ ทั้ง “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม” คงบอก…แค่นี้ก็ปวดหัวจะตายอยู่แล้ว
เรื่องที่เกิดขึ้น ก็ให้ “อนุทิน-จุรินทร์” แก้กันเอาเอง หารันเวย์ลงกันเอง แล้วกัน…ลุงไม่อยากไปยุ่ง!!!
…………………..
คอลัมน์ : ส่องป้อมค่ายการเมือง
โดย…..“พระจันทร์เสี้ยว”
