วันศุกร์, เมษายน 26, 2024
หน้าแรกCOLUMNISTSสภาฯยุบแน่ๆ แต่เมื่อไหร่??? “บิ๊กตู่”… “นายกฯสายมู” รอฤกษ์ชนะ
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

สภาฯยุบแน่ๆ แต่เมื่อไหร่??? “บิ๊กตู่”… “นายกฯสายมู” รอฤกษ์ชนะ

นับถอยหลังสภาฯ ใกล้หมดวาระไปเรื่อยๆ สัปดาห์ที่จะถึงนี้ สภาฯประชุมกันสัปดาห์สุดท้าย ก่อนปิดสมัยประชุม 28 ก.พ.66 ขณะที่การเปิดประชุมสภาฯสมัยวิสามัญฯ ดูแล้วฝ่ายรัฐบาล ยังไม่ส่งสัญญาณใดๆ ออกมา แม้จะมีร่างกฎหมายสำคัญค้างการพิจารณาอยู่หลายฉบับ เช่น พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติฯ ที่ไม่สามารถผลักดันให้ออกมาเป็นกฎหมายได้ทันในการประชุมร่วมรัฐสภารอบนี้

ขณะเดียวกัน องค์ประกอบการเมืองต่างๆ ที่จะนำไปสู่การเลือกตั้ง ขยับเข้ามาเรื่อยๆ ภายในสัปดาห์นี้ ทางสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดต่างๆ คงเริ่มเตรียมสรุปผลการรับฟังความคิดเห็นประชาชนในเรื่องรูปแบบการแบ่งเขตเลือกตั้ง ส่งให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.กลาง ภายในสัปดาห์นี้ หลังครบกำหนดการรับฟังความคิดเห็น เพื่อให้ กกต.กลาง เคาะรูปแบบการแบ่งเขตเลือกตั้ง 400 เขต ออกมา

เพียงแต่มีความเป็นไปได้ระดับหนึ่ง ที่กกต.อาจจะขยับการประกาศแบ่งเขตเลือกตั้ง ออกไปจากเดิม ภายในไม่น่าจะเกิน 28 ก.พ.ไปอีกระยะ เพื่อรอฟังผลคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ กรณีที่ยื่นตีความเรื่อง การนับรวมบุคคลที่ไม่ใช่สัญชาติไทยเป็นราษฎร ในจังหวัดเพื่อนำมาสู่การแบ่งเขตเลือกตั้ง เป็นเรื่องขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่

ที่คาดว่า ศาลรัฐธรรมนูญ จะพิจารณาว่าจะรับหรือไม่รับคำร้อง ภายในสัปดาห์ที่จะถึงนี้ และคาดว่า ศาลน่าจะวินิจฉัยคำร้องดังกล่าวเสร็จเร็ว หากศาลรับคำร้อง แต่หากศาลไม่รับคำร้อง กกต.ก็คงต้องตัดสินใจว่า จะเดินหน้าเรื่องนี้ต่อไปอย่างไร แต่ดูแล้ว กกต.ก็คงเร่งพิจารณาทุกขั้นตอนให้เร็ว เพื่อไม่ให้กระทบกับการจัดการเลือกตั้ง

ขณะที่ระเบียบต่างๆ เพื่อรองรับการเลือกตั้ง กกต.ก็เร่งออกมาต่อเนื่อง ล่าสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็คลอดระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพ.ศ.2566 ที่มีรายละเอียดมากถึง 261 ข้อ

ทำให้ตอนนี้ ในส่วนของการจัดการเลือกตั้งของกกต. ถือว่าพร้อมระดับหนึ่ง หากไม่สะดุดจากเรื่องปมปัญหาข้อกฎหมายที่ไม่สะเด็ดน้ำ เรื่องการนับรวมบุคคลไม่ใช่สัญชาติไทยมาเป็นราษฎร ในการคำนวณการแบ่งเขตเลือกตั้ง คงพร้อมเต็มสูบมากกว่านี้

ห้องประชุมสภาฯ

องค์ประกอบการเมืองทั้งหมด ทั้งสภาฯจะปิดสมัยประชุม-กกต.เตรียมพร้อมเลือกตั้งหลายเรื่องไว้เกือบหมดแล้ว เหลือแค่การประกาศแบ่งเขตเลือกตั้งและการเปิดให้พรรคการเมืองทำไพรมารีโหวตหลังแบ่งเขตเลือกตั้ง จึงทำให้ “การยุบสภาฯ” เริ่มใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

ที่น่าสนใจคือ ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี แสดงท่าทีการเมืองชัดๆ ถึง 2-3 รอบ ในการให้สัมภาษณ์ ที่มีประเด็นสรุปได้ก็คือ นายกฯยืนยันว่า จะมีการยุบสภาฯ ก่อนสภาฯครบวาระ 23 มี.ค.นี้แน่นอน

อันถือว่า เป็นการยืนยันท่าทีออกมาต่อสาธารณชนอย่างเป็นทางการ ในช่วงที่สภาฯกำลังจะปิดสมัยประชุม เพราะที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีไม่ได้ส่งสัญญาณชัดๆ หลายรอบแบบนี้ อันเป็นการส่งสัญญาณหลังผ่านศึกอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามมาตรา 152 และสภาฯไม่เหลือเรื่องสำคัญอะไร จนต้องเปิดประชุมสภาฯสมัยวิสามัญ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

เพราะแม้ที่ผ่านมา ทุกฝ่ายจะเชื่อว่า นายกฯยุบสภาฯแน่นอน เห็นได้จาก ส.ส.ปัจจุบันที่อยู่ในพลังประชารัฐ (พปชร.) และประชาธิปัตย์ (ปชป.) แต่แสดงตัวชัดเจนว่าจะย้ายมา รวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เช่น “สายันต์ ยุติธรรม” นครศรีธรรมราช จากพลังประชารัฐ หรือจากประชาธิปัตย์ เช่น “รังสิมา รอดรัศมี” ส.ส.สมุทรสงคราม – “อัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์” ส.ส.ราชบุรี – “ศิริวรรณ ปราศจากศัตรู” ส.ส.บัญชีรายชื่อ – “ชัยวุฒิ บรรณวัฒน์” ส.ส.ตาก – “พ.ท.สินธพ แก้วพิจิตร” ส.ส.นครปฐม ต่างไม่ลาออกจากพรรคต้นสังกัดแต่อย่างใด ซึ่งตอนนี้หากไม่ยุบสภาฯ ปล่อยไปจนถึง 24 มี.ค.66 “ทั้งหมดนี้” ก็ไม่สามารถลงเลือกตั้งในนาม “รวมไทยสร้างชาติ” ได้แล้ว เพราะเลยกำหนด 90 วันในการสังกัดพรรคก่อนวันเลือกตั้ง

ทำให้เห็นชัดว่า “พล.อ.ประยุทธ์” ว่าที่แคนดิเดตนายกฯ ได้ส่งสัญญาณไปถึงคนที่จะย้ายมา “รวมไทยสร้างชาติ” แล้วว่า ไม่ต้องกังวลเรื่องการสังกัดพรรค เพราะยังไง…ยุบสภาฯแน่นอน เพียงแต่นายกฯไม่ได้พูดชัดออกมาต่อสาธารณชน หลายครั้งติดๆกันแบบสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

“ก็ต้องคิดไว้ล่วงหน้าอยู่แล้ว ก็กำหนดไว้ในใจ ก็ต้องตัดสินใจอีกครั้ง ทุกอย่างก็ต้องมีการวางแผนเอาไว้ล่วงหน้าของเราไว้บ้างอยู่แล้วล่ะ”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอบคำถามสื่อ หลังถูกถามเรื่องวันยุบสภาฯเมื่อ 17 ก.พ.

และตามมาด้วย “ก็ต้องดูว่าเวลาพอหรือไม่ เพราะต้องให้เขาย้ายพรรคอะไรก็แล้วแต่ เพราะหลายคนต้องการย้ายพรรค ก็ต้องมีเวลาให้เหมาะสม คำว่าครบ-ไม่ครบ หมายถึง 23 มี.ค.เลยหรือเปล่า คงไม่ถึงหรอก เพราะต้องให้เวลาเขาด้วย”พล.อ.ประยุทธ์กล่าวหลังถูกถามว่า จะอยู่ครบวาระหรือจะยุบสภาฯ เมื่อ 18 ก.พ.ที่ผ่านมา

ทั้งนี้เป็นที่พูดกันมานานแล้วว่า พล.อ.ประยุทธ์เป็นคนที่มีความเชื่อเรื่องโชคลาง-ฤกษ์พานาที…พอควร

อย่างวันที่ทำรัฐประหาร 22 พ.ค.2557 ก็มีข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์มีการเช็คฤกษ์-เช็คเวลากับพระอาจารย์ดังรูปหนึ่งในกรุงเทพมหานคร ทำนองว่า หากจะทำงานใหญ่เดือนพ.ค.เมื่อปี 2557 จะต้องทำช่วงไหน เวลาอะไร จนเป็นที่มาของการยึดอำนาจเมื่อช่วงเย็นๆวันดังกล่าว ที่สโมสรกองทัพบก

หรืออย่างการสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ พล.อ.ประยุทธ์ก็เลือกวันจันทร์ ที่ 9 ม.ค.66 ที่ “จันทร์” ก็คือ “จันทร์โอชา” นามสกุลของตัวเอง และวันที่ 9 ม.ค. ก็เป็นวันเลขสวย ที่ตรงกับความเชื่อของคนไทยส่วนใหญ่ รวมถึงการที่ใช้ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิต์ เป็นสถานที่จัดงานและเปิดตัวลงเล่นการเมืองเต็มตัว ก็ยังมีการมองกันว่า มีนัยยะเช่นกันกับการที่พล.อ.ประยุทธ์เป็น “อดีตทหารเสือราชินี” เลยใช้สถานที่ดังกล่าว

หรือก่อนหน้านี้ ที่สื่อรายงานถึงการเข้าทำงานของนายกฯ ที่ทำเนียบรัฐบาล ที่มาทำงานวันแรกของปี 2565 ก็มีการเสนอข่าวว่า…นายกฯสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบรัฐบาล พระพรหมบนตึกไทยคู่ฟ้า ศาลพระภูมิเจ้าที่ และศาลตา ศาลยาย

โดยเป็นที่น่าสังเกตว่า ที่ระเบียงด้านหน้าชั้น 2 ของตึกไทยคู่ฟ้า ได้มีการตั้งบูชารูปปั้นนรสิงห์ โดยมีการนำพวงมาลัยดอกดาวเรืองคล้องไว้ด้วย

ซึ่งมีรายงานข่าวว่า สมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี หรือ เจ้าคุณธงชัย วัดไตรมิตรวิทยาราม ในฐานะเจ้าคณะใหญ่หนกลาง ได้เข้ามาทำพิธีในช่วงกลางปี 2564 และเชื่อกันว่า ต้องทำพิธีในช่วงเวลาใกล้ตะวันตกดิน เพื่อให้เกิดพลังอำนาจ ทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตว่า รูปปั้นนรสิงห์ได้ถูกนำมาตั้งในบริเวณดังกล่าว โดยหากคนเดินผ่านบริเวณหน้าตึกไทยคู่ฟ้าไม่สังเกต จะมองไม่เห็น

ทำเนียบรัฐบาล

อีกทั้งระบุด้วยว่า ภายในห้องทำงานของพล.อ.ประยุทธ์ ตั้งแต่เข้ามาเป็นนายกฯ ได้สั่งให้ฝ่ายสถานที่ทำเนียบรัฐบาล จัดตั้งโต๊ะหมู่บูชา 3 ชุดใหญ่ ประกอบด้วย โต๊ะหมู่บูชาพระพุทธรูป โต๊ะหมู่บูชาเทพเจ้าต่างๆ และ โต๊ะหมู่บูชาอดีตบูรพกษัตริย์ โดยนายกฯจะไหว้ในช่วงเช้าทุกวันที่เข้ามาทำงาน ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่า ในยุคอดีตนายกฯส่วนใหญ่ จะตั้งเพียงโต๊ะหมู่บูชาพระพุทธรูปเท่านั้น

เชื่อได้ว่า วันยุบสภาฯของพล.อ.ประยุทธ์ คงมีเรื่องของการดูเรื่องฤกษ์ที่ดีที่สุด ของตัวเองว่ายุบสภาฯวันไหน แล้วจะทำให้มีโอกาสกลับมาเป็นนายกฯมากที่สุดหลังเลือกตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ก็คงยุบวันนั้น ที่เรียกกันว่า “ฤกษ์ชนะ” ภายใต้กรอบเวลาคือ คงอยู่ในช่วง 15-21 มี.ค.66

จึงทำให้มีการคาดการณ์กันไปต่างๆ บ้างก็ว่า พล.อ.ประยุทธ์อาจยุบสภาฯ วันที่ 21 มี.ค. เพราะตรงกับวันเกิดของตัวเอง ที่ปีนี้ครบ 69 ปี ซึ่งหากนำเลข 21 มาบวกกับ 69 ก็จะเท่ากับ 90 ก็ถือว่ายังมีเลข 9 ที่คนไทยนิยมชมชอบกันอยู่

แต่บางฝ่ายก็แย้งว่า การยุบสภาฯคือการทำให้ตัวเองพ้นจากการเป็นนายกฯเต็มตัว เหลือแค่นายกฯรักษาการ ที่หมายถึง “อำนาจในมือ” หายไปครึ่งหนึ่ง คนจึงมองว่า นายกฯไม่น่าจะยุบสภาฯ วันเกิดตัวเอง 21 มี.ค. น่าจะเป็นวันอื่นที่เป็นฤกษ์มงคลทางการเมืองกับตัวเองมากกว่า

ส่วนจะเป็นวันไหน “บิ๊กตู่-นายกฯสายมู” คงมีคำตอบไว้ในใจแล้ว

……………………………………….

คอลัมน์ : ส่องป้อมค่ายการเมือง

โดย “พระจันทร์เสี้ยว”

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img