วันพฤหัสบดี, เมษายน 25, 2024
หน้าแรกCOLUMNISTS“รอยร้าว”ก้าวไกล จบแบบไม่จบ “พิธา”ยังต้องพึ่ง“ธนาธร-ปิยบุตร”
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“รอยร้าว”ก้าวไกล จบแบบไม่จบ “พิธา”ยังต้องพึ่ง“ธนาธร-ปิยบุตร”

ทำเอาแวดวงการเมือง เกิด “อารมณ์ค้าง” กันไปตามๆ กัน เพราะเล่น “กอดคอ-จูบปาก” จบกันแบบดื้อๆ สำหรับ “ศึกพรรคส้ม” เกาเหลาคู่ใหญ่ของสองแกนนำพรรคส้ม-ก้าวไกล

ที่มีคู่ชกคือ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกล กับ “ปิยบุตร แสงกนกกุล” อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรคส้มตัวจริง ที่ทำให้มีพรรคก้าวไกลในวันนี้ ที่แม้วันนี้จะโดนตัดสิทธิการเมืองสิบปี แต่ก็ยังเป็น “ผู้นำทางความคิด” ของนักการเมืองในพรรคก้าวไกล และแฟนคลับพรรคส้ม อย่างเห็นได้ชัด

หลังก่อนหน้านี้ คอการเมืองพากันร้องปาก-ซี๊ดปากกันทั่วประเทศ หลังทั้งสองคน ออกมาฟาดฝีปากผ่าน facebook ของตัวเอง กันแบบดุเดือด ชนิดมีกันทวงบุญคุณการเมืองที่ “พิธา” โดน “ปิยบุตร” แฉว่า ได้ดีบนการเมืองวันนี้ด้วยการ “จับเสือมือเปล่า”

จนคอการเมือง ซี๊ดปากกันเป็นแถว ต่างเชื่อว่า “พรรคส้ม” คงแตกกันเป็นเสี่ยงๆ ยิ่ง “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” เจ้าของพรรคก้าวไกลตัวจริง ออกมาเชียร์ “พิธา” แบบไม่ไว้หน้า “ปิยบุตร” ก็ยิ่งทำให้หลายคนมองว่า “ก้าวไกล” เละแน่

แต่ครั้นเวลาผ่านไปยังไม่ถึงข้ามวัน ทั้ง “พิธา-ปิยบุตร” ก็กลับมา “กอดคอ-จูบปาก” ร้องเพลง “รางวัลแด่คนช่างฝัน” ในผับบาร์เบียร์คราฟแห่งหนึ่ง ย่านฝั่งธนบุรี พร้อมกับอัดคลิปเผยแพร่ไปทั่วว่า ตอนนี้ได้ปรับความเข้าใจกันแล้ว และหลังจากนี้ มีอะไร ก็จะพูดคุยกันมากขึ้น

จบกันแบบดื้อๆ แบบนี้ มันก็เลยทำให้ เกิดอารมณ์ค้างทางการเมืองกันไปหมด หลังทั้งสองคน เล่นทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จูบปากกันได้รวดเร็วสนิทใจ กันแบบนั้น

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์-ปิยบุตร แสงกนกกุล

เบื้องหลังฉากการเคลียร์ใจทั้งหมด เห็นได้ชัดว่า คนที่มีบทบาทสูง ก็คือ “เสี่ยเอก-ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่ยังมีบทบาทสูงในพรรคก้าวไกล ที่ลงมา “หย่าศึก-ห้ามทัพ”

ไม่ให้ “ศึกพรรคส้ม” บานปลาย พรรคร้าวมากกว่านี้ ในช่วงที่กำลัง เข้าสู่การเลือกตั้ง

เห็นได้จาก “ธนาธร” คือคนที่อยู่ในเฟรมคลิปการเคลียร์ใจดังกล่าว ที่บาร์เบียร์ดังกล่าว ที่ปิดร้านเพื่องานนี้โดยเฉพาะ โดยมี “ชัยธวัช ตุลาธน” เลขาธิการพรรคก้าวไกล เพื่อนสนิทธนาธร ที่ “ธนาธร” ส่งไปคุมพรรคก้าวไกล อีกคน ที่เป็นคนกลางในการหย่าศึกครั้งนี้ด้วย

อย่างไรก็ตาม แม้ภาพภายนอก ปัญหาในพรรคก้าวไกล จะคลี่คลายลงแล้ว แต่ของแบบนี้ มันดูกันออก รอยร้าวนี้ มันร้าวลึก และมันเป็นการระเบิดปัญหาภายในพรรคก้าวไกล ที่ซ่อนอยู่มานานให้คนนอกพรรคได้รับรู้

จน “ปิยบุตร-พิธา” ต้องเปลือยธาตุแท้สิ่งที่อยู่ภายในใจระเบิดออกมาให้คนภายนอกได้เห็น แบบไม่มีใครเกรงใจใคร ไม่ไว้หน้าซึ่งกันและกัน แล้วจะมาจบกันง่ายๆ ด้วยการนั่งกินเบียร์คราฟในร้านและกอดคอ ร้องเพลงกัน ทุกอย่างก็จบ

ของแบบนี้ เชื่อหรือว่าจะจบได้จริง ?

ไม่มีทางแน่นอน

ลึกๆ ในใจ ทั้งพิธาและปิยบุตร

ยังไง มันต้องมีเรื่อง “ติดค้าง” กันในใจแน่นอน

เพียงแต่ที่ต้องยืนกอดคอกัน บอกว่าปรับความเข้าใจกันแล้ว มันก็แค่การ “กลบเกลื่อนปัญหาภายในพรรค” และ “แสร้งทำเป็นไม่มีอะไรต่อกัน” เพื่อ “ซุกปัญหา” ไว้ชั่วคราว

เพราะทั้ง “ธนาธร-พิธา-ปิยบุตร-ชัยธวัช” ต่างก็รู้ตัวเองกันดีว่า หากปล่อยให้พรรคก้าวไกล เข้าสู่สนามเลือกตั้งในสภาพที่พรรคมีปัญหาจากแกนนำพรรค “ทะเลาะ-สาวไส้” กันเอง มันไม่เป็นผลดีต่อการลงทำศึกเลือกตั้งแน่นอน

ยิ่งเลือกตั้งที่จะมีขึ้น “ก้าวไกล” ไม่น่าจะมี “ส้มหล่น” แบบตอนเลือกตั้งปี 2562 อีกแล้ว ที่จะได้ส.ส.เข้าสภาฯแบบเป็นกอบเป็นกำ โดยเฉพาะส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ที่ตอนนั้นอนาคตใหม่ได้มาถึง 50 เก้าอี้จากที่มีอยู่ 150 เก้าอี้ คิดเป็น 1 ใน 3 รวมถึงส.ส.เขตอีกหลายคน…แบบคาดไม่ถึง ที่ตอนนั้นเป็นผลพวงมาจาก “ไทยรักษาชาติ” โดนยุบพรรค และหลายเขตเลือกตั้ง ไม่มีคนของเพื่อไทยลงสมัคร ทำให้เลยมีการเทคะแนนไปที่ “อนาคตใหม่” ส่งผลให้ “อนาคตใหม่” เลยส้มหล่น ได้ส.ส.เข้าสภาฯมาอันดับสาม รองจาก “เพื่อไทย-พลังประชารัฐ”

แต่รอบนี้ ถ้าไม่มีอุบัติเหตุการเมืองใดๆ แบบนั้นอีก มันก็ยากที่ “ก้าวไกล” จะได้ส.ส.เข้าสภาฯ แบบเป็นกอบเป็นกำขนาดนั้น

ยิ่งตอนนี้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ลดลงจาก 150 เหลือแค่ 100 ทำให้ “ก้าวไกล” ยังไง ก็ได้ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ลดลงจากเดิมหลายสิบเก้าอี้แน่นอน

ผนวกกับกระแส “ก้าวไกล” เวลานี้ แม้ผลโพลหลายสำนัก “พิธา” จะติดอยู่ในอันดับต้นๆ รายชื่อคนที่ประชาชนอยากเห็นเป็นนายกฯ แต่กระแสภาพรวมของพรรคก้าวไกล หลายคนมองว่า ความพีคน้อยลงจากตอนเลือกตั้งปี 2562 ที่ตอนนั้น กระแส “ธนาธร” แรงกว่า “พิธา” ตอนนี้มาก

ขณะเดียวกัน หลายพรรคการเมือง เห็นบทเรียนแล้วว่า ตอนเลือกตั้งปี 2562 อะไรที่พรรคพลาดไปตอนเลือกตั้ง เช่นการสื่อสารผ่านโซเชียลมีเดีย หรือการเจาะฐานคะแนนคนรุ่นใหม่ “นิวโหวตเตอร์” ก็ทำให้หลายพรรคการเมือง พยายามเร่งการสื่อสารผ่านโซเชียลมีเดียมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทำให้อย่างน้อยก็อาจมีผลไปแชร์คะแนนจากคนรุ่นใหม่ ให้หันมาสนใจพรรคการเมืองอื่นบ้าง ไม่ใช่มีแต่ “ก้าวไกล”

พรรคประชาธิปัตย์ปล่อย MV “เช้าวันใหม่”

เห็นได้ชัดจากกรณี “พรรคประชาธิปัตย์” ที่ปล่อยมิวสิกวีดีโอ “เช้าวันใหม่” ออกมาเมื่อวันเสาร์ที่ 25 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยมีแกนนำพรรคร่วมแสดงกันหมด และมีเนื้อหา-ทำนอง ที่คึกคัก ที่ขับร้องโดยอดีตนักร้องนำวงลาบานูน “เมธี อรุณ” ที่จะลงสมัครส.ส.เขต นราธิวาส ถือเป็นการหาเสียงแบบใหม่ ที่ฉีกความเป็นประชาธิปัตย์แบบเดิมๆ ที่ทำให้ยังไงเสีย ก็คงโดนใจคนรุ่นใหม่ พอสมควร และก็จะมีผลต่อการดึงคะแนนจากพรรคก้าวไกลออกมาได้แน่นอน

หรือแม้แต่กับพรรคฝ่ายค้านด้วยกันเอง อย่าง “เพื่อไทย” ก็พยายามโหมกระแสแลนด์สไลด์กับคนรุ่นใหม่-นิวโหวตเตอร์อย่างหนัก ซึ่งที่ผ่านมา ก็ได้ผลพอสมควร เห็นได้จากที่กระแส “อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร” เด่นและได้รับการพูดถึงมากกว่า “พิธา” อย่างเห็นได้ชัด ตรงนี้ก็ทำให้ “ก้าวไกล” โดนดึงคะแนนไปจาก “เพื่อไทย” ไปได้ระดับหนึ่งแน่นอน

จึงไม่แปลกที่ “ปิยบุตร” จะประเมินว่า เลือกตั้งที่จะมีขึ้น “ก้าวไกล” น่าจะได้ส.ส.ราวๆ แค่ 30 ที่นั่ง เท่านั้น และเห็นว่า พรรคควรต้องปรับยุทธศาสตร์การหาเสียงใหม่ จะไปใช้วิธีการแบบที่ทำอยู่คงไม่ได้แล้ว เพราะจะทำให้ “ก้าวไกล” โดน “เพื่อไทย” กลืน จนไม่สามารถมีแสงในตัวเองได้ จนเป็นที่มาซึ่งทำให้ “พิธา” ไม่พอใจ ที่มาถูกสั่งสอนการทำงาน จนมีการเปิดศึกกันดังกล่าว ก่อนที่จะกอดคอจูบปาก กลบเกลื่อนปัญหาภายในพรรคไปแบบดื้อๆ

จากสภาพทั้งหมด ที่เกิดขึ้นกับ “พรรคก้าวไกล” ทำให้หลายคน เห็นแล้วว่า “ก้าวไกล” มีปัญหาภายในพรรคจริงๆ

หลังก่อนหน้านี้ “คริส โปตระนันท์” อดีตผู้ร่วมก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ ที่วันนี้เดินออกจาก “ก้าวไกล” ไปแล้ว แต่โยนระเบิดเข้าพรรคไว้ก่อนจากว่า พรรคก้าวไกลมีระบบการบริหารจัดการแบบเบ็ดเสร็จ รวบอำนาจ โดยแกนนำพรรคไม่กี่คน ที่ตัดสินใจหมดทุกเรื่องที่เรียกว่า “โปลิตบูโร”

และตามมาด้วย “ปิยบุตร” ที่แรงกว่า “คริส” หลายเท่า แต่สุดท้าย “ธนาธร-ปิยบุตร-พิธา-ชัยธวัช” เลือกที่จะซุกปัญหาทั้งหมดไว้ชั่วคราว เพื่อไม่ให้ “ก้าวไกล” ทัพรวน ในช่วงก่อนการเลือกตั้ง

กระนั้น ไม่มีใครรับประกันได้ว่า หลังจากนี้ ปัญหาที่ซุกไว้ จะกลับมาระเบิดอีกเมื่อไหร่ ?

กับสภาพที่ใน “ก้าวไกล” แบ่งออกเป็นสองขั้วใหญ่ คือ “กลุ่มธนาธร-ปิยบุตร” หรือ “กลุ่มคณะก้าวหน้า” ที่มีส.ส.ก้าวไกล แกนนำพรรคอยู่กับกลุ่มนี้จำนวนไม่น้อย กับ “กลุ่มพิธา” ที่ก็มีส.ส.และแกนนำพรรคก้าวไกล หลายคน ก็อยู่กับพิธาจำนวนหนึ่ง และมีแนวโน้มจะมากขึ้น

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์

หลัง “พิธา” ใช้วิธีสร้างขุมกำลังให้ตัวเอง ผ่านการเอาคนของตัวเองไปลงสมัครส.ส.ในพื้นที่ซึ่งมีโอกาสจะชนะการเลือกตั้งเช่น ในพื้นที่เขต 1 อำเภอเมืองของจังหวัดต่างๆ รวมถึงในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ที่ “พิธา” คัดเลือกตัวและดันคนในเครือข่ายตัวเองลงสมัครหลายสิบคน เพื่อหวังสร้างขุมกำลังในพรรคก้าวไกลให้มากขึ้น เพื่อจะได้มีอำนาจการต่อรองในพรรคจริงๆ เสียที ไม่ใช่ต้องพึ่ง-ฟังเสียง “ธนาธร-ปิยบุตร” แบบทุกวันนี้

แต่เมื่อวันนี้ การเลือกตั้งกำลังจะเกิดขึ้น และตัว “ธนาธร-ปิยบุตร” ยังมีบทบาทในพรรคก้าวไกลอยู่ โดยเฉพาะการเรียกคะแนนเสียงจากกลุ่มแฟนคลับคนรุ่นใหม่ได้จำนวนมากพอสมควร อีกทั้งกลุ่มผู้สมัครส.ส.เขต ที่ “พิธา” คัดมาและดันลงเลือกตั้ง ต้องรอให้ผ่านการเลือกตั้งก่อน ว่าจะเข้าสภาฯได้กี่คน ซึ่งหากเข้ามาได้เยอะ ก็จะทำให้ “พิธา” มีอำนาจมากขึ้นในการบริหารจัดการภายในพรรคก้าวไกล ได้เป็นหัวหน้าพรรคที่มีอำนาจเต็มเสียที

ไม่ใช่ต้องอยู่ใต้เงา “ธนาธร-ปิยบุตร” แบบทุกวันนี้ มันเลยทำให้ “พิธา” ยังต้องพึ่งพา “ธนาธร-ปิยบุตร” ไปก่อน จนกว่าการเลือกตั้งจะเสร็จสิ้นลง แล้วหลังจากนั้น ค่อยมาคิด “ปลดแอก-เดินออกจากเงา” ทั้งสองคนในภายหลัง

……………..

คอลัมน์ : ส่องป้อมค่ายการเมือง

โดย …..“พระจันทร์เสี้ยว”

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img