วันศุกร์, มีนาคม 29, 2024
หน้าแรกCOLUMNISTS“พิธา”เพลี่ยงพล้ำ-พังเพราะปากตัวเอง แต่จับกระแส“พรรคก้าวไกล”ยังไม่วูบ!!
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“พิธา”เพลี่ยงพล้ำ-พังเพราะปากตัวเอง แต่จับกระแส“พรรคก้าวไกล”ยังไม่วูบ!!

มีการมองกันว่า ผลจากที่ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกล กำลังเพลี่ยงพล้ำ เสี่ยงจะ “ตายเพราะปาก” เรื่องที่ออกมาให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ “สรยุทธ สุทัศนะจินดา” ในหลายประเด็น…ทำนองว่า โดนทหารกลั่นแกล้งกดดันตั้งแต่อายุยังน้อย

ตอนที่กำลังเข้าสู่การเมืองแรกๆ เมื่อปี 2549 ที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ทำการรัฐประหารรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร และตอนนั้น เป็นข้าราชการการเมืองของทีมงานดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เช่น ถูกคมช.อายัดทรัพย์ จนทำให้ไม่มีเงินไปจัดงานศพบิดาตัวเองที่เสียชีวิตช่วงรัฐประหารพอดี หรือถูกทหารควบคุมตัว ในเที่ยวบินที่บินกลับจากสหรัฐอเมริกา พร้อมกับทีมงานการเมืองของทักษิณจน ไม่สามารถกลับไปทันงานศพของพ่อตัวเองได้

ที่ตอนนี้ ก็ถูกบางฝ่ายเช่น “ศรีสุวรรณ จรรยา-เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ” ไปยื่นเรื่องให้ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตรวจสอบแล้ว ว่าพฤติการณ์ดังกล่าว อาจเข้าข่ายผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. พ.ศ.2561 มาตรา 73 (5) ซึ่งระบุไว้ชัดเจนว่า…

“ห้ามพรรคการเมืองหาเสียงโดยวิธีการหลอกลวง ใส่ร้ายด้วยความเท็จ หรือจูงใจให้เข้าใจในคะแนนนิยมของตนเองหรือพรรคการเมืองที่ผิดไป”

ก็ต้องดูว่า ทาง “กกต.” จะว่าอย่างไร แต่ดูแล้ว ยังไงเรื่องนี้ หาก “กกต.” จะรับเรื่องไว้พิจารณาจริง กว่าเรื่องจะจบก็หลังการเลือกตั้งไปแล้ว

แม้จะพบว่า เรื่องดังกล่าว ยิ่งนานวัน ก็ยิ่งพบว่าสิ่งที่ “พิธา” พูดไป ถูกจับผิดมากขึ้นเรื่อยๆ

อย่างเช่นล่าสุดที่ “พิธา” อ้างว่าถูกอายัดเงินในบัญชี 2-3 เดือน ในช่วงปี 2549 หลัง “คมช.” ทำรัฐประหารรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร จนทำให้ไม่สามารถนำเงินมาจัดงานศพบิดาตัวเอง

พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม
พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม

แต่คนที่เกี่ยวข้องโดยตรงคือ “พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม” สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะอดีตหัวหน้าคณะสำนักงานเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (พล.อ.วินัย ภัททิยกุล อดีตเลขาธิการคมช.) กล่าวยืนยันว่า ในฐานะที่ทำงานอยู่กับคมช.ในเวลานั้น ช่วงที่คมช.อยู่ในอำนาจ ไม่เคยมีการออกคำสั่งให้มีการอายัดทรัพย์สินของบุคคลใดแม้แต่คนเดียว จะมีก็แค่การเชิญตัวอดีตนักการเมืองในรัฐบาลเก่า (รัฐบาลทักษิณ ชินวัตร) ไปพูดคุยเป็นการชั่วคราว และเรื่องการสอบสวนคดีทุจริต คมช.ก็ไม่ได้ทำ เพราะตอนนั้นคมช.มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) เป็นผู้ดำเนินการ ที่ก็ดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม มีการไต่สวนแล้วก็ส่งสำนวนไปตามกระบวนการยุติธรรม ส่งฟ้องศาล

“คมช.ยุคนั้นปี 2549 ไม่ได้มีอำนาจหรือใช้อำนาจเหมือนยุคคสช.ที่มีการใช้มาตรา 44 ส่วนที่คนออกมาพูดลักษณะแบบนี้ ก็ต้องไปคิดกันดู ยืนยันได้ว่า คมช.ไม่เคย ทั้งอายัดหรือยึดทรัพย์อะไร คมช.ไม่ได้ใช้อำนาจแบบคณะรัฐประหารในอดีตที่เรียกกันว่า มาตรา 17 หรือแบบมาตรา 44 ยุคคสช. คมช.จึงไม่ได้มีอำนาจในการจะไปอายัดทรัพย์หรือยึดทรัพย์คนใดทั้งสิ้นแม้แต่คนเดียว หากจะมีก็เป็นการดำเนินการโดยคตส.”อดีตหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการคมช.ระบุ

ยิ่งเป็นไปแบบนี้ เครดิต-ความน่าเชื่อถือของ “พิธา” ก็ยิ่งมีปัญหาในเรื่องการยอมรับแน่นอน จนมีการตั้งฉายาให้แล้วว่า เป็น “พิธาคิโอ” เพื่อล้อเลียนว่าเป็นพวกชอบโกหก พูดเท็จ แบบ “พิน็อคคิโอ-Pinocchio”

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์

กระนั้น ในเชิง “คะแนนเสียง-เรตติ้งทางการเมือง” มีการมองว่า ไม่น่าจะส่งผลมากนักกับ “พิธา” และ พรรคก้าวไกล!

เพราะโหวตเตอร์ที่จะเลือก “ก้าวไกล” วันที่ 14 พ.ค. ที่ตัดสินใจไว้แล้วว่า เลือกพรรคส้มแน่นอน ตั้งแต่ตอนนี้ ยังไง ถึงวันที่ 14 พ.ค. ก็จะเลือกก้าวไกลต่อไป ด้วยเหตุผลทำนองว่า ที่เลือก “ก้าวไกล” เพราะชอบที่ตัวพรรค นโยบายพรรค การทำงานของอดีตส.ส.ก้าวไกลในสภาฯชุดที่แล้ว และจุดยืนของพรรคที่ระบุชัด “มีเรา ไม่มีลุง-มีลุง ไม่มีเรา”

ส่วนความชอบในตัว “พิธา” ก็มีอยู่บ้าง แต่มากที่สุดจริงๆ ก็ไม่ถึงกับเกิน 40 เปอร์เซ็นต์ แต่ที่จะเลือก…เลือกเพราะความเป็นพรรคก้าวไกลมากกว่า รวมถึงชอบคนอื่นๆ ในพรรคด้วย ทั้งที่อยู่ในพรรคอย่างเป็นทางการและไม่เป็นทางการเช่น “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ-ปิยบุตร แสงกนกกุล”

โดยเฉพาะ “คนรุ่นใหม่-นิวโหวตเตอร์” ที่มองกันว่า ไม่ได้เสพข้อมูลข่าวสารแบบเจาะลึกและรอบด้าน และหากจะเสพข่าวสาร ก็จะเลือกเสพข่าวสารในฝั่งเดียว เช่นฝั่งที่เชียร์ “ก้าวไกล-พิธา” ก็จะไม่รับรู้ข่าวสาร เสียงวิพากษ์วิจารณ์ของหลายฝ่ายที่มีต่อ “พิธา” ในเรื่อง “ความเป็นผู้นำ” โดยเฉพาะหลังถูกจับผิดในหลายประเด็น

รวมถึงมีการมองกันว่า โหวตเตอร์กลุ่มที่จะเลือก “ก้าวไกล” ก็จะไม่สนใจต่อเสียงวิจารณ์นโยบายต่างๆ ของก้าวไกลที่ใช้ในการหาเสียงเลือกตั้ง เช่น การที่แกนนำพรรคก้าวไกล ยืนยันว่าจะเดินหน้าแก้ไข มาตรา 112 ซึ่งเรื่องนี้ ได้เขียนไว้เป็นนโยบายพรรคอย่างเป็นทางการที่ยื่นต่อ กกต.ด้วย

ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ

ท่ามกลายเสียงเป็นห่วงจากบางฝ่ายว่า จะทำให้การเมืองหลังการเลือกตั้ง โดยเฉพาะหาก “ก้าวไกล” ได้คะแนนเสียงส.ส.เข้าสภาฯ เป็นจำนวนที่เกินความคาดหมาย ยิ่งหากได้คะแนนในระบบปาร์ตี้ลิสต์หลายล้านคะแนน ก็จะทำให้ “ก้าวไกล” ลำพองทางการเมือง และเคลมว่า เป็นเสียงประชาชนที่เห็นด้วยกับการแก้ไขมาตรา 112 จนมีการเดินหน้าแก้ไข 112 ยิ่งถ้าเป็นรัฐบาล มีอำนาจในมือ ก็จะยิ่งทำให้มั่นใจในการเดินหน้าเรื่องนี้ จนสุดท้าย เรื่องแก้ 112 จะกลับมาเป็นประเด็นที่ “จุดไฟความขัดแย้ง” ให้กับสังคมการเมืองไทย หลังเลือกตั้งก็ได้

ผลการเลือกตั้งครั้งนี้ โดยเฉพาะคะแนนเสียง-จำนวนส.ส.ที่พรรคก้าวไกลจะได้หลังเลือกตั้ง จึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจอย่างมาก เพราะนี้คือเสียงสะท้อนที่ชัดเจนที่สุดว่า คนไทยคิดเห็นอย่างไรกับพรรคก้าวไกล ผ่านผลเลือกตั้ง

เบื้องต้นคนในก้าวไกลอย่าง “พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์” รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่บอกว่า เลือกตั้งรอบนี้ พรรคก้าวไกลมั่นใจว่า จะได้ส.ส.มากกว่าเดิม ตอนช่วงเป็นพรรคอนาคตใหม่ที่ได้ส.ส.หลังเลือกตั้งปี 2562 รวม 81 เสียง โดยความคาดหวังก็คือ เกิน 100 ที่นั่ง

“ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ถึงตอนนี้ คิดว่าพรรคก้าวไกลมีโอกาสจะได้เกิน 30 ที่นั่ง สำหรับพื้นที่กรุงเทพมหานคร พรรคตั้งเป้าว่าจะได้ส.ส.เขต กทม.มาเป็นอันดับหนึ่ง ได้ส.ส.เกินครึ่งหนึ่งของจำนวนส.ส.กทม.ทั้งหมดที่มีอยู่ 33 ที่นั่ง นอกจากนี้ พรรคมั่นใจว่าจะมีส.ส.เขต ในทุกภูมิภาค จากเดิมที่ตอนเลือกตั้งปี 2562 พรรคไม่ได้ส.ส.เขตในภาคใต้เลยสักคน แต่รอบนี้คิดว่าพรรคมีโอกาสจะได้ส.ส.เขตภาคใต้ และจะได้ครบทุกภาค”

“พรรคก้าวไกล” จะได้ส.ส.หลังการเลือกตั้งกี่คน และคะแนนปาร์ตี้ลิสต์จะได้กี่ล้านคะแนน คืออีกหนึ่งฉากทางการเมืองที่สำคัญ ที่ต้องติดตามในการเลือกตั้งรอบนี้ 14 พ.ค.

………………………………….

คอลัมน์ : ส่องป้อมค่ายการเมือง

โดย “พระจันทร์เสี้ยว”

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img