วันเสาร์, เมษายน 20, 2024
หน้าแรกCOLUMNISTSรักในรอยแค้น...“พรรคพลังประชารัฐ” ศึก“นายกฯลุงตู่ vs ธรรมนัส”จบยาก!
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

รักในรอยแค้น…“พรรคพลังประชารัฐ” ศึก“นายกฯลุงตู่ vs ธรรมนัส”จบยาก!

ระหว่างที่ “พรรคเพื่อไทย” ที่จะเป็นพรรคคู่แข่งอันดับหนึ่งของ “พลังประชารัฐ” ในการเลือกตั้งรอบหน้ากำลังคึกคักอย่างยิ่ง หลัง “ทักษิณ ชินวัตร” ทิ้งไพ่ ส่ง “อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร” บุตรสาวคนสุดท้อง เข้าสู่ถนนการเมืองเต็มตัว ในฐานะประธานที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม ทำเอาส.ส.-แกนนำพรรค-ผู้สนับสนุนพรรค-กองเชียร์แฟนคลับ ของเพื่อไทยรู้สึกฮึกเหิมขึ้นมาไม่ใช่น้อย

เพราะแสดงให้เห็นแล้วว่า “ทักษิณ” ในวัยที่เข้าสู่เลข 73 ปี วางทายาททางการเมืองไว้แล้ว และไม่ใช่แค่ทายาทธรรมดา แต่เป็น “เลือดเนื้อเชื้อไขตระกูลชินวัตร” เสียด้วย และเป็นไปได้สูง แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย ในช่วงเลือกตั้ง ถ้าจะเป็น “อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร” ก็ไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมาย

ขณะเดียวกัน “เพื่อไทย” ขณะนี้ ก็มีการรีแบนด์พรรคให้ดูทันสมัยมากขึ้น รวมถึงมีการปรับทัพใหม่ เปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรค เขี่ย “สมพงษ์ อมรวิวัฒน์” ที่ตกยุคไปแล้ว แล้วเข็น “นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว” ส.ส.น่าน ที่สดกว่าขึ้นนำทัพ “เพื่อไทย” แทน

‘อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร’ ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนรวมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย

อีกทั้ง ปรับเปลี่ยนกรรมการบริหารพรรคอีกหลายคน โดยพบว่า มีการส่งคนหน้าใหม่ๆ เข้ามามีบทบาทในพรรคมากขึ้น โดยเฉพาะการส่งสายตรง คนตระกูล “ชินวัตร-จันทร์ส่องหล้า” คือ “นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี” อดีตรมว.ไอซีที เป็นผู้อำนวยการพรรคเพื่อไทยเพื่อคุมทิศทางพรรคในภาพรวม

การปรับทัพครั้งนี้ของ “ทักษิณ” ที่วางแผนแบบเงียบๆ และเคาะออกมาก่อนหน้าการประชุมใหญ่พรรคที่ขอนแก่นเมื่อ 28 ต.ค. ไม่กี่วัน แสดงให้เห็นว่า เลือกตั้งรอบหน้า “ทักษิณ” ตั้งเป้า ต้องชนะแลนด์สไลด์ “ทักษิณ” เอาจริงแน่

เพียงเท่านี้ ก็ทำเอาส.ส.-แกนนำเพื่อไทย ที่แห้งเหี่ยว เป็นส.ส.ฝ่ายค้านมาสองปีกว่า จนบางคนมีข่าวกำลังจะย้ายพรรคไปอยู่กับพรรคขั้วรัฐบาลอย่าง “ภูมิใจไทย” หรือ “พลังประชารัฐ” และพรรคตั้งใหม่อย่าง “ไทยสร้างไทย” ของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ถึงตอนนี้ คงชักลังเลใจเสียแล้ว ส่วนหลายคนที่ปักหลักอยู่ต่อ ไม่ย้ายไปไหน ก็คงฝันถึงหลังเลือกตั้ง จะได้เป็นส.ส.ฝ่ายรัฐบาล รอลุ้นเก้าอี้รัฐมนตรี

เพื่อไทย” ยามนี้ จึงกลายเป็นพรรคการเมืองที่กลับมาคึกคักขึ้นมาทันที เรียกได้ว่า ไพ่ใบนี้ ของ “ทักษิณ” ได้ผลดีเลยทีเดียว  

ซึ่งสวนทางยิ่งนักกับ “พรรคพลังประชารัฐ” พรรคแกนนำรัฐบาล ที่แม้วันนี้ สภาพการงัดข้อ-เกาเหลาภายในพรรค จะนิ่งสงบ หลัง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ลงมาหย่าศึกภายในพรรคด้วยการอุ้ม “ธรรมนัส พรหมเผ่า” ให้เป็นเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐต่อไป แม้แกนนำพรรค-ส.ส.พลังประชารัฐ หลายกลุ่มจะพยายามกดดัน เดินเกมให้เปลี่ยนตัวเลขาธิการพรรค เป็นคนอื่น แต่ไม่สำเร็จ เพราะ “บิ๊กป้อม” ขวางสุดตัว แม้ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะส่งสัญญาณ ต้องการให้ปรับเปลี่ยนก่อนที่จะมีการเปิดประชุมรัฐสภา ตั้งแต่  1 พ.ย. แต่สุดท้าย เมื่อ “บิ๊กป้อม” เอาตัวเข้าขวาง ถึงขั้นขู่ หากไม่เลิกทะเลาะกันและจะเอาธรรมนัส ออก “กูก็ออก-เลิกเล่นการเมือง”

จนแกนนำพลังประชารัฐ สายตรงข้าม “ผู้กอง” ต้องยอมล่าถอย แต่ทุกคนก็เห็นเหมือนกับที่คนในพลังประชารัฐเห็นคือ การได้อยู่ต่อของ “ธรรมนัส” มันก็เป็นแค่การหย่าศึกชั่วคราว ที่เหมือนกับซ่อนปัญหาไว้ใต้พรหม เพื่อรอวันกลับมาเปิดศึกกันอีกรอบ

วิเคราะห์ได้ว่าเหตุที่ “บิ๊กป้อม” ยังต้องการให้ “ธรรมนัส” คุมพรรคต่อไป คงเพราะเห็นแล้วว่า ยังหาคนที่เหมาะสมมาเป็นเสนาธิการพรรคคู่ใจ นำ “พลังประชารัฐ” เข้าสู่สนามเลือกตั้งแทน “ธรรมนัส” ไม่ได้ โดยเฉพาะความครบเครื่องเรื่อง….

“ใจถึงพึ่งได้-กล้าได้กล้าเสีย”

ซึ่่งบุคลิกแบบนี้ คนในพรรคไม่ว่าจะ “สันติ พร้อมพัฒน์” รมช.คลัง-“สุชาติ ชมกลิ่น” รมว.แรงงาน-“สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” รมว.อุตสาหกรรม ก็ยังห่างชั้นกับธรรมนัสเยอะ

ที่สำคัญ “บิ๊กป้อม” คงเห็นใจ “ธรรมนัส” ที่ถูกปลดออกจากตำแหน่ง รมช.เกษตรฯ โดยไม่ทันตั้งตัว โดยที่ “บิ๊กป้อม” เองไม่สามารถช่วยเหลือได้ ดังนั้น หากปล่อยให้ “ธรรมนัส” ขาลอย กลายเป็นแค่ส.ส.พะเยา ธรรมดา หรือกลับมาเป็นกรรมการบริหารพรรคในตำแหน่งอื่น เช่น รองหัวหน้าพรรค แต่ยังไง มันก็คือการเสียหน้าของ “ธรรมนัส” ซึ่งหากโดนสองดอกสองเด้งแบบนี้คือ ไม่มีตำแหน่งรัฐมนตรี-หลุดจากเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ

อีกทั้ง ถึงตอนนี้ ก็ยังไม่ชัวร์ว่า ปรับครม.ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต หลังเก้าอี้รัฐมนตรียังว่างสองตำแหน่ง สุดท้ายแล้ว “พล.อ.ประยุทธ์” จะคืนโควต้ารัฐมนตรีให้กลุ่มธรรมนัสหรือไม่ เพราะหากปรับแล้ว ไม่มีคนของกลุ่มธรรมนัสอย่าง “ไผ่ ลิกค์” ส.ส.กำแพงเพชรหรือ “เอกราช ช่างเหลา” จากขอนแก่น ได้เป็นรัฐมนตรี ทางกลุ่มธรรมนัส ก็คงไม่พอใจแน่นอน

ถ้ากลุ่มธรรมนัส โดนเจาะยางหนักๆ แบบนี้ “บิ๊กป้อม” และคนในพลังประชารัฐ ก็รู้ดีว่า เลือกตั้งที่จะมีขึ้น “ธรรมนัส” แยกวง ออกจากพลังประชารัฐแน่นอน และเป็นไปได้ ที่อาจจะกลับพรรคเพื่อไทย

มันก็เท่ากับเป็นการ “ผลักมิตร-ไล่ส่งคนกันเอง”  ไปอยู่ฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง

ผลก็คือ พรรคพลังประชารัฐ จะเสียกำลังหลักไป ขณะที่ฝ่ายตรงข้าม ก็จะได้คนที่มาช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้มากขึ้น เรียกได้ว่า “พลังประชารัฐ” เสียสองต่อเห็นๆ   

ขณะเดียวกัน “บิ๊กป้อม” ก็คงมองว่า ร่องรอยความขัดแย้งภายในแกนนำพลังประชารัฐ ยังพอพูดคุยตกลงกันได้ ยังไม่ถึงขั้นแตกหัก จนมองหน้ากันไม่ติด เพียงแต่ขอให้ผ่านช่วงนี้ไปสักพักก่อน แล้วค่อยๆ เคลียร์ใจกันไป

ด้วยเหตุนี้ การลงมาหย่าศึก แล้วทำให้ “ธรรมนัส” ยังเป็นเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐจึงเกิดขึ้น และก็สำเร็จ เคลียร์ทุกอย่างจบ ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง

ซึ่งลึกๆ แล้ว น่าเชื่อได้ว่า แกนนำพลังประชารัฐหลายคน โดยเฉพาะพวกที่เป็นรัฐมนตรี ก็ไม่มีใครอยากแตกหักกันเองภายในพรรค เพราะหลายคนก็ยังแฮ๊ปปี้กับการมีตำแหน่งรัฐมนตรีในรัฐบาลอยู่ ส่วนใหญ่ก็อยากให้รัฐบาลอยู่ยาวๆ ทั้งสิ้น ไม่มีใครอยากให้ “บิ๊กตู่” ยุบสภาฯกันตอนนี้ ยังไงก็ขอให้ผ่านไปได้ถึงสักกลางปีหน้า ให้รัฐบาลอยู่ครบอย่างน้อยสามปี ถึงตอนนั้น หากอะไรจะเกิด ก็ต้องเกิด ยังไงตอนนี้ก็ยังไม่ต้องการให้เกิดอุบัติเหตุการเมือง มีการยุบสภาฯเกิดขึ้น

ด้วยเหตุนี้ พอเจอ “บิ๊กป้อม” ลงมาหย่าศึก นัดเคลียร์ใจกัน แกนนำพลังประชารัฐ ที่ส่วนใหญ่เป็นนักเลือกตั้งที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะ บวกลบคูณหารในใจแล้ว การให้ “ธรรมนัส” อยู่ต่อ แล้วรัฐบาลยังเดินต่อไปได้ มันคุ้มมากกว่าที่จะมาแตกหักกันตอนนี้ ในช่วงกำลังเปิดประชุมสภาฯ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

ปัญหาภายในพลังประชารัฐเลยจบลงแบบรวดเร็ว มาเร็ว-เคลมเร็ว แต่เป็นการจบ แบบที่ “บิ๊กตู่” ก็คงหงุดหงิดหัวใจพอสมควร เพราะแม้จะปลด “ธรรมนัส” ออกจากครม.ไปแล้ว แต่การที่ “ธรรมนัส” และกลุ่มธรรมนัส  ยังมีบทบาทในพลังประชารัฐ และใช้ตำแหน่งเลขาธิการพรรคสร้างสมบารมีไปเรื่อยๆ โดยที่ “บิ๊กป้อม” ก็กางปีกป้อง เพราะไม่อยากให้เกิดการแตกหัก

ทำให้ปัญหาภายในพลังประชารัฐที่จบเร็ว จึงเป็นการ “จบแบบไม่จบ” โดยเฉพาะศึกงัดข้อระหว่าง “พล.อ.ประยุทธ์” ผู้นำรัฐบาลกับ “ธรรมนัส” ที่มีสถานะเป็นเบอร์สองของ “พลังประชารัฐ” โดยมี “บิ๊กป้อม” นั่งอยู่ตรงกลาง คอยกันคู่มวยคู่นี้

จึงเป็นศึกงัดข้อที่รอวันแตกหัก ไม่วันใดก็วันหนึ่ง !

…………………………………….

คอลัมน์ : ส่องป้อมค่ายการเมือง

โดย “พระจันทร์เสี้ยว”

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img