วันพฤหัสบดี, มีนาคม 28, 2024
หน้าแรกCOLUMNISTSฝันกลางแดด “เศรษฐกิจไทย - บิ๊กน้อย - ธรรมนัส”
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

ฝันกลางแดด “เศรษฐกิจไทย – บิ๊กน้อย – ธรรมนัส”

ไม่มีเสียงร้องว้าว ไร้เสียงขานรับว่า “สุดปัง” และไม่มีอะไรเซอร์ไพรส์ ให้ฮือฮาเล่น แต่ก็ไม่เหนือความคาดหมายกับการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของพรรคเศรษฐกิจไทย ผ่านการประชุมใหญ่พรรคเมื่อวันศุกร์ 18 มี.ค.ที่ผ่านมา ที่ตึก ยูทาวเวอร์ ถนนศรีนครินทร์ 

เพราะแวดวงการเมือง ก็รู้กันดีอยู่แล้ว ว่า “พรรคเศรษฐกิจไทย” โดยการนำของสองคีย์แมน “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” อดีตรมช.เกษตรฯและอดีตเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐและ “พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา” อดีตประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ ที่ควงคู่แยกตัวกันออกมาจากพลังประชารัฐ ก็ทำได้แค่นี้!

ดังนั้น การที่ทางที่ประชุมใหญ่พรรคเศรษฐกิจไทย เลือก “บิ๊กน้อย-พล.อ.วิชญ์” ให้เป็นหัวหน้าพรรค หลัง “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” ส่งพล.อ.วิชญ์มาตั้งพรรคเศรษฐกิจไทย ให้เป็นพรรคเครือข่ายของกลุ่มป่ารอยต่อฯ ซึ่งเป็นการเข้ามาเป็นหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย แบบรู้กันล่วงหน้ามาร่วมสองเดือนแล้ว ตั้งแต่มีการขับกลุ่มธรรมนัส พรหมเผ่า ออกจากพรรคพลังประชารัฐเมื่อ 19 ม.ค. ที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ ซึ่งกลุ่มธรรมนัสทั้งหมด ก็รู้ตั้งแต่คืนวันที่ 19 ม.ค.แล้วว่า “บิ๊กน้อย” จะมาเป็นหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย

เช่นเดียวกับที่ “ธรรมนัส” ก็เข้ามาเป็นเลขาธิการพรรคเศรษฐกิจไทยตามโผ แต่กรณีของ “ธรรมนัส” มาเปลี่ยนหลังจากที่เดิมเลขาธิการพรรคเศรษฐกิจไทย จะเป็น “เสี่ยโต-อภิชัย เตชะอุบล” นายทุนใหญ่พันล้าน-อดีตถุงเงินประชาธิปัตย์ แต่สุดท้าย “เสี่ยโต” เปลี่ยนใจ วิ่งเข้าพลังประชารัฐดีกว่า

ที่คงเพราะ “อภิชัย” เป็นนักธุรกิจ และมีเครือข่ายการเมืองกว้างขวาง คงวิเคราะห์และอ่านสถานการณ์แล้วว่า เข้าพลังประชารัฐ ยังน่าจะดีกว่า มีหลักประกันทางการเมืองที่มั่นคงกว่าจะไปร่วมบุกเบิก ตอกเสาเข็มตั้งพรรคเศรษฐกิจไทย ที่ดูอาการแล้วอาจลูกผีลูกคน เสี่ยงจะไปไม่ตลอดรอดฝั่ง

เพราะ “อภิชัย” คงมองแล้วว่า หากต้องควัก-ต้องดูแลนักการเมือง และต้องซับพอร์ตพรรคการเมืองตอนเลือกตั้ง การอยู่กับพลังประชารัฐ ที่เป็นพรรครัฐบาลเวลานี้ อย่างน้อยหากไม่ยุบสภาฯ ก็อยู่ได้ร่วมปี ยังไงก็มีอนาคตดีกว่าไปอยู่กับพรรคเศรษฐกิจไทย ที่จะเป็นฝ่ายค้านก็ไม่ใช่ จะเป็นรัฐบาลก็ไม่เชิง

เพราะ “บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี ก็ไม่แคร์ ไม่แสดงความชัดเจนว่า จะดึงเศรษฐกิจไทยร่วมรัฐบาลและให้โควต้ารัฐมนตรีกับพรรคเศรษฐกิจไทย 

มันก็เลยทำให้ “เสี่ยโต-อภิชัย” ตัดสินใจไม่ยาก ในการจะชิ่งพรรคเศรษฐกิจไทย ด้วยการไปเข้าพลังประชารัฐที่ชัวร์กว่า

ผนวกกับระยะหลัง ตัว “ธรรมนัส” เอง ก็เปลี่ยนใจ ต้องการเป็นเลขาธิการพรรคอยู่แล้ว เพื่อให้มีสถานะการเมืองที่ทรงพลัง มากกว่าเป็นแค่ ส.ส.พะเยาธรรมดาๆ ดังนั้น เมื่อการเจรจาระหว่าง “กลุ่มบิ๊กน้อย” และ “ธรรมนัส” กับ “เสี่ยโต-อภิชัย” ไม่ลงตัว แล้ว “อภิชัย” เลือกที่จะไปอยู่กับพลังประชารัฐดีกว่า เลยทำให้ “ธรรมนัส” จึงเข้ามาเป็นเลขาธิการพรรคเศรษฐกิจไทย ที่มีเสียงส.ส.ในมืออย่างน้อยๆ ก็ 16 เสียง กรณีไม่นับส.ส.ที่โดนหยุดพักการปฏิบัติหน้าที่ 2 คน จากที่เดิมมี 18 เสียง

ด้วยเหตุนี้ การที่ “บิ๊กน้อยกับธรรมนัส” เปิดตัวอย่างเป็นทางการ เข้ามาเป็นคีย์แมน “เศรษฐกิจไทย” เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา จึงไม่ได้มีอะไรให้พูดถึงทางการเมืองมากนัก

ยิ่งเมื่อไปดูบรรยากาศการจัดงานดัดงกล่าว รวมถึงการเลือกกรรมการบริหารพรรคจำนวน 18 คน แต่ละรายชื่อที่ออกมา ก็ไม่ได้มีอะไรให้ถูกวิเคราะห์พูดถึงในทำนอง ว่าพรรคเศรษฐกิจไทยจะเป็นพรรคที่มีอนาคตยาวไกลอะไรได้เลย

ภาพที่ออกมา ถึงต่อให้ “บิ๊กน้อย-พล.อ.วิชญ์” เป็นหัวหน้าพรรค แต่คนก็ยังมองว่า “ธรรมนัส” คือหัวหน้าพรรคตัวจริงมากกว่า

ส่วนกรรมการบริหารพรรคคนอื่นๆ ก็ไม่ได้อะไรหวือหวาให้ฮือฮาเล่น เพราะนอกจากส.ส.กลุ่มธรรมนัสแล้ว คนที่เข้ามา ที่แม้จะเป็นอดีตส.ส. อดีตนักการเมืองท้องถิ่น แต่ก็เป็นพวกสอบตก ห่างการเมืองมายาวนานมาแล้ว จึงไม่ได้สร้างเสียงฮือฮาอะไรทางการเมืองได้เลยแม้แต่น้อย

โดยในส่วนของรายชื่อกรรมการบริหารพรรค ที่ออกมาเมื่อวันศุกร์ที่ 18 มี.ค.มีดังนี้

1.นายไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร 2.นายสมศักดิ์ คุณเงิน ส.ส.ขอนแก่น 3.นายจีรเดช ศรีวิราช ส.ส.พะเยา 4.นายพรชัย อินทร์สุข ส.ส.พิจิตร 5.น.ส.จอมขวัญ กลับบ้านเกาะ ส.ส.สมุทรสาคร 6.นายยุทธนา โพธสุธน ส.ส.บัญชีรายชื่อ 7.พล.ต.อ.ยงยุทธ เทพจำนงค์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 8.นายภาคภูมิ บูลย์ประมุข ส.ส.ตาก

9.นายปัญญา จีนาคำ ส.ส.แม่ฮ่องสอน 10.นางทัศนาพร เกษเมธีการุณ ส.ส.นครราชสีมา 11.นายอัครแสนคีรี โล่ห์วีระ 12.นายวิชิต ปลั่งศรีสกุล 13.นายไพร พัฒโน 14.นายสุชาติ อุทัยวัฒน์ 15.นายนเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ 16.นายธนสาร ธรรมสอน 17.นายปัญญา พุกราชวงศ์ และ 18.นายนพดล สงวนพันธ์

โดยเมื่อไปสแกนดูบางรายชื่อ อาทิ “วิชิต ปลั่งศรีสกุล” แม้จะเป็นอดีตส.ส.ไทยรักไทยสองสมัย คือช่วงปี 2544 และ 2548 จากนั้นก็โดนพักยาว เพราะถูกตัดสิทธิ์การเมืองในคดียุบพรรคไทยรักไทย และเลือกตั้งล่าสุดปี 2562 ก็ไปลงสมัครส.ส.เขตที่บ้านเกิด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ก็ปรากฏว่าสอบตก จากนั้นตอนเลือกตั้ง นายกฯอบจ.เมื่อปี 2563 ที่ประจวบคีรีขันธ์ ก็แพ้เลือกตั้งขาดลอย และที่เข้ามาอยู่กับพรรคธรรมนัส ก็เพราะมีข่าวว่าเจ้าตัวไม่พอใจ “ทักษิณ ชินวัตร” ที่ไม่เหลียวแล ช่วยเหลือตอนเลือกตั้งส.ส.ปี 2562 และตอนเลือกตั้งนายกฯอบจ. ผนวกกับพอไม่มีตำแหน่งการเมืองอะไร คนในเพื่อไทยก็ไม่ให้ความสำคัญ เลยทำให้ “วิชิต” ออกจากเพื่อไทยมาอยู่กับ “ธรรมนัส” เพราะมีความสัมพันธ์อันดีกันมาก่อน ไม่ได้มีเรื่องของการเชื่อมโยงเชื่อมสัมพันธ์อะไรกับ “ทักษิณ” กับ “พรรคเศรษฐกิจไทย” อย่างที่มีบางคนไปจับแพะชนแกละ…แต่อย่างใด

เช่นเดียวกับ “ไพร พัฒโน” แม้จะมีดีกรี เป็นอดีตส.ส.สงขลา 2 สมัย-อดีตนายกเทศมนตรีเทศบาลนครหาดใหญ่ แต่เลือกตั้งนายกเทศมนตรีเทศบาลนครหาดใหญ่ล่าสุด ก็แพ้เลือกตั้งให้กับ “พล.ต.ท.สาคร ทองมุณี” จน “ไพร” พยายามขอกลับมาลงส.ส.สงขลา ประชาธิปัตย์ แต่ปรากฎว่าถูกคนในพรรค “ปิดประตูใส่” แบบไม่ใยดี เพราะยังมีความหลังกรณีที่เลือกตั้งปี 2562 ตัว “ไพร” ไปช่วยคนของพลังประชารัฐสู้กับประชาธิปัตย์

เลยทำให้ “ไพร” ไม่มีที่ลงทางการเมือง เพราะกลุ่มภาคใต้ ปชป.โดยเฉพาะกลุ่มสงขลา ของ “เดชอิศม์ ขาวทอง” รองหัวหน้าพรรคปชป.และส.ส.สงขลา ปชป. ไม่ยอมรับ ทำให้ “ไพร” โบกมือลาพรรคปชป. เพราะอยู่ไปก็ไม่มีอนาคต

ด้วยเหตุนี้ การที่พรรคเศรษฐกิจไทย ได้ตัว “ไพร” ไปอยู่ด้วยและเป็นกรรมการบริหารพรรค รวมถึงอาจจะให้ “ไพร” รับผิดชอบพื้นที่เลือกตั้งภาคใต้ตอนบน พอ “คนประชาธิปัตย์” ได้ยินข่าวก็ดูจะไม่ให้น้ำหนักพรรคเศรษฐกิจไทยในการจะมาเจาะภาคใต้เลยแม้แต่น้อย อาจเพราะมองว่า ลำพัง “ไพร” ขนาดนายกเทศมนตรีหาดใหญ่ ยังสอบตก หากจะมาเป็นแม่ทัพคุมภาคใต้ พรรคของบิ๊กน้อยและธรรมนัส จึงแทบไม่อยู่ในสายตาประชาธิปัตย์เลยแม้แต่น้อย

ขณะที่การเปิดตัว-เปิดพรรคเศรษฐกิจไทย ก็ไม่มีอะไรโดดเด่น ให้เป็นที่พูดถึง ทั้งเรื่องนโยบายพรรค-จุดขายพรรค-คนเด่นคนดังที่ไม่ใช่พวกส.ส.กลุ่มธรรมนัส-ไม่มีภาพของนักวิชาการ ทีมเศรษฐกิจ ที่จะนำมาขายได้ในการเมืองยุคใหม่

ยิ่งตัว “พล.อ.วิชญ์” เอง ในทางการเมืองต้องยอมรับกันว่า ชื่อชั้นยังโนเนม ไม่เคยมีบทบาท ผลงานอะไรที่จะนำไปหาเสียง นำไปชูในตลาดการเมืองตอนหาเสียงได้ อีกทั้งเรื่องการพูดการแสดงความเห็นอะไรต่างๆ การแสดงวิสัยทัศน์การบริหารประเทศ หากไปเทียบกับหัวหน้าพรรคการเมืองอื่นๆ ถึงตอนนี้คนที่เคยรู้จัก “บิ๊กน้อย” ดี ต่างดูจะหนักใจแทน หาก “บิ๊กน้อย” ลงมาเล่นการเมืองเต็มตัว แล้วต้องเจอด่านทดสอบหนักๆ หลายด่าน เอาแค่ลำพังการตอบคำถามสื่อ ยามเมื่อโดนถามรุกไล่ หลายคนก็อดเป็นห่วงไม่ได้ว่า “บิ๊กน้อย” อาจหลุดเฟรมเอาได้ง่ายๆ จนทำให้ “วงแตก” กันได้เลย หากไม่เตรียมตัว-ปรับบุคลิกมาก่อน

ผนวกกับภาพความเป็น “ทหารรุ่นเก่า” ประเภทเติบโตมาได้ทางการเมือง และวงการทหาร ด้วย “คอนเน็กชั่น” เครือข่ายรุ่นน้อง-รุ่นพี่ทั้งในวงการต่างๆ เช่น “วงการกีฬา” ที่ “พล.อ.วิชญ์” ถือว่าเป็นคีย์แมนคนสำคัญของบ้านอัมพวัน ถนนศรีอยุธยา ที่ทำการใหญ่ของคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย ที่พล.อ.ประวิตร เป็นประธานและพล.อ.วิชญ์ เป็นเลขาธิการ ที่รู้กันดีว่า “บ้านอัมพวัน” คือหนึ่งในเซฟเฮ้าส์สำคัญของ “บิ๊กป้อม-บิ๊กน้อย” เวลานัดคุยการเมือง ที่นัดเจอได้เร็วกว่าไปที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ

อีกทั้ง ต้องยอมรับกันว่า คนยังมองกันว่า พรรคเศรษฐกิจไทยน่าจะเป็นพรรคแนว “เฉพาะกิจ” ตั้งมาแบบไม่ได้คิดปักหลักถาวร น่าจะเป็นพรรคการเมืองแบบ ทำเพื่อรอสถานการณ์วันข้างหน้า คือหากคนในพรรคเห็นว่า ไปไม่ได้ หรือทำแล้ว ส่งคนลงเลือกตั้งไม่ประสบความสำเร็จ ก็อาจแยกย้ายกันไป เว้นเสียแต่ “บิ๊กป้อม-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” จะออกจากพลังประชารัฐเพื่อมาอยู่กับพรรคเศรษฐกิจไทยเต็มตัว ถ้าวันข้างหน้าพลังประชารัฐไปต่อไม่ได้

หากเป็นแบบนี้ ก็เป็นไปได้ที่พรรคเศรษฐกิจไทยจะเดินไปได้ระดับหนึ่ง เพราะด้วยชื่อชั้นบารมีคอนเน็กชั่นของ “บิ๊กป้อม” ที่แม้จะอายุมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่หากพล.อ.ประวิตร จะลงมาช่วยน้องรัก อย่างพล.อ.วิชญ์ ไม่ให้ต้องทำพรรคเศรษฐกิจไทยแบบโดดเดี่ยว ถ้าออกมาแบบนี้ ก็พอจะทำให้พรรคเศรษฐกิจไทย ดูจะพอมีอนาคตการเมืองได้บ้าง

เพราะหลังพล.อ.วิชญ์บอกไว้หลังได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทยว่า พรรคน่าจะได้ส.ส.เกิน 100 คน  พบว่า เป็นเรื่องที่ใครได้ยินได้ฟัง ก็ถึงกังตาตั้ง แทบไม่เชื่อหูตัวเอง ว่าระดับอดีตประธานที่ปรึกษากองทัพบก-อัตราจอมพล-อดีตผช.ผบ.ทบ.อย่างพล.อ.วิชญ์ ที่เข้าสู่การเมืองเต็มตัวได้ไม่ถึงหนึ่งปี จะกล้าพูดตั้งเป้าตัวเลขส.ส.ไว้ถึงเกิน 100 ที่นั่ง

ทั้งที่เปิดตัวพรรคเศรษฐกิจไทยมายังไม่มีอะไรให้ฮือฮา ให้เป็นที่พูดถึงว่าเป็นพรรคการเมืองที่มีจุดขาย หรือมีจุดแข็ง มีจุดเด่นอะไร อีกทั้งตัว “บิ๊กน้อยกับธรรมนัส” ในทางการเมือง ก็ไม่ใช่ชื่อที่จะนำไปทำป้ายหาเสียง ทำแคมเปญหาเสียงแล้ว คนจะฮือฮา จะเกิดกระแสนิยมได้ ผสมกับภาพลักษณ์พรรคที่ดูจะเป็นพรรคเฉพาะกิจ มากกว่า จะเป็นพรรคการเมืองแบบยั่งยืน

จึงไม่แปลกที่จะมีเสียงสะท้อนว่า สงสัย “พล.อ.วิชญ์” หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย จะ “ฝันกลางแดด” เสียมากกว่า ถึงกล้าบอกวา จะได้ ส.ส. 100 เสียงขึ้นไป  เพราะดูแล้วเอาแค่ให้ได้สักครึ่งหนึ่งคือประมาณสัก  40-50 ที่นั่ง ภายใต้ทรงของพรรคเศรษฐกิจไทย อย่างที่เป็นตอนนี้ ยังหืดขึ้นคอเลย

……………………………….

คอลัมน์ : ส่องป้อมค่ายการเมือง

โดย “พระจันทร์เสี้ยว”

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img