วันศุกร์, เมษายน 19, 2024
หน้าแรกCOLUMNISTS“ทักษิณ-พท.”พลิกเกมสู้ ทิ้งไพ่“พรรคสาขา-ดูดคนกลับ”
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“ทักษิณ-พท.”พลิกเกมสู้ ทิ้งไพ่“พรรคสาขา-ดูดคนกลับ”

อาจเพราะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว “เปิดไพ่” เร็วเกินไป เพราะคงร้อนรุ่มใจที่สูตร 100 หารปาร์ตี้ลิสต์ โดน “เท” กลางห้องประชุมรัฐสภาเมื่อกลางดึกคืนวันที่ 6 ก.ค.ที่ผ่านมา

จนสูตร 500 หารคะแนนปาร์ตี้ลิสต์เข้ามาเสียบแทน เลยทำให้การปั่นกระแสและ “แผนแลนด์สไลด์” ของ “ทักษิณ ชินวัตร” และ “เพื่อไทย” เลย…ผิดแผน

เพราะแม้จะเลือกตั้งบัตรสองใบ แต่หากสุดท้ายแผน 500 หาร เกิดทะลุทุกด่านสกัด โดยเฉพาะในชั้นศาลรัฐธรรมนูญ จนทำให้เกิดระบบการเลือกตั้งและการคิดคำนวณ ส.ส.แบบจัดสรรปันส่วนผสม ที่ให้แต่ละพรรคการเมืองมีเก้าอี้ส.ส.ในสภาฯในระบบ “ส.ส.พึงมี” ที่หากออกมาแบบนี้ ก็มีโอกาสไม่น้อยที่ “เพื่อไทย” จะได้ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์น้อยกว่าที่เคยตั้งเป้าไว้พอสมควร หรือหากโชคร้ายสุดๆ ก็อาจไม่ได้เลยสักคน แบบตอนปี 2562 ก็ยังได้!

เลยทำให้ พอตอนเช้าวันรุ่งขึ้น 7 ก.ค. “หมอชลน่าน” เลยพลาดไป “แบไต๋” เรื่องแนวคิด “ตั้งพรรคสาขา” อย่าง “พรรคครอบครัวเพื่อไทย” ต่อสื่อมวลชน ในโมเดลคือ จะเป็นพรรคคู่ขนานกับ “เพื่อไทย” ในการเลือกตั้งรอบหน้า แต่จะให้ “ครอบครัวเพื่อไทย” เน้นเจาะและโกยคะแนนเพื่อให้ได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ในสภาฯให้ได้มากที่สุด ส่วนโผผู้สมัครปาร์ตี้ลิสต์เพื่อไทย ก็จะเอาพวกแถวสอง ที่ลงเขตเพื่อไทยไม่ได้ เพราะพื้นที่เต็ม หรือพวกที่ดันไปลงอันดับต้นๆ ของพรรคสาขาไม่ได้ มาอยู่ในบัญชีปาร์ตี้ลิสต์เพื่อไทยแทน อันเป็นแผนที่ทักษิณกับเพื่อไทย เคยใช้มาแล้วตอนปี 2562 กับพรรคไทยรักษาชาติ แต่มาโดนยุบพรรคเสียก่อน แต่รอบนี้จะทำอีกครั้ง เพื่อสู้กับระบบเลือกตั้งที่อาจจะใช้ 500 หารคะแนนปาร์ตี้ลิสต์

ผลก็คือ ทำให้เกิดเสียงวิจารณ์กันอื้ออึง จนคนในพรรคเพื่อไทย บ่นกันพอสมควร ที่หัวหน้าพรรคผิดคิว เล่นมา แบไต๋ เปิดไพ่ดังกล่าวเร็วเกินไป ทั้งที่ยังมีโอกาสลุ้นให้ สูตร 500 หาร โดนศาลรัฐธรรมนูญสกัดได้

เลยทำให้ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย “หมอชลน่าน” ต้องออกมาแก้เกี้ยว ปัดคำพูดตัวเองก่อนหน้านี้ว่า พรรคเพื่อไทยไม่มีแนวคิดตั้งพรรคสาขาแต่อย่างใด

“เป็นเพียงแนวคิดที่เพื่อนสมาชิกพูดขึ้นมา ผมพูดในหลักการว่า หากหาร 500 เป็นจริง ต้องหากลไกวิธี การที่จะต่อสู้ให้ได้มาซึ่งความไว้วางจากประชาชนมากที่สุด แต่เป็นเรื่องรอง ฝ่ายบริหารยังไม่ได้คิด” นพ.ชลน่าน พูดเชิงปฏิเสธเรื่องการตั้งพรรคใหม่ที่จะเป็นพรรคสาขาของเพื่อไทย

ทั้งที่ก่อนหน้านี้ วันที่ 7 ก.ค. นพ.ชลน่าน พูดเรื่องพรรคใหม่ไว้แบบเป็นรูปธรรม

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย

“การตั้งพรรคครอบครัวเพื่อไทย ส่งบุคคลที่เราต้องการใส่ในส.ส.บัญชีรายชื่อให้เต็ม แล้ววางกลไกการรณงค์หาเสียงให้เลือกส.ส.บัญชีรายชื่อย่างเดียว และให้มาเลือกส.ส.เขตของพรรคเพื่อไทย และพรรคเพื่อไทยจะรณรงค์ให้เลือกเฉพาะส.ส.เขต เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน กลไกนี้อาจจะได้ผลที่เขาคิดไม่ถึงเกี่ยวกับการหาร 500 ถ้าทำได้ก็จะเป็นสิ่งที่น่าสนใจ” นพ.ชลน่านระบุ

อย่างไรก็ตาม มีกระแสข่าวจากคนในพรรคเพื่อไทยก่อนหน้านี้ว่า ในช่วงที่มีข่าวว่า ฝ่ายผู้มีอำนาจและฝ่ายพรรคร่วมรัฐบาลและสว.บางส่วน จะพลิกเกมล้มสูตร 100 หารแล้วดัน 500 มาเสียบแทน

มีข่าวว่า วงพูดคุยการเมืองของคนในเพื่อไทย ก็เริ่มคุยเรื่อง “พรรคสาขา” ของเพื่อไทย ว่าจะมีความเป็นไปได้หรือไม่ เพื่อพลิกเกมสู้ เพราะแม้ระบบ 500 หาร ในความเป็นจริงแล้ว มีการวิเคราะห์ไว้ว่า หากเพื่อไทย ส่งผู้สมัคร ส.ส.ครบทั้งหมด 400 เขต และกระแสพรรคดีและแรงจริง โดยเฉพาะกระแส “อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร” มีการคำนวณแล้วว่า ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามนี้ “เพื่อไทย” ยังไง ก็จะได้ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์จำนวนหนึ่ง ไม่ใช่ไม่ได้เลยแบบตอนเลือกตั้งปี 2562 เพราะรอบนั้น “เพื่อไทย” มีการจับมือกับ “ไทยรักษาชาติ” โดยพรรคส่งคนลงระบบเขตไม่ครบ 350 คน ส่งแค่ประมาณ 250 เขต เพื่อเว้นพื้นที่ให้ “ไทยรักษาชาติ” แต่แผนทั้งหมดมาผิดพลาดเพราะ “ไทยรักษาชาติ” โดนยุบพรรค เลยทำให้ “เพื่อไทย” ไม่ได้ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ และไม่มีส.ส.ไทยรักษาชาติ เข้ามาในสภาฯจนเสียงไม่พอสู้ “พลังประชารัฐ” ในการตั้งรัฐบาลไม่ได้

แต่เลือกตั้งรอบหน้า หาก “เพื่อไทย” ส่งครบทุกเขตและกระแสพรรคดี ก็มีโอกาสที่เพื่อไทยจะได้ทั้งส.ส.เขตและปาร์ตี้ลิสต์

เพียงแต่ก็ต้องยอมรับว่า พอใช้ระบบหาร 500 ก็ทำให้ “เพื่อไทย” ที่เคยประเมินว่าอาจจะได้ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ขั้นต่ำ 35 เก้าอี้ หากใช้ระบบหาร 100 

ตัวเลขยอดปาร์ตี้ลิสต์ ดังกล่าว อาจลดลงไปพอสมควร ถ้าเปลี่ยนมาใช้ 500 หาร

เลยทำให้ ก็มีการพูดถึงเรื่องแนวคิดการตั้งพรรคสาขากันบ้าง แต่ไม่ได้คุยจริงจัง เพราะตอนนั้น คนในพรรคเชื่อว่า สูตร 100 หารยังไง ก็น่าจะผ่าน แต่สุดท้ายโดนล้ม พลิกมาเป็นสูตร 500 หาร จึงทำให้คนในพรรคเพื่อไทย บอกว่า หากสุดท้าย ถ้ากฎหมายเลือกตั้งส.ส. ออกมาเป็น 500 หารจริง ถึงตอนนั้น แกนนำพรรคเพื่อไทย คงต้องคุยกันจริงจังอีกครั้งว่า แนวคิดพรรคสาขาจะเกิดขึ้นหรือไม่ หรือจะทำในรูปแบบพรรคพันธมิตร คือไปลุ้นหรือสนับสนุนให้พรรคที่มีดีเอ็นเอใกล้เคียงกันกับเพื่อไทย ได้ส.ส.มาจำนวนหนึ่ง เพื่อจะได้มาจับมือกับเพื่อไทยตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้ง

อย่างเช่น “พรรคประชาชาติ” ที่มีจุดแข็งคือในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ “ยะลา-ปัตตานี-นราธิวาส” ซึ่งรอบหน้ามีโอกาสสูง ที่พรรคประชาชาติจะกวาดที่นั่งส.ส.เขตและคะแนนปาร์ตี้ลิสต์เยอะกว่าเลือกตั้งปี 2562 โดยพรรคเพื่อไทย ก็อาจส่งคนลงสมัครในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่จะไม่เน้นมาก เพื่อให้พรรคพันธมิตรอย่างประชาชาติ ซึ่งคนในพรรคอย่าง “วันมูหะมัดนอร์ มะทา” หรือ “พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง” ก็คุ้นเคยกับทักษิณและเพื่อไทยดีอยู่แล้ว ได้ส.ส.ให้มากที่สุด อันเป็นแนวทางที่อาจจะดีกว่าการตั้งพรรคสาขา

อย่างไรก็ตาม สุดท้ายแล้วเชื่อว่า ทักษิณและแกนนำเพื่อไทย คงจะขอรอดูจนจบก่อนว่า สุดท้ายแล้ว สูตรหาร 500 จะฉลุยหรือไม่ โดยหากฉลุย จนออกมาเป็นกม.เลือกตั้งส.ส. ทางเพื่อไทยก็คงต้องมาขบคิดกันว่าจะพลิกเกมสู้อย่างไร จะตั้งพรรคสาขาดีหรือไม่ หรือจะสู้ในชื่อเพื่อไทยอย่างเดียวไปเลย

ความชัดเจนตรงนี้ ฝ่ายทักษิณ-เพื่อไทย คงตั้งหลัก รอดูผลสุดท้ายที่จะออกมาก่อน

อย่างไรก็ตาม ระหว่างนี้ ที่น่าสนใจ คือพบว่า “ฝ่ายทักษิณ-เพื่อไทย” ก็เริ่มปฏิบัติการ “ดูดคืน-ดูดกลับ“ บ้างแล้ว หลังที่ผ่านมา คนเพื่อไทยโดนพรรคอื่นอย่าง “ภูมิใจไทย” ดูดไปแล้วหลายคน จนกลายเป็นงูเห่าร่วม 7-8 คน ที่ยังเป็นส.ส.เพื่อไทย แต่ในความเป็นจริง เป็นส.ส.ภูมิใจไทยมานานแล้ว 

ปฏิบัติการดูดกลับ และรักษาคนในพรรคไม่ให้ย้ายออกดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา กับการที่พรรคเปิดตัวต้อนรับ อดีตคนเพื่อไทย ที่เคยย้ายออกไปอยู่กับ “คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” ที่ “พรรคไทยสร้างไทย” นั่นก็คือ “พงศกร อรรณนพพร” อดีตรมช.ศึกษาธิการ ที่ทิ้งเก้าอี้ประธานคณะกรรมการบริหารพื้นที่พรรคไทยสร้างไทย กลับมาซบเพื่อไทยอีกรอบ พร้อมกับ “ประภัสร์ จงสงวน” อดีตผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย อดีตผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย อดีตผู้อำนวยการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. พรรคไทยสร้างไทย

ซึ่งการที่ “พงศกร” ที่เคยเป็น “แม่ทัพอีสาน” ให้ “ไทยสร้างไทย” และ “คุณหญิงสุดารัตน์” ย้ายกลับ “เพื่อไทย” ครั้งนี้ นอกจากจะทำให้ “เพื่อไทย” แข็งแกร่งมากขึ้นในจังหวัดขอนแก่นแล้ว ยังทำให้ส.ส.เขต ขอนแก่น เพื่อไทย สองคน ที่เคยจะย้ายออกจากเพื่อไทย เพื่อตาม “พงศกร” ไปอยู่พรรคไทยสร้างไทย คือ “สรัสนันท์ อรรณนพพร” ลูกสาวของพงศกร และ “บัลลังก์ อรรณนพพร” หลานชายของพงศกร ถึงตอนนี้ จะไม่ย้ายออกแน่นอนแล้ว เท่ากับว่า “บ้านใหญ่ขอนแก่น” ตระกูลอรรณนพพร จะอยู่เพื่อไทยด้วยกันทั้งหมด เพื่อสู้กับคู่แข่ง โดยเฉพาะ “ภูมิใจไทย” ที่ตอนนี้ได้ สองส.ส. คือ “เอกราช ช่างเหลา” และ “วัฒนา ช่างเหลา” สองพ่อลูก อดีตพลังประชารัฐ มาเป็นแม่ทัพใหญ่ให้ภูมิใจไทย

การที่เพื่อไทย ดูดคนกลับพรรค และมีข่าวว่า ยังจะเตรียมดูดส.ส.พรรคอื่นเข้าเพื่อไทยต่อจากนี้ ที่ข่าวว่า มีประมาณ 5-6 คน มันก็คืออีกแผนหนึ่งของทักษิณและเพื่อไทย ในการพลิกเกมสู้ เพื่อไปสู่เป้าหมายแลนด์สไลด์

ขณะเดียวกัน การที่ “พงศกร-ประภัสร์” ทิ้ง “เจ๊หน่อยและไทยสร้างไทย” มาแบบนี้ ทำให้ “ไทยสร้างไทย” เสียทรงพอสมควร และอาจมีผลทำให้คนที่อยู่กับ “ไทยสร้างไทย” เวลานี้หรือคนที่จะลงสมัครส.ส.ไทยสร้างไทย คงคิดหนักว่า จะอยู่ต่อหรือจะชิ่งตาม แม้คุณหญิงสุดารัตน์จะออกมายืนยันว่า การที่คนในพรรคทยอยออกไป ไม่มีผลใดๆ กับการทำงานการเมืองของไทยสร้างไทยก็ตาม

กระนั้น ก็ต้องยอมรับว่า ผลการเลือกตั้งกทม.ที่ไทยสร้างไทย  ได้ส.ก.มาแค่ 2 คน จากที่ส่งไป 50 คน และคะแนนของ “น.ต.ศิธา ทิวารี” ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.ของไทยสร้างไทย ก็ไม่ได้คะแนนเยอะอย่างที่เคยถูกคาดการณ์ไว้

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์

มันทำให้เครดิต “เจ้าแม่กทม.” ของเจ๊หน่อย สะเทือนพอสมควร ผนวกกับมีกระแสข่าวว่า ถึงตอนเลือกตั้งจริง “ทุน” ที่จะไปช่วยสนับสนุนพรรคของคุณหญิงสุดารัตน์ อาจ “ไม่มาตามนัด” ทำให้คนที่จะลงในนามไทยสร้างไทย อาจต้อง “ควักกระเป๋า” เอง หรือได้บ้าง…แต่ก็ไม่เยอะ

เลยทำให้ช่วงหลัง เลยมีข่าว คนที่อยู่ไทยสร้างไทยเวลานี้ หรือคนที่จะย้ายออกจากพรรคอื่น มาอยู่ไทยสร้างไทย ต้องคิดหนักแล้วว่า จะตัดสินใจอย่างไรดี

เรื่องนี้คงเป็นการบ้านข้อใหญ่ของคุณหญิงสุดารัตน์ว่าจะตั้งรับอย่างไร ไม่ให้เลือดไหลออกจากพรรคไปมากกว่านี้ และสามารถดึงคนที่มีชื่อเสียงเข้าพรรคไทยสร้งไทย ให้ได้มากขึ้น เพื่อเข็นพรรคไทยสร้างไทย ให้ลงสนามเลือกตั้งภายใต้ความพร้อมมากที่สุด

เพราะหากทำไม่ได้ ความตั้งใจของคุณหญิงสุดารัตน์ ที่ออกจากเพื่อไทยมาตั้งพรรคการเมืองเอง เพื่อพิสูจน์ให้ทักษิณและแกนนำเพื่อไทย….ที่ไม่ถูกกัน เห็นว่า เธอสามารถทำพรรคการเมืองเองได้ สุดท้าย อาจไปไม่ถึงฝั่งฝัน

เพราะถ้าการทำพรรคไทยสร้างไทยสะดุด หรือล้มเหลวในการเลือกตั้ง “คุณหญิงสุดารัตน์” อาจเหลือที่ยืนทางการเมืองน้อยลง

………………..

คอลัมน์ : ส่องป้อมค่ายการเมือง

โดย….“พระจันทร์เสี้ยว”

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img