วันเสาร์, เมษายน 20, 2024
หน้าแรกCOLUMNISTS“ไลน์แฉรับกล้วย-รอยร้าวปชป.” สองปมร้อน รอเคลียร์หลังศึกซักฟอก
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“ไลน์แฉรับกล้วย-รอยร้าวปชป.” สองปมร้อน รอเคลียร์หลังศึกซักฟอก

ไม่ผิดคาดที่ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ยังได้ไปต่อ ยังคงเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยต่อไป เพราะผลการลงมติของที่ประชุมสภาฯเมื่อวันเสาร์ที่ 23 ก.ค.ที่ผ่านมา เสียงโหวตไม่ไว้วางใจพล.อ.ประยุทธ์ ไม่ถึงกึ่งหนึ่งของจำนวนส.ส.ในสภาฯ คือคะแนนไม่ไว้วางใจ 206 เสียง-ไว้วางใจ 256 เสียง-งดออกเสียง 9 คน

ส่วนรัฐมนตรีที่ได้เสียงไว้วางใจน้อยสุด ถือว่าพลิกความคาดหมายหลายตลบ เพราะเดิมทีคาดกันว่า อาจจะเป็น ไม่ “จุติ ไกรกฤษ์” รมว.พัฒนาสังคมฯ จากประชาธิปัตย์ ก็อาจจะเป็น “สันติ พร้อมพัฒน์” รมช.คลังและเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ เพราะทั้งสองคนเจอก่อหวด จากทั้งคนในพรรคเดียวกันเองและบรรดาส.ส.พรรคเล็ก ขย่มมาหลายวันว่าจะโหวตไม่ไว้วางใจ หรืองดออกเสียง เพื่อทำให้กลายเป็น “รัฐมนตรีบ๊วยสุด” คือได้เสียงไว้วางใจน้อยสุด

แต่สุดท้าย กลายเป็น “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ที่ได้คะแนนไว้วางใจน้อยสุด คือ ไว้วางใจ 241 เสียง-ไม่ไว้วางใจ 207 เสียง-งดออกเสียง 23 เสียง

ซึ่งพบว่า มีส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลคือ พรรคชาติไทยพัฒนา งดออกเสียง 3 คนคือ เผดิมชัย สะสมทรัพย์ ส.ส.นครปฐม จุลพันธ์ โนนศรีชัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ อนุรักษ์ จุรีมาศ ส.ส.ร้อยเอ็ด

จนทำให้ ฝ่าย “พรรคประชาธิปัตย์” แสดงความไม่พอใจที่ “พรรคชาติไทยพัฒนา” ที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน แต่กลับแหกโผกลางสภาฯ ทำให้ “จุรินทร์” ที่เป็นหัวหน้าพรรค กลายเป็นรัฐมนตรีกินบ๊วย เสียเครดิตการเมืองไปพอควร

ต้องดูว่า สองแกนนำพรรคประชาธิปัตย์กับชาติไทยพัฒนา จะเคลียร์กันได้หรือไม่ เพราะพบว่าส.ส.ชาติไทยพัฒนาที่งดออกเสียง ยืนยันเสียงแข็งว่า โหวตไว้วางใจให้ “จุรินทร์” ไม่ได้จริงๆ เพราะแจงข้อกล่าวหาของฝ่ายค้านไม่ได้ และจริงๆ อยากจะโหวตไม่ไว้วางใจให้ด้วยซ้ำ หากไม่เกรงใจว่าเป็นพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเอง

ขณะที่ “รัฐมนตรีที่ได้เสียงไม่ไว้วางใจมากที่สุด” ว่าไปแล้ว ก็ไม่เหมือนความคาดหมาย สำหรับ “บิ๊กป๊อก-พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา” รมว.มหาดไทย ที่ได้เสียงไม่ไว้วางใจ  212 เสียง-ไว้วางใจ 245 เสียง-งดออกเสียง 13 เสียง

เลยกลายเป็นรัฐมนตรีที่ได้คะแนนไม่วางใจสูงสุด จาก 11 รัฐมนตรีที่ถูกซักฟอก

แต่ที่เซอร์ไพร์สก็คือ ไม่มีใครคิดว่า ส.ส.พลังประชารัฐ ที่ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” หัวหน้าพรรค กำชับหนักแน่น “ห้ามแหกโผ-ต้องลงมติไว้วางใจเท่านั้น หากใครแหกโผ จะไม่ช่วยแล้ว”

แต่ปรากฏว่า “พล.อ.อนุพงษ์” ถูกส.ส.พลังประชารัฐ สายปากน้ำ สมุทรปราการ แท็กทีมกัน 6 เสียง  ถึงขั้น “ลงมติไม่ไว้วางใจ” ไม่ใช่แค่ “งดออกเสียง”

เรียกได้ว่า รอบนี้ “หักกันไปเลย” ไม่มีเกรงอกเกรงใจ “ลุงป้อม” หัวหน้าพรรคแม้แต่น้อย ที่โหวตไม่ไว้วางใจ “น้องกลาง 3 ป.” กลางสภาฯ

ทำให้ “บิ๊กป๊อก” หน้าแหก เสียเครดิตกลายเป็นรัฐมนตรีที่มีเสียงไม่ไว้วางใจมากสุด!!!

ท่ามกลางกระแสข่าวว่า สาเหตุมาจาก “ส.ส.กลุ่มปากน้ำ” ไม่พอใจบทบาทของ “พล.อ.อนุพงษ์” หลายเรื่อง ทั้งเรื่องงบพัฒนาจังหวัดพื้นที่ เรื่องการไม่สนองตอบทางการเมืองหลายครั้ง ซึ่งจริงๆ ก็มีส.ส.พลังประชารัฐเกือบทั้งพรรค ไม่พอใจพล.อ.อนุพงษ์ แต่ส่วนใหญ่เกรงใจ “พล.อ.ประวิตร” เลยไม่กล้าแตกหัก แต่ที่ “กลุ่มปากน้ำ” แตกหักรอบนี้ ข่าวว่า เพราะเหลืออดจริงๆ

อีกทั้งที่ผ่านมา “กลุ่มปากน้ำ” ที่มีส.ส.ในกลุ่มร่วม 6-7 คน ก็ไม่มีโควต้ารัฐมนตรี เลยทำให้ “คนในกลุ่มไม่แคร์อะไร” อยู่แล้ว งานนี้ “ชนเป็นชน”

หลังก่อนหน้านี้ คนในกลุ่มก็เคยส่งสัญญาณกลางที่ประชุมพรรคพลังประชารัฐ ให้เปลี่ยนตัว “รมว.มหาดไทย” มาแล้ว เพื่อเอา “พล.อ.ประวิตร” มาเป็นแทน

เช่นเดียวกับที่ “กลุ่มปากน้ำ” ก็ไปโหวตไม่ไว้วางใจ “สุชาติ ชมกลิ่น” รมว.แรงงาน จากปัญหาการเมืองในพื้นที่บางอย่าง เลยทำให้กลุ่มปากน้ำ “แหกโผ-โหวตสวน” ไม่เอาทั้ง “พล.อ.อนุพงษ์” และ “สุชาติ” รมว.แรงงาน

เลยไม่รู้ว่า หลังจากนี้ “พลังประชารัฐ” และ “พล.อ.ประวิตร” จะเอาผิดหรือเช็คบิล “ส.ส.กลุ่มปากน้ำ” ทั้ง “กรุงศรีวิไล สุทินเผือก-ฐาปกรณ์ กุลเจริญ-น.ส.ภริม พูลเจริญ-ยงยุทธ สุวรรณบุตร-อัครวัฒน์ อัศวเหม-ต่อศักดิ์ อัศวเหม” อย่างไรหรือไม่ ?

ทว่าดูแล้ว “พล.อ.ประวิตร” อาจไม่กล้าทำอะไรมาก เพราะข่าวว่า “กลุ่มปากน้ำ” ยกเว้น “ไพลิน เทียนสุวรรณ” ส.ส.สมุทรปราการ หนึ่งเดียวที่ไม่แหกโผ เพราะไม่ได้อยู่ในกลุ่มนี้มาแต่แรก

ข่าวในทางลับ อ้างว่า ส.ส.กลุ่มปากน้ำ พลังประชารัฐ ที่มีชื่อข้างต้น กำลังถูก “ภูมิใจไทย” ติดต่อทาบทามให้ย้ายพรรค มาอยู่ด้วยในการเลือกตั้งสมัยหน้า

ดังนั้น หากพล.อ.ประวิตร และพลังประชารัฐ ไปใช้ไม้แข็ง มีหวังเลือกตั้งรอบหน้า กลุ่มปากน้ำที่มี “ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม” อดีตนายกฯอบจ.สมุทรปราการ เป็นแกนนำอยู่ข้างหลัง อาจพาทีมส.ส.ย้ายออกไป “ภูมิใจไทย”

ยิ่งผลลงมติที่ออกมา ที่มีส.ส.พรรคเศรษฐกิจไทยของ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” แหกโผ ไปลงมติไว้วางใจพล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะ 3 ส.ส.เขตคือ “ณัฏฐพล จรัสพีพงษ์ ส.ส.สุรินทร์-ธนะสิทธิ์ โควสุรัตน์ ส.ส.อุบลราธานี-ธนัสถ์ ทวีเกื้อกูลกิจ ส.ส.ตาก” โดยมีเบื้องหลังคือ 3 ส.ส.ข้างต้น มีการติดต่อทำดีลกับ “ภูมิใจไทย” ไว้แล้วว่าเลือกตั้งรอบหน้า ไม่อยู่กับร.อ.ธรรมนัสแล้ว โดยจะย้ายไปภูมิใจไทย เลยยิ่งทำให้ ภูมิใจไทยเนื้อหอม ยิ่งขึ้นไปอีกในตลาดการเมือง

ดังนั้น หากมีการปรับครม.แล้ว ไม่มีการให้โควต้ารัฐมนตรีกับกลุ่ม 6 ส.ส.สมุทรปราการ แถมยังจะมาจัดการอะไรกับคนในกลุ่ม ก็เป็นไปได้ว่า เลือกตั้งรอบหน้า “กลุ่มปากน้ำ” อาจยกทีมไปอยู่กับ “อนุทิน ชาญวีรกูล” ที่พรรคภูมิใจไทยแน่นอน

บทสรุป ในทางการเมือง แม้ศึกซักฟอกจะจบไปแล้ว แต่ควันหลงหลังจบศึกนี้ ยังมีประเด็นให้ต้องตามอีกเยอะ

เช่น “ปัญหารอยร้าวในพรรคประชาธิปัตย์” ระหว่างกลุ่มจุรินทร์ ลักษณวิศิษฐ์ หัวหน้าพรรค กับกลุ่มจุติ ไกรฤกษ์ รมว.พัฒนาสังคมฯ ที่เล่นกันแรง ถึงขั้นจะตลบหลัง ยึดเก้าอี้รัฐมนตรีจาก “จุติ”

ซึ่งกว่าจะเคลียร์กันได้ ข่าวว่าแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ ต้องหารือกันเคร่งเครียดหลายวง จนสุดท้าย มีระดับผู้ใหญ่ในพรรคต่อสาย ไปถึงกลุ่มจุรินทร์กับกลุ่มจุติ ให้จบปัญหาภายในพรรคไว้ก่อน มีอะไรค่อยมาคุยกันทีหลัง ซึ่งดูแล้ว งานนี้ หน้าฉากอาจเคลียร์กันได้ แต่ข้างใน คงมีบาดหมางใจกันแน่นอน เพราะยังไง กลุ่มจุรินทร์เชื่อว่า “จุติ” คงย้ายออกจากประชาธิปัตย์ไปอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติ ตอนเลือกตั้งครั้งหน้า

เป็นไปได้ที่ ความพยายามยึดเก้าอี้รัฐมนตรีคืนจาก “จุติ” เพื่อนำไปสู่การปรับครม. คงไม่ยุติลงง่ายๆ ปัญหาคลื่นใต้น้ำในพรรคประชาธิปัตย์ จะยังคงอยู่ต่อไป ซึ่งหากเคลียร์กันไม่ลง จะได้เห็นคนในพรรคประชาธิปัตย์ เลือดไหลออก…อีกแน่

นอกจากนี้ ประเด็นเรื่อง “ไลน์หลุดส.ส.พรรคเล็กรับกล้วยรายเดือน” ก็เป็นอีกประเด็นที่ต้องติดตาม ว่าจะมีการขยายผลจนมีการสอบสวนเอาผิด ทั้ง “ผู้ให้และผู้รับ” หรือไม่

เพราะเรื่องนี้ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และคณะกรรมการป้องก้นและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) อาจจะขยับไปตรวจสอบได้ โดยเฉพาะป.ป.ช. ที่เกี่ยวข้องโดยตรง กับการที่ต้องไปดูว่าการที่ ส.ส.ที่เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง รับผลประโยชน์เกิน 3,000 บาท เป็นสิ่งที่ทำได้หรือไม่ 

เนื่องด้วยมี “ประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์การรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดโดยธรรมจรรยาของเจ้าพนักงานของรัฐ พ.ศ. 2563” ที่ห้ามมิให้เจ้าพนักงานของรัฐผู้ใดรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้ นอกเหนือจากการรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อันควรได้ตามกฎหมาย โดยธรรมจรรยา ที่ระบุว่า ห้ามไม่ให้รับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้จากผู้ใดซึ่งมิใช่ญาติที่มีราคาหรือมูลค่าในการรับจากแต่ละบุคคล แต่ละโอกาสไม่เกินสามพันบาท โดยหากฝ่าฝืน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปีหรือปรับไม่เกิน หกหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

งานนี้ หากบานปลาย เผลอๆ จะทำให้ “ผู้ใหญ่ในพลังประชารัฐ” แถวๆมูลนิธิป่ารอยต่อฯ ที่เคยให้ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” สมัยอยู่พลังประชารัฐ คอยดูแลพรรคเล็ก ติดร่างแหไปด้วย ถ้า “ป.ป.ช.-กกต.” จะลุยสอบจริงจัง

ที่แน่ๆ ตอนนี้ “บรรดาส.ส.พรรคเล็ก” ที่รู้ตัวว่ารับกล้วยตามไลน์ที่หลุดออกมา คงหนาวๆ ร้อนๆ และเคืองโกรธ ที่โดน “กลุ่มร.อ.ธรรมนัส” ตลบหลังเข้าให้

…………………………………
คอลัมน์ : ส่องป้อมค่ายการเมือง

โดย….“พระจันทร์เสี้ยว”

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img