วันพุธ, เมษายน 24, 2024
หน้าแรกCOLUMNISTS“กระสุนปืน”ชี้ขาด ประมูลอำนาจเลือกตั้งส.ส.?
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“กระสุนปืน”ชี้ขาด ประมูลอำนาจเลือกตั้งส.ส.?

ปัญหายาเสพติดและอาวุธปืน ถูกทบทวนยกระดับเป็น วาระแห่งชาติ หลังเกิดเหตุกราดยิงหนองบัวลำภู โดย “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม กระโดดลงมาจี้ออกมาตรการเร่งด่วนด้วยตัวเอง

ระดับรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตบเท้าเข้าร่วมพรึบพรับ อาทิ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย “หัวหน้ากลุ่มสามมิตร” สมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม รวมถึง “บิ๊กเด่น” พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.

โดยคลอดมาตรการต่าง ๆ เพิ่มเสริมกลไกเดิมให้แน่นปึ๊ก  เริ่มจากขันน็อตใช้กฎเหล็กเข้มงวด ทั้งใบอนุญาตครอบครองปืน ป.4 ทบทวนให้มีอายุใช้อาวุธได้ 3 ปี หรือ 5 ปี-ใบอนุญาตพกพาปืน ป.12 ยิ่งต้องระวัง

โดยเฉพาะ “คนมีสีพ้นหน้าที่” ไปแล้ว หากคุณสมบัติไม่ครบถ้วนควรเพิกถอนได้ รวมถึง “คนมีสี” พกพาอาวุธปืนได้ต้องอยู่ระหว่างปฏิบัติหน้าที่เท่านั้น และต้องมีใบอนุญาตพกพาปืน ป.12

ผู้ยื่นขอใบอนญาตนอกจากมีคุณสมบัติครบถ้วนตามเดิมแล้ว ต้องมีใบรับรองทางจิต ไม่วิกลจริต ฟั่นเฟือน จากกรมสุขภาพจิต

มาตรการเพิกถอนใบอนุญาตพกพาปืน ป.12 หากปัญหาทางจิต พฤติกรรมเป็นภัยต่อสังคม มาตรการกวาดล้างอาวุธเถื่อน รีบชงแก้กฎหมายทันทีที่เปิดสมัยประชุมสภา 1 พ.ย.นี้

นั้นเป็นมาตรการสำหรับปืนถูกกฎหมายที่มีประมาณ 7 ล้านกระบอก

ขณะที่ “ปืนเถื่อน” ประมาณ 6 ล้านกระบอก รัฐบาลเตรียมออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้นำมาคืนรัฐโดยไม่มีโทษทางอาญาตามเงื่อนเวลา หากพ้นกำหนดยังถือครองต่อไปมีโทษหนัก

ทั้งปืนถูกกฎหมายและปืนเถื่อน ยังกลายเป็นมัจจุราชในช่วงเลือกตั้งทุกระดับ โดยเฉพาะการเลือกตั้งส.ส. ในเมื่ออีกไม่ถึง 6 เดือนก็เข้าสู่ฤดูเลือกตั้ง (หากมีการเลือกตั้งตามกรอบรัฐธรรมนูญ ไม่เกิดการสืบทอดอำนาจโดยวิธีพิสดาร)

ถึงเวลารัฐบาลใช้นโยบายกว้างล้างซุ้มมือปืนทั่วประเทศทันที และกระทรวงมหาดไทย รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องงัดนโยบายใช้บาร์โค้ดกำกับการซื้อขายกระสุนปืน เพื่อป้องกันอาชญากรรม

ไม่ใช่ทำเพียงจัดเก็บข้อมูลเฉพาะหัวกระสุนปืนเป็นฐานข้อมูลประวัติอาวุธปืนที่นายทะเบียนได้ออกให้ตามพ.ร.บ.อาวุธปืนฯ

มาตรการเด็ดออกเร็วแค่ไหน ย่อมช่วยลดอาชญากรรมช่วงเลือกตั้งใหญ่ได้เท่านั้น เพราะสมรภูมิครั้งนี้ว่ากันว่าแค่ค่าตัวนักการเมืองเกิดก็ทะลุ 80 ล้านบาทต่อหัว

สะท้อนให้เห็นว่า แต่ละเขตเลือกตั้ง ประมูลอำนาจกันดุเดือด เพื่อชิงอำนาจระดับชาติ งานนี้กลยุทธ์ “ใต้ดิน-บนดิน” สู้กันทุกช็อต แบ่งงานกันทำตลอด 24 ชั่วโมง “ทีมปลอบใจ” ทำงานกลางวัน “ทีมข่มขู่” ตะลุยราตรี

หัวคะแนนคนไหน “อมเงิน” ทำพลาดเป้า เจอถูกเป่าออกจากเกมทันที

รับรองถูกตีตราว่า เป็นการเลือกตั้งสกปรกที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย

………………….

คอลัมน์ : ไขกุญแจ-ไขแหลก

โดย #ราษฎร์เต็มขั้น

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img