วันอังคาร, เมษายน 23, 2024
หน้าแรกCOLUMNISTSพ.ร.บ.อุ้มหายสะท้อนรัฐบาลเหลิงอำนาจ
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

พ.ร.บ.อุ้มหายสะท้อนรัฐบาลเหลิงอำนาจ

ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยนับราษฎร เฉพาะคนสัญชาติไทยคำนวณจำนวนส.ส.ไม่มีผลย้อนหลังก่อน 3 มี.ค.66 นั่นหมายความว่า การเลือกตั้งปี 62 ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) คำนวณหัวต่างด้าวเข้าไปด้วย ก่อนเฉาะแบ่งเขตเลือกตั้ง ไม่มีผลย้อนหลัง

และกกต.ต้องใช้เวลาเฉาะแบ่งเขตเลือกตั้งใหม่ 8 จังหวัดที่ได้รับผลกระทบ ประกอบด้วย เชียงใหม่ ตาก เชียงราย สมุทรสาคร ซึ่งจำนวนส.ส.ลดลงจังหวัดละ 1 เขต และไปเพิ่มจังหวัดละ 1 เขตที่ อุดรธานี ลพบุรี ปัตตานี นครศรีธรรมราช

อย่าเอาเหตุนี้มายื้อเวลาเลือกตั้งออกไป ลากรัฐบาลอยู่ในอำนาจยาวนานขึ้น แม้ดีกว่าปล่อยให้เลือกตั้งจบแล้ว ปมนี้ถูกชี้ให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะปล้นอำนาจประชาชน

แต่ที่มีผลกระทบต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชนชัวร์ ๆ ต้องยกให้ พ.ร.บ.อุ้มหายภายใต้รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถูกครม.ใช้อำนาจออกพ.ร.ก.เลื่อนบังคับใช้ออกไปอีก 8 เดือนเป็น 1 ต.ค. 66 เดิมกฎหมายมีผลบังคับใช้ 22 ก.พ. 66

หลายฝ่ายประเคนสหบาทาเล๊ะเป็นหมูบะช่อ เพราะวัตถุประสงค์การตราพ.ร.ก.โดยอำนาจของครม.ขัดต่อรัฐธรรมนูญที่กำหนดไว้ชัดเจน “ต้องเป็นกรณีฉุกเฉิน จำเป็น เรื่องด่วนอันมิอาจหลีกเลี่ยงได้ เพื่อรักษาความปลอดภัยของประเทศ เพื่อความปลอดภัยของสาธารณะ เพื่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจและป้องกันภัยพิบัติ”

แม้ยกข้ออ้างเจ้าหน้าที่รัฐ โดยเฉพาะสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ไม่มีความพร้อม ในด้านอุปกรณ์ ตัวบุคลากร ทั้งที่ราชกิจจานุเบกษาประกาศ 25 ต.ค.65 มีผลบังคับใช้ภายใน 120 วัน สตช.ทำอะไรอยู่

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล

และสวนทางกับข้อเท็จจริงในชั้นคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.อุ้มหาย (กมธ.) “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. ยืนกระตายขาเดียว “สตช.พร้อม”

รัฐบาลทำไมกล้าออกพ.ร.ก.สวนทางปืนเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ

ผลักอันตรายต่อความปลอดภัยให้ประชาชนผวาทุกลมหายใจ

เปิดช่องให้เจ้าหน้าที่รัฐสายเหยี่ยวกล้าอุ้มหายหรือซ้อมผู้ต้องหา เพราะเลื่อนการบังคับใช้หัวใจของกติกาที่ทุกฝ่ายรอมานานนับ 10 ปี

ทั้ง “การควบคุมตัว เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้รับผิดชอบต้องบันทึกภาพ-เสียงอย่างต่อเนื่องในขณะจับกุม-ควบคุม จนกระทั่งส่งตัวให้พนักงานสอบสวนหรือปล่อยตัวบุคคลดังกล่าว

การควบคุมตัว เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้รับผิดชอบต้องบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับผู้ถูกควบคุมญาติ หรือทนายความสามารถร้องขอเข้าถึงข้อมูลของผู้ถูกควบคุมตัว

การไม่เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับผู้ถูกควบคุมตัว กรณีอยู่ภายใต้การคุ้มครองของกฎหมาย ละเมิดต่อความเป็นส่วนตัว เกิดผลร้ายต่อบุคคล หรือเป็นอุปสรรคต่อการสืบสวนสอบสวน”

อาการทุรนทุรายออกพ.ร.ก.ของรัฐบาลที่เด้งรับลูกสตช. ซึ่งทำหนังสือถึงรมว.ยุติธรรม ผ่านอธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ถึงปัญหาขัดข้องปฏิบัติตามพ.ร.บ.อุ้มหาย

ถึงขั้นนายกรัฐมนตรีแทงหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร เวลา 16.04 น. เสนอร่างพ.ร.ก.ฉบับเผือกร้อนนำเสนอต่อสภาฯ เพื่อพิจารณาโดยไม่ชักช้า

สภาปั่นป่วนทันที เพราะส.ส.ทุกคนและประชาชนเข้าใจตรงกัน วันที่ 23 ก.พ.66 เป็นนัดสุดท้ายแห่งการประชุมสภาก่อนครบวาระ 28 ก.พ.66

เป็นความกล้าที่เสี่ยงถึงขั้นเสียรังวัดทางการเมือง เข้าสภามีโอกาสสูงที่ถูกคว่ำตบหน้ารัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ด้วยเหตุ ส.ส.ส่วนใหญ่ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลไม่เห็นด้วยถึงการเลื่อนบังคับใช้ “พ.ร.บ.อุ้มหาย”

นั้นหมายความว่า นายกฯต้องลาออกตามประเพณี “บิ๊กตู่” ขาลอยทันที ครม.รักษาการไม่ได้ ปล่อยให้ปลัดกระทรวงต่าง ๆ ขึ้นมาทำหน้าที่เป็นครม. แทนไปพลางจนกว่ามีรัฐบาลชุดใหม่หลังเลือกตั้ง

เป็นที่มาต้องเลือกซอยส์ “ซื้อเวลา” ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลชิงจังหวะเบรกเกมในสภา เข้าชื่อยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยชี้ขาดพ.ร.ก.ฉบับเผือกร้อนขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่

กว่าศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาด สิทธิเสรีภาพประชาชนก็อยู่ในช่วงสุญญากาศ เกิดจากความผิดพลาดที่ใช้อำนาจเกินกรอบรัฐธรรมนูญ ทะลุประเพณีที่ปฏิบัติกันมา

เหตุการณ์นี้เป็นฟางเส้นสุดท้าย ส่งสัญญาณเตือนผู้ที่อยู่ในตำแหน่งนายกฯเกิน 8 ปี สุ่มเสี่ยงผูกขาดอำนาจทางการเมือง ชนวนวิกฤติการเมือง

…………………………..

คอลัมน์ : ไขกุญแจ-ไขแหลก

โดย #ราษฎรเต็มขั้น

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img