ปิดฉากละครฟอร์มยักษ์ “วันทอง” ไม่ใช่วรรณคดีที่คุณเคยรู้จัก!! จากช่องวันไปได้อย่างหมดจด เล่นเอาบ้านเมืองในยุคนั้นแตกขั้วความคิดเป็นสองฝ่าย ระหว่าง “กติกาที่ล้าหลังกับสังคมที่ก้าวหน้า”
ไฮไลท์ตลอดทั้งเรื่อง ยกให้ “วันทอง-ใหม่” ดาวิกา โฮร์เน่ ตีบทแตกกระจุย เปิดศึกใหญ่โยนมุมคิดทวงถาม “สิทธิสตรีเท่าเทียมผู้ชาย”
โดยไม่ยอมเลือกข้างใช้คู่ชีวิตกับหวานใจ “ขุนแผน-ป้อง” ณวัฒน์ กุลรัตนรักษ์ แม้แต่ “ขุนช้าง” ชาคริต แย้มนาม แม่จ๊ะแม่จ๋าที่รักเธอผู้เดียวตลอดชีวิต หล่อนก็ไม่แยแส
ใจเด็ดยอมถูกพิพากษาตัดคอประหารชีวิต จนเกิดการเปลี่ยนแปลงในบ้านเมืองขนานใหญ่ตามมา “กฎหมายชายหญิง” เปิดประตูสิทธิขั้นพื้นฐานของสตรีสามารถโต้แย้งคดีต่างๆ ได้เฉกเช่นผู้ชาย
การเปลี่ยนแปลงมุมคิดและกติกาล้าหลัง เป็นชนวนผลักเร่งให้สังคมก้าวหน้า
กลับมาละครชีวิตจริงในบ้านเมืองยุคนี้ ที่แตกยับเยินเป็นสองขั้ว ระหว่าง “กติกาล้าหลังกับสังคมก้าวหน้า” ซึ่งเกิดจากหลายปัจจัยที่ซับซ้อน โดยเฉพาะโครงสร้างทางการเมืองมันบิดเบี้ยวเลี้ยวคด
มีเสียงเรียกร้องอื้ออึงให้ “แก้ไขรัฐธรรมนูญ60” เพื่อวางโครงสร้างทางการเมืองกันใหม่
แต่ก็มีเสียงเชียร์กระหึ่มให้ฝ่ายกุมอำนาจรัฐ ใช้กติกาเดิมขับเคลื่อนประเทศต่อไป
ประเทศติดหล่มความขัดแย้ง เปิดสงครามตัวแทนทั้งในและนอกสภา
ในจังหวะที่พรรคร่วมรัฐบาล พรรคร่วมฝ่ายค้าน แต่ละฝ่ายก็ยังไม่ตกผลึกในประเด็นแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็เกิดปรากฎการณ์ภาคประชาชนอย่างน้อยอีก 2 กลุ่มเคลื่อนไหว “ล้มระบอบประยุทธ์”
ทั้ง “กลุ่มไทยไม่ทน สามัคคีประชาชน เพื่อประเทศไทย” นำโดย “อดุลย์ เขียวบริบูรณ์” ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา’35
แถมทอดสะพานไมตรีถึงแกนนำกลุ่มราษฎรในเรือนจำ ให้รักษาชีวิตเลิกอดอาหาร ออมพลังไว้ต่อสู้ตามอุดมการณ์ในอนาคต
ความเป็นธรรมไม่จำเป็นต้องแลกด้วยชีวิต เพราะชีวิตเป็นสิ่งที่มีค่า ถ้าเจ้าอยากเห็นความเปลี่ยนแปลง เจ้าต้องมีชีวิตอยู่ เพื่อเห็นมัน
ขณะที่ กลุ่มรี-โซลูชัน ก็ผนึกพลังระหว่างคณะก้าวหน้า-โครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชนหรือไอลอร์-กลุ่มรัฐธรรมนูญก้าวหน้า นำโดย “ไอติม” พริษฐ์ วัชรสินธ์
เปิดแคมเปญใหญ่ “ขอคนละชื่อรื้อระบอบประยุทธ์” โฟกัสแก้รัฐธรรมนูญรายมาตรา “ล้ม โละ เลิก ล้าง” โครงสร้างระบอบประยุทธ์ที่ใช้สืบทอดอำนาจ
เพื่อเพิ่มอำนาจให้ประชาชนกลับมาเป็นเจ้านายนักการเมือง
พร้อมยกตัวอย่างให้เห็นสมรภูมิต่อสู้ทางความคิด ในสภาวะประเทศอยู่ใน “เกมชักเย่อ” เชือกมุมหนึ่งมีระบบที่ล้าหลังมาก เชือกอีกมุมนำโดยคนรุ่นใหม่ หากย้อนไปยุคขุนแผนก็มีแนวคิดแบบ “วันทอง” ออกมาเรียกร้องค่านิยม เสรีภาพ ความเสมอภาค
“ระบบที่ล้าหลังกับสังคมที่ก้าวหน้าขึ้น ระบบล้าหลังแค่ไหน ถ้าสังคมก้าวหน้า ขยายตัวมากขึ้นในอนาคต ย่อมมีแนวร่วม มีพลังมากขึ้น ค่อยๆ ขยับสังคมไปข้างหน้า”
สิ่งสำคัญกว่านั้น คนที่เป็นเจ้าของกติกาที่ล้าหลัง ไม่ว่าจะเป็นระบอบประยุทธ์ หรือใครก็ตาม อยากให้สังเกตว่าสังคมนับวันก็ก้าวหน้า สายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงมีแต่พัดไปข้างหน้า
ถ้าไม่มีท่าทีพร้อมประนีประนอม พูดคุย รับฟัง ปรับตัว เปลี่ยนแปลง สักวันหนึ่งเกมชักเย่อย่อมนำไปสู่ความตึงเครียด ทำให้เชือกขาดได้ “ไอติม” ย้ำความเชื่ออย่างมั่นใจ
“ราษฎร์เต็มขั้น” เห็นว่า วันนี้เจ้าของระบบที่ล้าหลัง ต้องเปิดประตูแห่งความหวัง ประตูแห่งอนาคต ให้มีเวทีแลกเปลี่ยนพูดคุย เพื่อวางโครงสร้างใหม่ของประเทศและเดินไปข้างหน้าพร้อมกัน
ขัดแย้งทางความคิดได้เป็นเรื่องปกติ แต่คนทุกรุ่นทุกวัยต้องอยู่ด้วยกันอย่างสันติ
………………………….
คอลัมน์ : ไขกุญแจ-ไขแหลก
โดย “ราษฎร์เต็มขั้น”
