วันเสาร์, เมษายน 20, 2024
หน้าแรกCOLUMNISTSเตือนก่อนจับปรับ...ดีกว่าไหม
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

เตือนก่อนจับปรับ…ดีกว่าไหม

นายกรัฐมนตรีถูกปรับ 6 พันบาท…กลางทำเนียบรัฐบาล ขอจารึกเป็นประวัติศาสตร์การเมืองไทย ในฉากที่พ่อเมือง “บิ๊กวิน” พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯกทม. ควงคู่ “บิ๊กอู๊ด” พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. และพนักงานสอบสวนสน.ดุสิต บุกศูนย์กลางอำนาจประเทศไทย

เปรียบเทียบปรับ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม ฐานความผิดฝ่าฝืนประกาศกทม.ไม่สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่ออกนอกเคหสถานหรือสถานที่พำนัก ตามพ.ร.บ.โรคติดต่อฯ

เรื่องของเรื่อง…ระหว่างนายกฯนั่งเป็นประธานหารือจัดหาและกระจายวัคซีนโควิด-19 ไม่ได้สวมหน้ากากอนามัย ยอมรับสารภาพโดยละม่อมว่าบกพร่อง

นับว่าเป็นหนังตัวอย่าง เตือนประชาชนทางอ้อม การ์ดห้ามตก

ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิดลามทั่วประเทศ หลายจังหวัดงัดใช้ยาแรง ออกมาตรการเข้มข้น “ใครออกนอกบ้านโดยไม่สวมหน้ากากอนามัย” มีความผิด ถูกปรับ

และควรเพิ่มยาแรงอีกขนาน “ใครทิ้งหน้ากากอนามัยไม่เป็นที่ เป็นทาง” ย่อมมีความผิด อัตราโทษเทียบเท่าการฝ่าฝืนไม่สวมหน้ากากอนามัย เพราะเป็นขยะติดเชื้อชั้นดี สุ่มเสี่ยงแพร่กระจายเชื้อไวรัสร้ายสู่สาธารณะ

แต่ถึงอย่างไร “ราษฎรเต็มขั้น” อดเป็นห่วงไม่ได้ว่าจะเป็นมาตรการ “เตะหมูเข้าปากหมา” เปิดช่องให้ตำรวจนอกแถว รีดไถประชาชนที่ฝ่าฝืนกฎเหล็ก

ยิ่งดูอัตราโทษการกระทำความผิดแต่ละครั้งแตกต่างกัน ผิดครั้งแรกปรับ 6,000 บาท ครั้งที่สองปรับ 12,000 บาท ครั้งที่สาม และครั้งต่อๆ ไปปรับสูงสุด 20,000 บาท

อย่าลืมว่า “พนักงานสอบสวนมีอำนาจเต็มๆ” พิจารณาเหตุผลลดจำนวนค่าปรับได้ โดยต้องไม่น้อยกว่าอัตรา 1 ใน 3 ของ 6,000 บาท คือ 2,000 บาท หากผู้กระทำผิดไม่ยอมชำระเงินค่าปรับ พนักงานสอบสวนก็ส่งสำนวนฟ้องศาลต่อไป

สมมติเกิดขึ้นกับ “ตาสียายสา-ป้าแม้น-ลุงแช่ม-เด็กชายปื๊ด” ซึ่งหาเช้ากินค่ำ รายได้ไม่พอยาไส้อยู่แล้ว ฝ่าฝืนกติกาขึ้นมาจะจับกุมดำเนินคดีทันที ย่อมไม่ใช่วิธีแก้ปัญหา

เพราะเปิดช่องให้ “รีดไถ-เค้นเลือดกับปู ปรับสถานเดียว” เลือกใช้วิธีไหนก็กลายเป็นประเด็นร้อน สังคมกระหน่ำวิพากษ์วิจารณ์พฤติกรรมดังกล่าว สะเทือนไปถึงรัฐบาลแน่

ทางออกที่ดี ใครทำผิดครั้งแรก ควรเลือกใช้ไม้นวม “เตือน” ก่อน หากขืนทำผิดซ้ำครั้งต่อไป ถึงค่อยลงดาบปรับให้จั๋งหนับบุเรงนอง

ไม่เช่นนั้น…กระแสลบทั้งหมดย่อมพุ่งเข้าหารัฐบาล โดยเฉพาะเป้าตรงไปลงที่ “บิ๊กตู่” ยิ่งการประชุมครม.นัดล่าสุด มีมติโอนอำนาจของเจ้ากระทรวงทั้งหมดที่เกี่ยวกับการอนุญาต อนุมัติ สั่งการ บังคับบัญชา หรือช่วยป้องกัน แก้ไข ปราบปราม ระงับยับยั้งในสถานการณ์ฉุกเฉินหรือฟื้นฟูช่วยเหลือประชาชน ให้นายกฯเป็นการชั่วคราว เพื่อทำสงครามกับโควิด

จนถูกมองว่า นายกฯยุคโควิดมีอำนาจล้นฟ้าเทียบนายกฯยุคคสช.

หากยังบริหารจัดการโควิดไม่เข้าเป้า ก็ปิดฉากชีวิตการเมืองไปได้เลย

…………………………..

คอลัมน์ : ไขกุญแจ-ไขแหลก

โดย “ราษฎรเต็มขั้น”


- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img