วันศุกร์, มีนาคม 29, 2024
หน้าแรกCOLUMNISTSฉีดวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ เริ่มต้นปฏิรูปประเทศไทย
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

ฉีดวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ เริ่มต้นปฏิรูปประเทศไทย

โควิด-19 ระลอกสามแพร่ระบาดรุนแรงเป็นวงกว้าง กระทบต่อคนไทยทุกหมู่เหล่า “รัฐบาลลุงตู่” รับไปเต็มๆถูกมองว่า ไร้ฝีมือบริหารจัดการโควิด และยังเกิดคลัสเตอร์ใหม่ไม่หยุด ล่าสุดที่พื้นที่คลองเตย กทม. 

ม็อบสามนิ้วยังเคลื่อนไหวดุดันเย้ยฟ้าท้าดิน ใช้เสรีภาพทะลุเกินพิกัด มุ่งหวังขืนใจศาลพิจารณาพิพากษาคดีหรือมีคำสั่งในทางที่ขบวนการของกลุ่มตัวเองต้องการ 

สภาพเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศไม่ต้องพูดถึง 4 เครื่องยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจดับสนิทศิษย์ฟุบยาว ยิ่งเห็นไอเดียเจิดจรัสของ “สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์” รองนายกฯและรมว.พลังงาน มีแผนดึงเงินออมในบัญชีเงินฝากของคนไทย เน้นกลุ่มเป้าหมายเป็นเศรษฐี ควักเงินออกมาใช้ในการอุปโภคบริโภคและลงทุน เพื่อผลักดันตัวเลขจีดีพี ตอกย้ำให้เห็นอนาคตเศรษฐกิจไทยได้เป็นอย่างดี 

ขณะที่การเมืองในพรรคร่วมแตกเละเทะ ยิ่ง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม ดึงอำนาจชั่วคราวไว้ในกำมือเพื่อจัดการกับโควิด โถมขยี้บาดแผลเก่าที่ฟอนเฟะอยู่แล้วให้ฟอนเฟะเพิ่มมากขึ้น 

ภายใต้กติกาเก่ารัฐธรรมนูญฉบับ 60 ซึ่งโอบอุ้มให้ขั้วอำนาจปัจจุบันได้เปรียบทุกประตู ไม่มีนักการเมืองหน้าไหนอยากลงสนามเลือกตั้งใหญ่ โดยเฉพาะฝ่ายค้าน เพราะมีโอกาสแพ้สูง เท่ากับการันตีความชอบธรรมให้รัฐบาล 

“ราษฎรเต็มขั้น” ขอบอกว่า ในยุคสังคมต้องการเปลี่ยนแปลงใหญ่ บนโครงสร้างประเทศ โครงสร้างรัฐธรรมนูญ โครงสร้างเศรษฐกิจที่เก่าคร่ำครึ ล้วนก่อให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมา ทั้งปัญหาการเมือง ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาสังคม 

แต่ “บิ๊กตู่” นักการเมือง กลุ่มผลประโยชน์ต่างๆ รวมถึงชนชั้นนำ ต่างพอใจกับก้อนเค้กผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ จึงไม่จำเป็นต้องเร่งปรับโครงสร้างประเทศ โครงสร้างรัฐธรรมนูญและโครงสร้างทางเศรษฐกิจ 

สังคมที่ก้าวหน้าย่อมอึดอัด เบื่อ เซ็ง มองไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์แห่งอนาคต ขบวนการ “ย้ายประเทศกันเถอะ” จึงเกิดขึ้น ไม่ขอฝากผีฝากใคร่ฝากอนาคตกับประเทศไทยอีกต่อไป 

ปรากฏว่า “ฝ่ายวัฒนธรรมเก่า” แห่ขบวนพาเหรดถล่ม “ฝ่ายวัฒนธรรมใหม่” เสียยับเยิน โดยไม่ดูเป้าหมายที่แท้จริงว่าฝ่ายหลังไม่ต้องการ “ย้ายประเทศกันเถอะ” จริงๆ 

ยังไม่นับรวมประเด็นการฉีดวัคซีนโควิด ปล่อยข่าวกันเลยเถิดจนประชาชีมีจำนวนไม่น้อย “ไม่กล้าฉีด” กลัวอาการไม่พึงประสงค์หลังฉีด หรือหากฉีดก็ขอเลือกยี่ห้อวัคซีนที่คิดว่าปลอดภัยที่สุด เล่นเอาปั่นป่วนกันทั้งประเทศ 

“ราษฎรเต็มขั้น” ขอขอบคุณ นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล ที่ออกมาขอความกรุณาคนไทยทุกคน เตือนกันนุ่มๆ “ขณะนี้เราอยู่ในช่วงขาขึ้นของวิกฤติ” 

ขอให้ใส่หน้ากากอยู่ตลอดเวลา แม้กระทั่งอยู่ที่บ้าน และวัคซีนเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ทำให้เราปลอดภัย 

ขอความกรุณาฉีดวัคซีนเพื่อตัวท่านเองและเพื่อคนที่ท่านรัก แม้มีข่าวลือหนาหูมากเกี่ยวกับวัคซีน 

“โอกาสเกิดผลข้างเคียงรุนแรงจากวัคซีนเหมือนถูกรางวัลที่ 1 โอกาสตายจากโควิดเหมือนถูกเลขท้าย 2 ตัว โอกาสติดเชื้อเหมือนถูกหวยแดก” ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ อดีตรมว.อว. สื่อให้เราเข้าใจได้ง่าย 

มาถึงวัน “ถ้าเราร่วมกันจริงๆ เชื่อว่าจะผ่านวิกฤติอันนี้ไปได้ด้วยดี อย่ารอจนวิกฤติรุนแรงจนแก้ไม่ได้” นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา กล่าวทิ้งท้าย 

มาถึงวันนี้ “ราษฎรเต็มขั้น” ขอเสนอให้ “บิ๊กตู่” ทนแรงเสียงทานในรัฐสภา น้อมรับคำวิจารณ์ที่บาดหู แทงใจดำบ้าง โดยเร่งเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญพิจารณาญัตติการแก้ปัญหาโควิด เพื่อระดมความเห็นจากทุกภาคส่วน ตามที่ฝ่ายค้านเสนอ 

ในโอกาสนี้ต้องพ่วงพิจารณาวาระการปฏิรูปประเทศทุกด้าน ซึ่งแต่ละด้านมีผลึกเป็นกรอบพื้นฐานรองรับอยู่แล้ว ต้องเริ่มถกเถียง ตั้งแต่ออกแบบโครงสร้างประเทศ โครงสร้างรัฐธรรมนูญ และโครงสร้างเศรษฐกิจยุคใหม่ไปด้วย  

เพื่อแก้ปัญหาโควิด-ปฏิรูปประเทศไทยทุกด้านไปพร้อมกัน ไม่เช่นนั้นรัฐบาลไหนเข้ามาก็ติดหล่มกับดักที่คร่ำครึ 

ฉะนั้นเอาทุกปัญหาโยนเข้ารัฐสภา ถกจนตกผลึก รัฐบาลเคาะแล้วแก้ที่ละปม เพื่อผ่าทางตันประเทศไทย 

อย่างน้อยรัฐบาลได้ยึดเวทีรัฐสภา ทำความเข้าใจในประเด็นการฉีดวัคซีนเป็นไปในทิศทางเดียวกัน 

ประชาชนถึงสมัครใจฉีด เป็นไปตามเป้าอย่างน้อย 70% เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่เกิดขึ้นให้ได้

……………………….

คอลัมน์ : ไขกุญแจ-ไขแหลก
โดย “ราษฎรเต็มขั้น”

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img