“ระบอบประยุทธ” ใกล้ถึงจุดจบ…? อย่างน้อยมีการส่งสัญญาณให้เห็นภายในสัปดาห์เดียว 3 เหตุการณ์
เริ่มจาก “บิ๊กแป๊ะ” พล.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ออกตัวตั้งแต่ไก่โห่ก่อนลงจากเก้าอี้ “ผบ.ตร.” ขออาสาลงสมัครผู้ว่าฯกทม.ในนามอิสระ
โดยใช้ฐานเสียงของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) สนับสนุน โดยมี “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและหัวหน้าพรรค “ภูกอง” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค ไฟเขียวสนับสนุนเต็มที่
ยังมี “บิ๊กป๊อด” พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ “บิ๊กน้อย” พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พปชร. ช่วยอีกแรง
“ภูกอง” ถึงขั้นส่งมือดีผู้กว้างขวางในยุทธจักร “เสธ.หิ” หิมาลัย ผิวพรรณ ไปช่วย “บิ๊กแป๊ะ” บริหารจัดการในพื้นที่กทม.
“บิ๊กป้อม-บิ๊กป๊อด-บิ๊กน้อย-ภูกอง” นับเป็นขาใหญ่ในสนามม้า
ก๊วนสนามม้าผนึกคอนเน็คชันปูพรมสร้างฐานหนุน “บิ๊กแป๊ะ” เต็มที่
ภายใต้อุปสรรคการก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้ว่าฯกทม. มี 2 ข้อ คือ 1.วางยุทธศาสตร์สร้างความนิยมเหนือ “เสี่ยทิป” ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ให้ได้ และ 2.คดีเก่าสมัยเป็นผบ.ตร. ถูกฟ้องโดย “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผช.ผบ.ตร. หากเคลียร์ไม่จบ อาจพ่นพิษมีผลต่อตำแหน่ง “พ่อเมือง” ได้หากได้รับการเลือกตั้ง
ฉะนั้นการประกาศถอนตัวกลางคันครั้งนี้ มองเป็นอื่นไม่ได้ นอกจากตอกย้ำความสัมพันธ์ยังไม่เหมือนเดิมระหว่าง “บิ๊กป้อม” กับ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม หลังจากที่ “บิ๊กตู่” ยังจบเกมลงดาบประหารทางการเมือง “หัวหน้ากลุ่มกบฏ” ไม่ได้
ชื่อของ “บิ๊กวิน” พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯกทม. “เพื่อนบิ๊กตู่” ซึ่งเคยถอดใจโยนผ้าขาว ก็กลับมามีชีวิตชีวาอยากเปิดตัวลงสมัครผู้ว่าฯกทม.อีกครั้ง
จับตา “พปชร.” จะสนับสนุนใครลงสมัครผู้ว่าฯกทม.หรือหวยจะมาออกที่ “บิ๊กวิน”
เช่นเดียวกับกรณีศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ประทับรับฟ้องคดีทุจริตโครงการสนามฟุต
เล่นเอา “วิรัช รัตนเศรษฐ” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พปชร.และประธานวิปรัฐบาล ซึ่งก่อนหน้านั้นเจ้าตัวมั่นใจในหลักฐานคดีไม่ถึงมือศาลฯแน่ ต้องออกนอกลู่การเมืองทันที
“พรรคร่วมรัฐบาล” ขาดมือประสานสิบทิศที่เชี่ยวกรากทางการเมืองคุมเสียงในสภาได้อยู่หมัด
แค่นัดแรกประชุมสภาผู้แทนราษฎร ระหว่างพิจารณาร่างพ.ร.บ.คุ้มครองพยานในคดีอาญา ประธานในที่ประชุมต้องชิงปิดประชุมหนีสภาล่ม
เพราะส.ส.ทั้งสภาขณะนี้ ปฏิบัติหน้าที่ทั้งหมด 476 คนจาก 500 คน ต้องมีองค์ประชุม 238 คน ถึงทำให้การประชุมไหล่ลื่นไปได้
แต่เสียงข้างมากในสภาเสียงขาดไป 10 เสียง เท่ากับสภาล่มอย่างไม่เป็นท่า ตบหน้ารัฐบาลฉาดใหญ่
เหตุการณ์ทั้งหมดเป็นร่องรอยปริร้าวใน “ระบอบประยุทธ์” มีโอกาสสูงรัฐบาลอยู่ไม่ครบเทอม
………………………
คอลัมน์ : ไขกุญแแจ-ไขแหลก
โดย #ราษฎรเต็มขั้น
