วันศุกร์, เมษายน 19, 2024
หน้าแรกCOLUMNISTSผ้าอนามัยฟรีจุดกระแสติด “อุ๊งอิ๊ง”ขึ้นนายกฯ
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

ผ้าอนามัยฟรีจุดกระแสติด “อุ๊งอิ๊ง”ขึ้นนายกฯ

หลัง “พรรคเพื่อไทย” รีแบรนด์ดิ้ง และเปิดตัว “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย ลูกสาวคนสุดท้องของ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯ และ “คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร”

ทำเอาทุกพรรคการเมืองเร่งปรับตัวเตรียมเข้าสู่สนามการเลือกตั้ง ไม่เว้นแม้แต่ “พรรคก้าวไกล” ซึ่งต้องเร่งสปีดขยายฐานเสียงไปสู่ประชาชนทุกกลุ่ม ต้องยอมรับว่า การเลือกตั้งครั้งหน้าปัจจัยชี้ขาดคือ กระแส โดยชนวนที่สร้างกระแสแห่งความหวังได้คือ ทีมเศรษฐกิจและนโยบายแก้ไขปัญหาปากท้อง

แต่เกือบทุกพรรคยังไม่มี..ทั้งทีมเศรษฐกิจที่เปิดตัวมา แล้วสังคมร้องว้าว!! มีนโยบายแก้ไขปัญหาปากท้องที่เปิดออกมาแล้วซี๊ด.!!

ไม่น่าเชื่อว่า เจ้าแห่งการตลาดอย่างพรรคเพื่อไทย ชิงจังหวะวันสตรีสากล 8 มี.ค. เปิดอีเว้นท์ “นโยบายสวัสดิการผ้าอนามัยฟรี” ตีปี๊บให้ชาวบ้านชาวช่องจับต้องสัมผัสได้

นักคิดเชิงยุทธศาสตร์ทางการเมืองของพรรคยกให้เป็น “นโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค ภาค 2” ซึ่งนโยบายตัวนี้สุดเจ๋ง จุดกระแสให้พรรคไทยรักไทยรากเหง้าของพรรคเพื่อไทย เข้าวินจัดตั้งรัฐบาล “ทักษิณ 1” ได้สำเร็จ

แล้ว “นโยบายสวัสดิการผ้าอนามัยฟรี” ถูกยกให้เป็น “นโยบาย 30 บาท รักษาทุกโรค ภาค 2” ได้อย่างไร จะขอเล่าให้ฟังว่า ในวงเสวนาพรรคเพื่อไทย มีมุมมองเดียวกันเป๊ะ “สวัสดิการผ้าอนามัยคือสิทธิมนุษยชน” ควรเป็น “สวัสดิการรัฐ”

เพราะเป็นค่าเสียโอกาสทางเศรษฐกิจกระทบต่อเงินออม เคาะตัวเลขรายจ่ายผ้าอนามัยตลอดชีวิต 2 แสนบาท และเมนส์ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว หากเป็นธรรมชาติตามเพศสรีระ ที่บ่งบอกถึงวัยเจริญพันธุ์ มีความพร้อมสืบพันธุ์ เพื่อขยายประชากรในประเทศ

สิ่งสำคัญ…ผู้หญิงไทยในวัยมีเมนส์เข้าถึงผ้าอนามัยน้อยนิดแค่ 35.28% และ ทำให้ผู้ที่มีรายได้น้อยหลายราย ยอมแลกสุขภาวะทางเพศ เพื่อบริหารค่าใช้จ่าย

เช่น ใช้ผ้าอนามัยชิ้นเดียวตลอดวัน จำกัดอาหาร การดื่มน้ำ เพื่อลดการห้องน้ำ จะได้ไม่ต้องเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อย

ยังมีหลายคนจำเป็นต้องใช้สิ่งอื่นแทนผ้าอนามัย ทั้งที่ไม่ถูกสุขอนามัย ส่งผลเสียต่อสุขภาวะทางเพศ ทั้งใส่กางเกงในหลายชั้น ใช้กระดาษทิชชู่พันรอบกางเกงใน หรือใช้เทปกาวติดกระดาษทิชชู่เข้ากับกางเกงใน ใส่ถุงเท้า เศษผ้า เสื้อผ้าเก่า กระดาษหนังสือพิมพ์หรือกระดาษอื่น ๆ รองกาเกงใน หรือใช้ถุงพลาสติกรองกางเกงใน

งานวิจัยชิ้นนี้ที่ทีมพรรคเพื่อไทยจัดทำขึ้น สะท้อนให้เห็นถึงความจนทำให้เข้าไม่ถึงผ้าอนามัย ซึ่งคนไทยที่มีเมนส์ครองสัดส่วนตรงนี้สูงถึง 64.72% หรือ 12.22 ล้านคน

นี่เป็นข้อมูลจากการประเมินทางสถิติ เทียบจากผู้มีเมนส์ อายุ 10-50 ปี ประมาณ 18.9 ล้านคน ตลาดผ้าอนามัยมียอดขายประมาณ 140 ชิ้นต่อเดือน โดยผู้มีเมนส์ 1 คนใช้ผ้าอนามัยเฉลี่ย 7.41 แผ่นต่อเดือน แต่จำนวนผ้าอนามัยที่ควรใช้จริงเฉลี่ย 21 แผ่นต่อเดือน หมายความว่าคนไทยที่มีเมนส์เข้าถึงผ้าอนามัยเพียง 35.28% เท่านั้น โอ้วมายก๊อด.!!!

วงเสวนาและนิทรรศกีที่จัดงานขึ้นในวันดังกล่าว ได้เลือกใช้คำโดน ๆ สร้างความเข้าใจเรื่องอคติที่มากับประจำเดือนและค่าใช้จ่ายที่เลี่ยงไม่ได้จากการเป็นเมนส์ แค่นี้ก็ทำลายกรอบการพูดคุยเรื่องเพศ โดยสามารถหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดบนโต๊ะได้อย่างออกรสชาติ

‘อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร’ ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนรวมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย

นับเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญนำไปสู่การพัฒนานโยบายเพื่อความหลากหลายทางเพศ สอดรับกับความหลากหลายทางสังคมเป็นเทรนด์ของโลกที่เดินเข้าสู่ยุคความเท่าเทียมทางเพศ

แค่นโยบายเดียวใช้งบประมาณ 0.6% ของงบประมาณแผ่นดินปี 65..เปิดตัวสวย ๆ  ชาวบ้านสัมผัสถึงการแก้ไขปัญหาปากท้อง สุขภาวะทางเพศพื้นฐานของชีวิตมนุษย์

ปูทางให้ “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร ขี่กระแสก้าวขึ้นเป็นนายกฯหญิงคนต่อไป

………………………………

คอลัมน์ : ไขกุญแจ-ไขแหลก

โดย #ราษฎรเต็มขั้น

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img