ต้องยอมรับกันว่า กระแสรัฐบาลและพรรคพลังประชารัฐ เปลี่ยนจาก “ว่าวติดลมบน” กลายเป็น “ติดหล่มโคลน” ถึงขั้นต้องรื้อกติกาใหม่หรือเปล่าโปรดติดตาม
เดิมพรรคพลังประชารัฐหงายไพ่แก้รัฐธรรมนูญเกี่ยวกับระบบเลือกตั้ง จากบัตรเลือกตั้งใบเดียว ส.ส.เขต 350 คน, ส.ส.บัญชีรายชื่อ 150 คน เป็นบัตรเลือกตั้งสองใบ ส.ส.เขต 400 คน, ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน หวังสร้างปรากฎการณ์ “แลนด์สไลด์” กินรวบ
จังหวะรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขมีผลบังคับใช้ สารพันปัญหาก็โถมเข้าใส่รัฐบาล จนตัดเชือกว่าวขาดลอยเคว้ง ถึงขั้นมีมือดีหยั่งเชิงปล่อยข่าวขอแก้กติกาเป็นบัตรเลือกตั้งใบเดียว มือกฎหมายรัฐบาล “วิษณุ เครืองาม” รองนายกฯชี้ช่องทำได้โดยต้องแก้รัฐธรรมนูญ ไปทิศทางเดียวกับ “สาธิต ปิตุเตชะ” รมช.สาธารณสุขและประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญแก้ไขกฎหมายลูก “พรรคการเมือง-เลือกตั้งส.ส.” แต่เงื่อนเวลา เทอมของสภาที่เหลืออยู่ ดีดลูกคิดแล้ว “แก้ไม่ทัน”…ชัวร์
กติกาไม่เอื้อ กระแสรัฐบาลตก พรรคพลังประชารัฐ-แกนนำพรรคร่วมรัฐบาลอยู่ในสภาสั่นคลอน บรรดาลูกพรรคคิดหนักถึงสายสัมพันธ์ของ “พี่น้องสามป.” ยัง…ว้าว!เหมือนเดิมอยู่หรือเปล่า โดยเฉพาะการปรับสูตรผสมคณะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐล่าสุด ดึงนายพลคนของตัวเองมาเสริมทัพ หลังจาก “ภูกอง” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ทิ้งเก้าอี้เลขาธิการพรรค ไปสร้างบ้านใหม่เศรษฐกิจไทย ควง “บิ๊กน้อย” พล.อ.วิชญ์เทพหัสดิน ประธานกรรมการยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐออกไปด้วย
แน่นอนก๊วนนี้ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ มีเอี่ยวด้วย…ไม่มากก็น้อย
เหมือน พรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งก่อสร้างนั่งร้านไว้รองรับเจ้าบ้านคนใหม่ “ตุ๋ย” พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาพ ที่ปรึกษานายกฯและอดีตที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ก๊กนี้ก็ปฏิเสธยากว่า “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยมี พรรครวมพลังประชาชาติไทย ของ “ลุงกำนัน” สุเทพ เทือกสุบรรณ คอหอยลูกกระเดือก “บิ๊กตู่” ที่กำชับให้ทีมงานลุยลงสนามเลือกตั้งครั้งหน้าต่อ แม้ลูกพรรคมือดีหลายคน ทยอยลาออกไปซบพรรครวมไทยสร้างชาติ
วันนี้ “พลังประชารัฐ-เศรษฐกิจไทย” เป็นฐานอำนาจของ “บิ๊กป้อม”
ส่วน “รวมไทยสร้างชาติ-รวมพลังประชาชาติไทย” เป็นกองทัพสำรองของ “บิ๊กตู่”
ลูกพรรค “พลังประชารัฐ-รวมไทยสร้างชาติ-รวมพลังประชาชาติไทย” ระส่ำระสายหลงทิศ เดินแต้มการเมืองไม่ถูก ไม่รู้ว่าแยกกันเดินร่วมกันตี หรือต่างฝ่ายต่างเดินสู่เป้าหมายแห่งอำนาจของตัวเอง
เอาแค่การเลือกตั้งส.ก.กทม. โดยมีแม่ทัพป้ายแดง “เสี่ยโต” อภิชัย เตชะอุบล สวมหนังเสือ “บิ๊กป้อม” ออกศึก แต่สภาพทัพภายในกทม.เละเป็นโจ๊กสามย่าน
บรรดาส.ส.กทม.ไปทาง หลายคนเตรียมย้ายพรรค ผู้สมัครส.ก.ต่างคนต่างไป ล่าสุด “อาจารย์แหม่ม” นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ยังถอนตัวระหว่างศึกออกจากประธานยุทธศาสตร์หาเสียงส.ก.
“บิ๊กตู่” เล่นบทพญาน้อยเดินชมตลาด ถูกตั้งข้อสังเกตช่วยหาเสียงให้ “บิ๊กวิน” พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.
สภาพปั่นป่วนยุ่งเหยิงของพรรคพลังประชารัฐและพันธมิตร โอกาสกลับมาเป็นรัฐบาลหลังการเลือกตั้งครั้งต่อไป “ริบหรี่” แม้ประเดิมเสียงที่โหวตนายกฯมี 250 ส.ว.หนุนเต็มที่
ยกเว้น “ปฏิบัติการแจ๊คผู้ฆ่ายักษ์” สำเร็จ หลัง “นพ.ระวี มาศฉมาดล” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังธรรมใหม่เปิดปฏิบัติการยื่นคำรองต่อศาลรัฐธรรมนูญ ยกเหตุการแก้ระบบเลือกตั้งละเมิดสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญขัดและแย้ง “เจตนารมณ์ส.ส.พึงมี-คะแนนเสียงไม่ตกน้ำ-ระบบจัดสรรปันส่วนผสม” ทันทีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเห็นด้วยกับคำร้องของ “แจ๊คผู้อาสาฆ่ายักษ์”
การเลือกตั้งครั้งต่อไปย่อมกลับสู่กติกาเดิมเหมือนการเลือกใหญ่ปี 62 ใช้ระบบเลือกตั้งใบเดียว “พรรคเพื่อไทย” หมดโอกาสแลนด์สไลน์ แต่ประเทศไทยตกอยู่ในภาวะ “อมโรค” ต่อไป
………………………………………
คอลัมน์ : ไขกุญแจ/ไขแหลก
โดย..#ราษฎรเต็มขั้น
