บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าพลังงานทดแทน ธุรกิจไบโอดีเซล ธุรกิจผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ มีผลการดำเนินงานเติบโตเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกปี โดยเฉพาะในแง่ของรายได้ นับตั้งแต่ปี 2561 ที่มีรายได้ 12,490 ล้านบาท ซึ่งเติบโตกว่าปี 2560 ที่มีรายได้ 11,673 ล้านบาท ขณะที่ปี 2562 ก็มีรายได้ 14,954 ล้านบาท และปี 2563 มีรายได้รวม 17,196 ล้านบาท
ส่วนในปี 2564 นายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร EA ก็มั่นใจว่า รายได้จะเติบโตมากกว่าปี 2563 ซึ่งจะส่งผลให้มีรายได้สถิติสูงสุดใหม่ (นิวไฮ) ต่อเนื่อง 4 ปีติดต่อกันนับตั้งแต่ปี 2561 โดยผลการดำเนินงานในปีนี้ นอกจากได้รับปัจจัยหนุนจากธุรกิจผลิตไฟฟ้าแล้ว ยังจะได้รับปัจจัยหนุนจากการส่งมอบรถเมล์ไฟฟ้า และรถบัสไฟฟ้า คาดว่าจะสามารถดำเนินการส่งมอบรถได้ตั้งแต่เดือนสิงหาคมนี้ราว 120 คัน และมั่นใจว่าจะสามารถส่งมอบได้ตามเป้าหมาย 500 คันในปีนี้ แม้จะได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ก็ตาม
นอกจากนี้ยังรับรู้รายได้จากธุรกิจการขายสินค้าแบตเตอรี่ของ Amita Techologies Inc (ไต้หวัน) รวมถึงธุรกิจแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน Amita Techology (Thailand) ที่คาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ในปีนี้ และรับรู้รายได้จากกลุ่มธุรกิจไบโอดีเซล ที่ได้ต่อยอดผลิตภัณฑ์ Bio-PCM รวมถึงธุรกิจสถานีอัดประจุไฟฟ้าสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า EA Anywhere บริษัทฯ ได้เดินหน้าขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง
ส่วนในแง่ของกำไรก็น่าจับตามองเพราะมีกำไรเติบโตเพิ่มขึ้นทุกปี ยกเว้นในปี 2563 มีกำไร 5,204 ล้านบาท ต่ำกว่าในปี 2562 ที่มีกำไร 6,081 ล้านบาท เนื่องจากในปี 2562 นั้นมีรายการบันทึกกำไรพิเศษ อย่างก็ตามแหล่งข่าวจาก EA มั่นใจว่า ในปี 2564 กำไรเติบโตมากว่าในปี 2563 อย่างแน่นอนด้วยปัจจัยสนับสนุนจากทุกธุรกิจ โดยเฉพาะยานยนต์ไฟฟ้า
เปิด “ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/64”
ขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2564 มีกำไรสุทธิ 1,190.65 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.59 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,149.43 ล้านบาท และมีรายได้รวม 4,935.08 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.20 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้กลุ่มธุรกิจไบโอดีเซล ในช่วงไตรมาส 2/2564 มีรายได้เพิ่มขึ้นจำนวน 746.25 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 49.74 ส่วนธุรกิจผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้ามีรายได้จำนวน 2,592.79 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยร้อยละ 0.68 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีรายได้จากธุรกิจการขายสินค้าแบตเตอรี่ของ Amita Techologies Inc.(ไต้หวัน) จำนวน 67.05 ล้านบาท ตามสัดส่วนการถือหุ้นของ EA และมีรายได้จากธุรกิจอื่นๆ จำนวน 17.20 ล้านบาท รวมเป็น 84.25 ล้านบาท
“ผลิตแบตเตอรี่” ไตรมาส 3 หนุนผลงานโต
ส่วนความคืบหน้าในโครงการแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน Amita Techology (Thailand) นั้น แหล่งข่าวระบุว่า คาดโรงงานจะสามารถเริ่มดำเนินการผลิตสำหรับระยะที่ 1 ได้ในช่วงไตรมาส 3/2564 โดยปัจจุบันได้นำเข้าเซลล์แบตเตอรี่ที่ผลิตจากโรงงาน Amita Techologies Inc. ไต้หวัน เพื่อนำมาประกอบเป็นแพ็คและโมดูลในสายการผลิตภายในประเทศ เพื่อตอบสนองการใช้ในกลุ่มธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าของบริษัทฯ ได้แก่ รถบัสไฟฟ้า เรือไฟฟ้า ในช่วงแรกระหว่างรอโรงงานผลิตเซลล์แบตเตอรี่เสร็จเรียบร้อย
ขณะที่ธุรกิจสถานีอัดประจุไฟฟ้าสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า EA Anywhere บริษัทฯได้เดินหน้าขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยมีการขยายสถานีระบบ Super-Fast Charge (DC) ร่วมกับพันธมิตร โดยล่าสุดได้ร่วมมือกับบริษัท เชฟรอน (ไทย) จำกัด ผู้ให้บริการสถานีบริการน้ำมันคาลเท็กซ์ ติดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้า EA Anywhere ในสถานีบริการน้ำมันคาลเท็กซ์ไปแล้ว 9 แห่ง และมีแผนที่จะเปิดให้บริการเพิ่มอีกให้ครบ 20 แห่งภายในปี 2564
นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้ดำเนินการเจรจาพันธมิตรรายใหม่ๆ เพื่อขยายการลงทุนติดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นสถานีบริการน้ำมัน ศูนย์บริการด้านยานยนต์ ศูนย์การค้า และร้านอาหาร เพื่อส่งเสริมให้มีการใช้ยานยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น โดยในปัจจุบัน EA ได้ขยายสถานีอัดประจุไฟฟ้าแล้วประมาณ 400 สถานี รวมกว่า 1,700 หัวชาร์จ พร้อมกันนี้ EA ยังได้มีการพัฒนารูปแบบตู้ชาร์จ ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยครอบคลุมทุกประเทศของยานยนต์ไฟฟ้า โดยมี 2 ระบบ คือ AC (Normal Charge) และ DC (Fast Charge) รองรับการชาร์จด้วยความเร็วสูงสุด
“ธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า-Bio-PCM ทิศทางสดใส”
ธุรกิจผลิตรถโดยสารไฟฟ้าและรถเพื่อกาiพาณิชย์ ภายใต้ บริษัท แอ๊บโซลูท แอสเซมบลี จำกัด (AAB) บริษัทย่อยของ EA นั้นมีความคืบหน้าในการก่อสร้างกว่า 90% เมื่อโรงงานเสร็จเรียบร้อยจะมีกำลังการผลิตรถโดยสารไฟฟ้าอยู่ที่ 3,000 คันต่อปี รองรับการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าได้หลายประเภท เช่น รถตู้ รถโดยสาร รถบัส และรถบรรทุก เป็นต้น
สำหรับอีกธุรกิจที่น่าจับตาคือ โครงการกรีนดีเซล หรือการต่อยอดผลิตภัณฑ์ที่ใช้น้ำมันปาล์มดิบเป็นสารตั้งต้น โดยปัจจุบัน EA ได้เริ่มเดินเครื่องโรงงานผลิตสาร Green Diesel และ Bio-PCM ระยะที่ 1 กำลังการผลิต 65 ตันต่อวัน และมีการส่งออกผลิตภัณฑ์ Bio-PCM ไปทดสอบใช้งานในประเทศ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และจีน ซึ่งเมื่อผลการทดสอบการใช้งานเป็นไปตามคาดก็จะพิจารณาความต้องการตลาด เพื่อทำการขยายกำลังการผลิตอีก 65 ตันต่อวันในระยะที่ 2 และยังมองหาตลาดในยุโรปต่อไป
ทั้งนี้จากการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะธุรกิจเกี่ยวกับยานยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ในอนาคตมีแนวโน้มเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ตามเทรนด์การใช้ยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งคาดว่าจะเป็นธุรกิจที่ช่วยขับเคลื่อนผลประกอบการของกลุ่ม EA ให้เติบโตได้อย่างมีนัยสำคัญ
