วันเสาร์, เมษายน 20, 2024
หน้าแรกHighlightงัดหลักฐานมัด'ธนาธร-ปิยบุตร' ตัวการปั่นหัวเด็กล้มล้างสถาบัน
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

งัดหลักฐานมัด’ธนาธร-ปิยบุตร’ ตัวการปั่นหัวเด็กล้มล้างสถาบัน

“ถาวร” งัดหลักฐานมัด “ธนาธร-ปิยบุตร” อยู่เบื้องหลังม็อบราษฎร ปั่นหัวเด็กให้เกลียดชัง-ล้มล้าง “สถาบัน” มีเป้าหมายคือ “เปลี่ยนแปลงการปกครอง” แต่เลี่ยงไปใช้คำ “ปฏิรูป” โดยทำเป็นขบวนการ มีการจัดตั้งเครือข่ายหล่อหลอมความคิด และผ่านการใช้สื่อโซเซียลสร้างวาทกรรมที่ทำให้เกิดความเกลียดชัง

เมื่อวันที่ 24 พ.ย. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายถาวร เสนเนียม รมช.คมนาคม และส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ เปิดแถลงข่าวกรณีการชุมนุมของกลุ่มราษฎรว่า ตนติดตามความเป็นมาและความเคลื่อนไหวของกลุ่มดังกล่าว มาประมาณ 1 ปี ยืนยันได้ว่า มี “ผู้ที่อยู่เบื้องหลัง” การชุมนุมของกลุ่มนี้และมี “ขบวนการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์” อย่างแน่นอน โดยมีการใช้เด็ก-เยาวชนเป็น “สะพานเชื่อม” นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงการปกครอง ที่มีเป้าหมายคือการล้มล้างสถาบัน แม้เลี่ยงไปใช้คำว่า “ปฏิรูป” ก็ตาม เพราะปรากฏความสอดคล้องระหว่าง “หลักคิดของคนบงการ” ที่ถูกนำไปปฏิบัติในการชุมนุมของกลุ่มดังกล่าว เป็นหลักคิดชุดเดียวกัน คือต้องการเปลี่ยนแปลงสถาบัน ที่เป็นอุปสรรคต่อการก้าวขึ้นสู่อำนาจทางการเมืองของกลุ่มตัวเอง

ทั้งนี้นายถาวร ได้นำคลิปวิดีโอที่ระบุว่า นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า กล่าวบรรยายที่มหาวิทยาลัยลอนดอน ประเทศอังกฤษ มาเปิดเผยต่อหน้าผู้สื่อข่าว โดยนายถาวร กล่าวว่า ผู้อยู่เบื้องหลังการชุมนุมนั้น เริ่มตั้งแต่กรณีที่นายปิยบุตรไปพูดที่มหาวิทยาลัยลอนดอน เรื่อง Thailand in a Deeper State of Crisis? เมื่อวันที่ 11 มิ.ย.2559 กล่าวหาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ว่ามีอำนาจอิทธิพลเหนือผู้พิพากษา ซึ่งเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง เพราะพระราชดำรัสที่ตรัสต่อศาลในวันที่ 24 เม.ย.2549 นั้น พระองค์ไม่ได้สั่งการอะไรที่ไม่มีกฎเกณฑ์ต่อศาล และไม่เคยดำเนินการตามใจชอบ นอกเหนือที่รัฐธรรมนูญกำหนด

นอกจากนี้ยังมีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ที่ร่วมสมคบคิด ซึ่งเห็นได้จากคำพูดต่างๆ ของนายธนาธรในหนังสือ Portrait ธนาธร ที่ถูกตีพิมพ์เมื่อเดือน พ.ย.2561 และนายธนาธรได้ไปพูดในงานวิชาการหลายแห่ง ซึ่งตอกย้ำการปฏิรูปสถาบัน รวมถึงการที่นายธนาธรและนายปิยบุตรจัดตั้งพรรคการเมืองมาดำเนินการต่างๆ ที่พุ่งเป้าเรื่องสถาบัน แต่สุดท้ายพรรคนั้นก็ถูกยุบ เพราะทำผิดกฎหมาย

นายถาวร กล่าวว่า จากนั้นยังมีการจัดการชุมนุมแบบ “แฟลชม็อบ” อีกหลายครั้ง ซึ่งหัวข้อการชุมนุมเกี่ยวข้องกับการล้มล้างสถาบัน และมีความพยายามเปลี่ยนชื่อสถานที่สำคัญๆ หลายแห่ง อาทิ สนามหลวง เปลี่ยนเป็น “สนามราษฎร” ขณะที่นายปิยบุตรได้โพสต์ข้อความเมื่อวันที่ 27 ก.ค.2563 ที่อ้างอิงการปฏิวัติฝรั่งเศสกับการเปลี่ยนเป็นระบอบกษัตริย์ใต้รัฐธรรมนูญ ทั้งนี้นายปิยบุตรและนายธนาธรใช้ระยะเวลา 8 เดือน ในการปลุกปั่นให้เยาวชนเกลียดชังสถาบันฯ ผ่านการจัดตั้งเครือข่ายหล่อหลอมความคิด และผ่านการใช้สื่อโซเซียลสร้างวาทกรรมที่ทำให้เกิดความเกลียดชัง แม้กลุ่มคนเหล่านี้อ้างว่าการปฏิรูปสถาบัน ไม่ใช่การล้มล้าง แต่พฤติกรรมต่างๆ ที่แสดงออกมากลับตรงกันข้าม อาทิ การมุ่งอาฆาตมาดร้ายสถาบัน การโฆษณาชวนเชื่อ การบังคับให้เลือกข้าง รวมถึงมีการยกระดับการชุมนุมประท้วงไปเป็นการก่อจลาจล โดยมุ่งหวังให้เกิดการก่อวินาศกรรมและสงครามประชาชน เช่น การเปลี่ยนการ์ดอาชีวะ มาเป็นการ์ดรบพิเศษ

นายถาวร กล่าวต่อว่า เพื่อหยุดยั้งภาวะที่จะนำไปสู่สงครามกลางเมือง จึงขอเสนอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายความมั่นคง และฝ่ายปกครอง ต้องดำเนินคดีขั้นเด็ดขาดกับผู้บงการทุกระดับ อย่าขี้ขลาด แต่ขอให้ยกเว้นโทษแก่ผู้ชุมนุมที่ตกเป็นเหยื่อ ส่วนการที่เจ้าหน้าที่ที่ใช้แก๊สน้ำตาในการสลายการชุมนุมของกลุ่มราษฎรนั้น ถือว่าละมุนละม่อมและเบาที่สุด หากเทียบกับการชุมนุมที่ผ่านๆ มา ของกลุ่มเสื้อเหลือง เสื้อแดง หรือ กปปส. ส่วนนักการเมืองและพรรคการเมืองที่ต้องการให้มีการปฏิรูปสถาบันนั้น ขอให้ประกาศตัวต่อสาธารณชนให้ชัดเจน แต่ตนขอคัดค้านการปฏิรูปสถาบัน และการทำรัฐประหารที่จะนำไปสู่วงจรอุบาทว์ทางการเมืองอีก รวมถึงจะทำให้สถาบัน ยิ่งตกเป็นเป้าโจมตีของผู้ชุมนุมและต่างชาติ นอกจากนี้ขอให้ทุกคนช่วยกันตรวจสอบทุจริตของรัฐบาล นักการเมือง และข้าราชการอย่างจริงจัง พร้อมกับดำเนินการปฏิรูปนักการเมือง พรรคการเมือง ปฏิรูปประเทศให้เกิดความปรองดอง ภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอย่างแท้จริง

เมื่อถามถึงการที่กลุ่มดังกล่าวจะชุมนุมใหญ่ที่หน้าสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ในวันที่ 25 พ.ย.นี้ นายถาวร ตอบว่า เป็นการทำเพื่อตอบโต้การบังคับใช้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ทั้งนี้ตนเป็นห่วงการชุมนุมดังกล่าว โดยขอให้กลุ่มผู้ชุมนุมปฏิบัติตามกฎหมาย เพราะพื้นที่ตรงนั้นเป็นเขตพระราชฐาน จึงห้ามกลุ่มผู้ชุมนุมเข้าใกล้ในระยะ 150 เมตร รวมถึงขอให้การ์ดผู้ชุมนุม ดูแลการชุมนุมยึดหลักสงบ สันติ อาหิงสา ปราศจากอาวุธ และต้องป้องกันไม่ให้มีการยั่วยุที่จะนำไปสู่การใช้ความรุนแรง ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องทำหน้าที่ตามกฎหมายอย่างเหมาะสม สำหรับข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุมที่ให้นายกรัฐมนตรีลาออกนั้น ตนไม่ขอแสดงความคิดเห็น และควรปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการ



- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img