วันศุกร์, เมษายน 26, 2024
หน้าแรกLIFE STYLEตามัว เห็นภาพซ้อน ระวัง'โรคต้อกระจก'มาเยือน
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

ตามัว เห็นภาพซ้อน ระวัง’โรคต้อกระจก’มาเยือน

หากอายุ 50 ปีขึ้นไป พบปัญหาการมองไม่ชัด มัวเหมือนมีฝ้าหรือหมอกบัง มองเห็นสีต่างๆ ผิดเพี้ยนไปจากเดิม ต้องการแสงสว่างมากขึ้นในการมอง ควรตรวจเช็กเพื่อดูความผิดปกติของดวงตา

พญ.ธารินี เสงี่ยมพรพาณิชย์ จักษุแพทย์ผู้ชำนาญการด้านการผ่าตัดต้อกระจก กระจกตา และการผ่าตัดแก้ไขสายตาผิดปกติ โรงพยาบาลกรุงเทพ เปิดเผยว่า  โรคต้อกระจก (Cataract) คือ ภาวะที่เลนส์ตาเกิดความขุ่นมัว ส่งผลให้แสงเข้าไปในดวงตาน้อยลง จอประสาทตารับภาพได้ไม่ชัดเจน การมองเห็นลดลงเรื่อยๆแบบค่อยเป็นค่อยไป แต่หากปล่อยทิ้งไว้จนเกิดความรุนแรงอาจทำให้มองไม่เห็นได้ในที่สุด

โดยต้อกระจกเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ อาทิ 1)การเสื่อมสภาพของเลนส์ตาตามวัยเป็นสาเหตุที่พบมากที่สุดโดยจะพบตั้งแต่อายุ 50 ปีขึ้นไป 2)ผู้ป่วยโรคเบาหวานที่มีระดับน้ำตาลสูงและควบคุมได้ไม่ดีพอ จะกระตุ้นเลนส์ตาให้ขุ่นขึ้นได้เร็วกว่าคนที่อยู่ในช่วงอายุเดียวกันแต่ไม่เป็นโรคเบาหวาน 3)การใช้ยาในกลุ่มสเตียรอยด์ ทำให้เกิดต้อกระจกบางชนิดได้ 4) เคยมีอุบัติเหตุกระทบกระแทกบริเวณดวงตา เคยมีการอักเสบ หรือมีการติดเชื้อบริเวณตามาก่อน 5)การเผชิญกับแสงแดดติดต่อกันเป็นเวลานานโดยขาดการป้องกัน หรือ 7)มีประวัติครอบครัวเป็นต้อกระจกแต่กำเนิดหรือเป็นตั้งแต่อายุน้อยๆ

การผ่าตัดรักษาต้อกระจกเริ่มต้นจากการตรวจวินิจฉัย และประเมินสภาพตาอย่างละเอียดก่อนการทำผ่าตัดโดยจักษุแพทย์ การผ่าตัดต้อกระจกมี 2 วิธี คือ 1) วิธีสลายต้อกระจกด้วยเครื่องสลายต้อ เป็นวิธีที่ได้รับความนิยม ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล ไม่ต้องดมยาสลบ ทำภายใต้การหยอดหรือฉีดยาชาเฉพาะที่ โดยจักษุแพทย์จะเปิดช่องเล็กๆ ที่ขอบตาดำประมาณ 2.4 -2.75 มิลลิเมตร แล้วสอดเครื่องมือสลายต้อเข้าไปที่ตัวต้อกระจก

โดยเปิดถุงหุ้มเลนส์เป็นวงกลม และปล่อยพลังงานความถี่สูงเท่าระดับอัลตราซาวนด์เข้าสลายต้อกระจกนำเลนส์ตาที่ขุ่นออกมา จากนั้นจึงใส่เลนส์ตาเทียมเข้าไปแทนที่เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถมองเห็นภาพได้ชัดเจน โดยการเลือกเลนส์เทียมขึ้นกับความต้องการการใช้สายตาของผู้ป่วย เช่น เลนส์ชัดระยะเดียวหรือชัดหลายระยะ รวมถึงลักษณะตาของผู้ป่วย เช่น ถ้ามีสายตาเอียงร่วมด้วยอาจใช้เลนส์เทียมชนิดแก้เอียง เป็นต้น

ซึ่งวิธีนี้ใช้เวลาผ่าตัดเพียงไม่นาน ประมาณ15- 30 นาที หลังผ่าตัดการมองเห็นดีขึ้นและกลับไปใช้ชีวิตตามปกติได้เร็ว ลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัดแบบดั้งเดิม 2) ผ่าตัดต้อกระจกแบบเปิดแผลกว้าง (Extracapsular Cataract Extraction with Intraocular Lens) เป็นวิธีผ่าตัดดั้งเดิมใช้ในกรณีที่ต้อกระจกสุกและแข็งมากๆ จนไม่เหมาะกับการสลายด้วยเครื่อง จักษุแพทย์จะเปิดแผลบริเวณครึ่งบนของลูกตายาวประมาณ 10 มม.เพื่อเอาตัวเลนส์แก้วตาที่เป็นต้อกระจกออก แล้วใส่เลนส์แก้วตาเทียมเข้าไปแทนที่แล้วจึงเย็บปิดแผลด้วยไหมเย็บแผล

ภายหลังผ่าตัดต้อกระจกการดูแลตัวเองเป็นสิ่งสำคัญ ต้องระมัดระวังไม่ให้ติดเชื้อและปฏิบัติตามคำแนะนำของจักษุแพทย์อย่างเคร่งครัด ซึ่งจักษุแพทย์จะทำการนัดผู้ป่วยเพื่อติดตามผลเป็นระยะ คนไข้ควรสวมที่ครอบตาจนกว่าแพทย์จะให้เอาออก ใช้ยาหยอดตาตามที่แพทย์สั่ง ระวังการโดนลม ฝุ่น และแสงจ้า อย่าให้ดวงตาโดนน้ำ ห้ามขยี้ตา หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่กระทบกระเทือนดวงตาตามคำแนะนำของแพทย์ หากมีความผิดปกติเกิดขึ้นกับดวงตา เช่น ปวดตา ตาแดง มีขี้ตามากผิดปกติ ตามัวลง สู้แสงไม่ได้  ควรกลับมาพบแพทย์ทันทีก่อนนัด 

ทั้งนี้ โรคต้อกระจกส่วนหนึ่งไม่สามารถป้องกันได้เนื่องจากความเสื่อมตามวัย แต่สามารถดูแลดวงตาเพื่อยืดอายุความแข็งแรงและชะลอการเกิดโรคต้อกระจกได้เช่น การสวมแว่นกันแดด ทานอาหารที่มีประโยชน์ ไม่ควรซื้อยาหยอดตามาใช้เอง โดยเฉพาะที่มีส่วนประกอบของสเตียรอยด์ และควรตรวจสุขภาพดวงตาเป็นประจำทุกปี โรคต้อกระจกเป็นโรคที่พบได้บ่อยในทุกคน “หากอายุครบ 40 ปี ควรมาตรวจตาปีละ 1 ครั้ง และหมั่นสังเกตความผิดปกติของดวงตา หากตามัวลงหรือสายตาเปลี่ยนจนผิดสังเกตควรต้องรีบมาพบแพทย์ทันที



- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img