วันพฤหัสบดี, มีนาคม 28, 2024
หน้าแรกHighlight“ความสด”ของอาหารทะเลที่มาพร้อมกับ “อันตราย”
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“ความสด”ของอาหารทะเลที่มาพร้อมกับ “อันตราย”

ผู้บริโภคเคยสังเกตกันไหม ทำไมอาหารทะเลที่ซื้อมาเก็บไว้ถึงอยู่ได้นาน ทั้งที่ผ่านมาข้ามคืนจนถึงหลายวัน ซึ่งบางครั้งอาจไม่ได้ปลอดภัยและสภาพดีตามธรรมชาติอย่างที่คิดก็เพราะ”ฟอร์มาลิน”

สารละลายฟอร์มาลดีไฮด์ หรือที่รู้จักในชื่อ ฟอร์มาลิน หรือ น้ำยาดองศพ ปกติใช้ในอุตสาหกรรมผลิตเคมีภัณฑ์ พลาสติก สิ่งทอ หรือใช้ทางการแพทย์ เป็นยาฆ่าเชื้อโรค ฆ่าเชื้อราและเป็นน้ำยาดองศพ ซึ่งปัจจุบันมีการนำมาใช้ผิดประเภทโดยเฉพาะกับอาหารทะเลที่เน่าเสียไว เช่น กุ้ง ปู ปลา ปลาหมึก จากการทำปฏิกิริยากับโปรตีนในอาหารทำให้อาหารคงความสดและเก็บรักษาได้นาน และยังพบในผักสด ผลไม้สด รวมถึงเนื้อสัตว์สด เป็นต้น

ปกติแล้วสัตว์ทะเลจะพบปริมาณของฟอร์มาลินที่มีในธรรมชาติส่วนใหญ่จะมีปริมาณไม่เกิน 1 พีพีเอ็ม (ส่วนในล้านส่วน) ซึ่งไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพผู้บริโภค ในขณะที่ฟอร์มาลินที่จงใจฉีดหรือแช่ในผักหรือเนื้อสัตว์นั้น หากใช้ปริมาณมากเกินไปและมีการตกค้างย่อมเป็นอันตรายต่อผู้บริโภคแน่นอน

สำหรับประเทศไทยฟอร์มาลิน (Formalin) จัดเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 2 ตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 และเป็นอาหารที่ห้ามผลิต นำเข้า หรือจำหน่าย ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 391 (พ.ศ. 2561) การกินอาหารที่ปนเปื้อนฟอร์มาลินในปริมาณมากถึง 30-60 มิลลิลิตร จะทำให้เกิดอาการปวดท้องรุนแรง อาเจียน ท้องเดิน หมดสติ และอาจเสียชีวิต

พิษของฟอร์มาลินที่เกิดจากการสัมผัสพบว่าจะทำให้เกิดผื่นคัน ผิวหนังเป็นสีขาว หยาบและแข็ง หากอยู่ในรูปของแก๊สฟอร์มาลดีไฮด์จะมีผลต่อระบบทางเดินหายใจทำให้แสบจมูก ไอ ตาแดง น้ำตาไหล หายใจไม่ออก เกิดการระคายเคืองต่อระบบทางเดินหายใจส่วนบน ปอดอักเสบ น้ำท่วมปอด หรือมีผลต่อระบบประสาทเหมือนการได้รับพิษจากแอลกอฮอล์ ถ้าสูดดมในปริมาณมากอาจถึงตายได้

วิธีสังเกตอาหารที่มีฟอร์มาลินคือ เมื่อลองดมแล้วมีกลิ่นฉุนแสบจมูก หรือลักษณะภายนอกแปลกไป เช่น ปลาเมื่อเปิดเหงือกดูมีสีแดงเข้มและสดผิดปกติ ตากลมใส ลำตัวแข็งวาว ทั้งที่ไม่ได้แช่เย็น แต่เมื่อนำมาประกอบอาหารเนื้อปลาจะเละ หรือกุ้งจะพบว่าเนื้อกุ้งมีทั้งส่วนที่แข็งสด และมีส่วนที่เปื่อยยุ่ยในตัวเดียวกัน ให้หลีกเลี่ยงการซื้อมาบริโภค เพราะหากเป็นอาหารสดต้องสดเสมอกัน ไม่มีส่วนใดส่วนหนึ่งเปื่อยหรือส่วนใดส่วนหนึ่งแข็งสด และการใช้ชุดตรวจสารฟอร์มาลินในอาหารก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยได้ โดยตรวจหาระดับการปนเปื้อนที่ความเข้มข้นต่ำสุดคือ 0.5 มิลลิกรัม/กิโลกรัม (ppm) หากน้ำที่ใช้ทดสอบให้ผลสีชมพูจนถึงสีแดง แสดงว่ามีการปนเปื้อนของสารฟอร์มาลินมากกว่า 0.5 ppm (ผลบวก)

วิธีเลี่ยงอันตรายจากสารฟอร์มาลิน

-ก่อนนำอาหารสดมาประกอบอาหาร ควรล้างให้สะอาด เพราะฟอร์มาลินส่วนมากจะถูกชะล้างออกไปหมดเนื่องจากมีคุณสมบัติละลายน้ำได้ดี และควรปรุงอาหารให้สุกก่อนบริโภคเพราะความร้อนจะทำให้ฟอร์มาลินระเหยออกไป
-การดมกลิ่นจะทำให้ทราบว่าอาหารนั้นมีฟอร์มาลินหรือไม่ ถ้าอาหารนั้นมีกลิ่นแสบจมูกให้สันนิษฐานว่าน่าจะมีฟอร์มาลินปนเปื้อนอยู่

หากพบการเติมฟอร์มาลินลงในอาหาร และผลการตรวจวิเคราะห์พบฟอร์มาลินในปริมาณที่สูงจนอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของผู้บริโภค จะเข้าข่ายเป็นอาหารไม่บริสุทธิ์ ที่ไม่เพียงแต่จะเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค ยังมีโทษตามกฎหมายด้วย ทั้งนี้หากพบเห็นอาหารที่ไม่ได้มาตรฐานหรือไม่ได้รับความปลอดภัย สามารถร้องเรียนมาได้ที่สายด่วน อย. โทร.1556

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img