วันพฤหัสบดี, เมษายน 25, 2024
หน้าแรกHighlightรู้จัก“โรคติดเชื้อทางเดินหายใจจากไวรัส RSV”
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

รู้จัก“โรคติดเชื้อทางเดินหายใจจากไวรัส RSV”

แพทย์เตือนในช่วงอากาศเปลี่ยนแปลงหมั่นทำความสะอาดเครื่องใช้และอุปกรณ์ภายในบ้าน ล้างมือบ่อยๆ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ รับประทานอาหารปรุงสุกใหม่ ใช้ช้อนกลาง และใส่หน้ากากอนามัยเพื่อลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อจากโรคทางเดินหายใจ

นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า โรคติดเชื้อทางเดินหายใจจากเชื้อไวรัส RSV เป็นโรคที่สามารถพบได้มาก ในช่วงปลายฤดูฝนไปจนถึงฤดูหนาว โรคชนิดนี้เป็นหนึ่งในโรคที่มีอาการคล้ายไข้หวัด แต่อาจก่อให้เกิดอาการรุนแรงได้ในเด็กเล็ก เด็กที่คลอดก่อนกำหนด และผู้สูงอายุมากกว่า 65 ปี รวมทั้งผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหอบหืด โรคหัวใจ

การติดเชื้อของเชื้อไวรัส RSV เกิดจากการสัมผัสสารคัดหลั่งของผู้ติดเชื้อ สามารถเข้าสู่ร่างกายได้ทั้งทางม่านตา จมูก ปาก หรือสัมผัสเชื้อโดยตรงจากการจับมือ และแพร่กระจายได้ง่ายผ่านการไอหรือจาม

สำหรับผู้ป่วยที่ติดเชื้อ ไวรัส RSV มักมีอาการ 4-6 วัน หลังได้รับเชื้อ อาการโดยทั่วไปคล้ายไข้หวัดธรรมดา มีไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก ปวดศีรษะ หากพบว่าเชื้อลงไปสู่ระบบหายใจส่วนล่าง ผู้ป่วยจะมีอาการรุนแรง หายใจเร็ว หอบเหนื่อย ไอรุนแรง ทำให้เกิดภาวะปอดอักเสบบางรายรุนแรงเกิดภาวะหัวใจล้มเหลวได้

นพ.เอนก กนกศิลป์ ผู้อำนวยการสถาบันโรคทรวงอก กรมการแพทย์  อธิบายเพิ่มเติมว่า โรคชนิดนี้เกิดได้หลายช่วงอายุ แต่ในวัยผู้ใหญ่พบว่าจะมีอาการไม่รุนแรง และจะเกิดอาการที่รุนแรงในผู้ป่วยเด็กที่มีอายุน้อยกว่า 15 ปี มีโรคประจำตัวหรือโรคเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ หรือปอด หรือผู้ป่วยที่มีภาวะภูมิคุ้มกันของร่างกายต่ำ เป็นต้น 

สำหรับการตรวจรักษาในผู้ป่วยที่พบว่ามีอาการบ่งชี้แพทย์จะทำการตรวจหา เชื้อไวรัส RSV จากสารคัดหลั่งในจมูก การรักษาโรคติดเชื้อทางเดินหายใจจาก เชื้อไวรัส RSV ในปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกัน และไม่มียารักษา แพทย์จะดำเนินการรักษาตามอาการของผู้ป่วย แต่หากพบว่าอาการไม่ดีขึ้นหรือมีอาการรุนแรงต้องรีบไป  พบแพทย์ทันที 

สำหรับวิธีการป้องกันการติดโรคติดเชื้อทางเดินหายใจจาก ไวรัส RSV นั้น นพ.เอนก แนะนำว่า   ควรดูแลตัวเอง ด้วยการหลีกเลี่ยงไปในที่ชุมชนแออัด รักษาความอบอุ่นให้แก่ร่างกายในช่วงอากาศเย็น หมั่นทำความสะอาดเครื่องใช้และอุปกรณ์ภายในบ้านที่สัมผัสบ่อยๆ เช่น ลูกบิด ราวบันได รีโมท รับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่มีประโยชน์ครบ 5 หมู่ และใช้ช้อนกลางเมื่อต้องรับประทานอาหารร่วมกับผู้อื่น ควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ล้างมือบ่อยๆด้วยน้ำและสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์

ทุกคนในบ้านควรชำระร่างกายให้สะอาด เพื่อลดความเสี่ยงการเป็นพาหะนำเชื้อโรคมาแพร่กระจายให้บุคคลภายในบ้าน และควรใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ หากเรารู้จักป้องกันตนเอง เพียงเท่านี้เราก็จะสามารถลดโอกาสของการติดเชื้อจากโรคทางเดินหายใจได้

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img