วันศุกร์, มีนาคม 29, 2024
หน้าแรกHighlightGC เดินหน้ากลยุทธ์ 3 Steps สร้างโอกาสใหม่ยุค New Normal
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

GC เดินหน้ากลยุทธ์ 3 Steps สร้างโอกาสใหม่ยุค New Normal

GC ยืนหยัดท่ามกลางภาวะวิกฤต เดินหน้ากลยุทธ์ 3 Steps เพิ่มการแข่งขัน แสวงหาโอกาสใหม่ สร้างความยั่งยืนทางธุรกิจ เผยดันยอดขายปี 64โตเกิน 10%

เมื่อวันที่ 17 ก.พ.64 ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC แถลงข่าวประกาศทิศทางการดำเนินงานของบริษัทฯ ในปี 2564 ด้วยนโยบาย “แข็งแกร่งจากภายใน สร้างโอกาสใหม่ยุค New Normal” พร้อมเร่งเดินหน้าและ ยกระดับกลยุทธ์ 3 Steps  ตอกย้ำการเป็นผู้นำในธุรกิจเคมีภัณฑ์ระดับสากล เพื่อสร้างสรรค์คุณภาพชีวิตโดยยึดหลักความยั่งยืนในการดำเนินธุรกิจ

1.Step Change กลยุทธ์การยกระดับความสามารถในการแข่งขัน : สานต่อสร้างเสริม GC ให้เข้มแข็งทั้งด้านความปลอดภัยและเสถียรภาพการผลิต พร้อมยกระดับความสามารถในการแข่งขันโดยปรับปรุงหน่วยผลิตและโครงสร้างพื้นฐานให้มีความยืดหยุ่นในการใช้วัตถุดิบ สามารถต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มจากการบริหารจัดการแบบองค์รวมจากโครงการ Map Ta Phut Integration  และขยายตลาดสู่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  เพื่อสร้างความแข็งแกร่งในระดับภูมิภาค รวมทั้งพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีมูลค่าสูง (High Value Products: HVP) และมีหลากหลายรูปแบบ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าและตลาดโลกให้มากขึ้น

2.Step Out กลยุทธ์การแสวงหาโอกาสเพื่อสร้างการเติบโตในธุรกิจใหม่หรือในต่างประเทศ : แสวงหาโอกาสการเติบโตแบบก้าวกระโดดด้วยการลงทุนในธุรกิจใหม่ใน กลุ่ม High Value Business: HVB ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีการเติบโต และสามารถทำกำไรในระดับสูง โดยการเข้าซื้อหรือควบรวมกิจการ (M&A) รวมทั้งหาโอกาสทางธุรกิจใหม่โดยใช้ Corporate Venture Capital: CVC เพื่อขยายไปสู่ธุรกิจที่มีความโดดเด่นด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม พร้อมก้าวไกลไประดับสากล และสานต่อการขยายฐานธุรกิจแห่งที่ 2 (Second Home Based)

3.Step Up กลยุทธ์สร้างความยั่งยืนทางธุรกิจ ด้วยการเป็นต้นแบบองค์กรเพื่อความยั่งยืนในระดับสากล มุ่งเน้นการดำเนินงานที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals :SDGs) สร้างสมดุลระหว่างสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environment, Social, Governance: ESG)  โดยใช้หลัก GC Circular Living เป็นเครื่องมือสำคัญในการบริหารจัดการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การบริหารจัดการน้ำอย่างครบวงจร และการดำเนินงานด้านเศรษฐกิจหมุนเวียนอย่างบูรณาการ พร้อมทั้งปรับกระบวนการดำเนินงานด้าน CSR สู่การสร้างวิสาหกิจชุมชน Social Enterprise (SE) ร่วมกับชุมชน

ดร.คงกระพัน กล่าวด้วยว่า การที่ GC จะบรรลุเป้าหมายขององค์กรได้นั้น GC ได้เตรียมความพร้อมในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในอนาคต จึงได้เริ่มให้ ดำเนินการโครงการ FiT โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อปรับปรุงกระบวนการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพพร้อมความคล่องตัวสูง ช่วยลดความเสี่ยง และค่าใช้จ่าย และนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาปรับใช้ พร้อมรับกับอนาคตให้แข็งแกร่ง เติบโตอย่างรอบด้านและยั่งยืน 

ในปี 2563 ธุรกิจปิโตรเคมีและธุรกิจปิโตรเลียมได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 แต่ด้วยโครงสร้างธุรกิจที่มีสายผลิตภัณฑ์ที่ครบวงจร และการที่ GC ดำเนินมาตรการรองรับ อาทิเช่น การประหยัดค่าใช้จ่าย การเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานทั่วทั้งองค์กร ส่งผลให้ บริษัทฯ  มี Adjusted EBITDA ในปี 2563 อยู่ที่ 28,579 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปี 2562

นอกจากนี้ ด้วยภาวะตลาดปิโตรเคมีในบางสายผลิตภัณฑ์ในช่วงครึ่งหลังของปี 63 บริษัทฯสามารถพลิกกลับมามีกำไรจากการดำเนินงานในไตรมาส 4/2563 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า และไตรมาส 4/2562 โดยเฉพาะกลุ่มผลิตภัณฑ์โอเลฟินส์และกลุ่มผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องมีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ บริษัทฯ มี Adjusted EBITDA ในไตรมาสที่ 4/2563อยู่ที่ 9,514 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 52 จากไตรมาส 3/2563 และเพิ่มขึ้นร้อยละ 132 จากไตรมาส 4/2562

ซึ่งเมื่อรวมถึงผลกระทบทางบัญชีจากสต๊อกน้ำมันและสินค้าคงเหลือ (Stock Gain & Net Reversal of NRV) บริษัทฯ จึงรายงานกำไรสุทธิในไตรมาส 4/2563 ที่ 6,405 ล้านบาท คิดเป็น >200% เมื่อเทียบกับปี 2562  พลิกปี 2563 ให้มีกำไรสุทธิ ที่ 200 ล้านบาท

ดร.คงกระพัน กล่าวต่อว่า สำหรับปี 64 คงเป้ายอดขายปีนี้เติบโตที่ระดับ 8-10% เทียบกับปีก่อน มาจากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากโครงการกำลังผลิตใหม่ 3 โครงการในจ.ระยองแล้วเสร็จ ขณะเดียวกันทิศทางราคาขาผลิตภัณฑ์ปีนี้ฟื้นตัวจากปีก่อน หลังจากเมื่อช่วงไตรมาส 2/63 และไตรมาส 3/63 เป็นราคาต่ำสุด ดังนั้นหากปริมาณการขายเพิ่มขึ้น บวกกับราคาขายที่อาจปรับตัวสูงขึ้นมาก มีโอกาสที่ยอดขายในปีนี้จะเติบโตเกิน 10% ได้

“ในปีนี้บริษัทยังอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อเข้าซื้อกิจการหลายโครงการ ที่คาดว่าจะมีความชัดกเจนภายในปีนี้ได้บ้าง แต่ยังไม่สามรถเปิดเผยรายละเอียดได้ จะเน้นโครงการที่เป็นผลิตภัณฑ์ให้มีมูลค่าสูง หรือมูลค่าเพิ่มสูง โดยบริษัทมีเงินสดในมือมากพอสมควร และมีศักยภาพในการจัดหาเงินกู้หากตกลงได้ใน โครงการที่เหมาะสม”ดร.คงกระพัน กล่าว

ดร.คงกระพัน กล่าวด้วยว่า ในส่วนโครงการปิโตรเคมีในรัฐโอไฮโอ ประเทศสหรัฐอเมริกา บริษัทยังคงเดินหน้าเจรจา ยอมรับว่าจากผลกระทบของโควิด-19 ซึ่งส่งผลต่อเศรษฐกิจทั้งโลก ประกอบกับพันธมิตรเกาหลีใต้ถอนตัวจากโครงการ ก็ส่งผลทำให้โครงการนี้ชะลอไปจากแผนงานเดิม แต่บริษัทยังตั้งเป้าหมายว่า ในกลางปี 64 นี้คงจะจะประกาศได้ว่าจะมีความคืบหน้าอย่างไร โดยขณะนี้มีการเจรจาทั้งด้านการเงิน ด้านพันธมิตรรายใหม่ ที่มีผู้สนใจจาก 3 ทวีปหลัก รวมทั้งยื่นใบสมัครด้านสินเชื่อ กับกระทรวงพลังงานของสหรัฐ รวมทั้งจัดหาผู้รับเหมาก่อสร้าง จากโครงการที่ชะลอมาก็คาดว่าภาพรวมแล้วค่าลงทุนก่อสร้างจะต่ำลง

“อย่างไรก็ตามปี 63 ธุรกิจปิโตรเคมีและธุรกิจปิโตรเลียมได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่ด้วยโครงสร้างธุรกิจที่มีสายผลิตภัณฑ์ที่ครบวงจร และการที่ GC ดำเนินมาตรการรองรับ อาทิ การประหยัดค่าใช้จ่าย การเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานทั่วทั้งองค์กร ส่งผลให้ปี 63 บริษัทฯมีกำไรสุทธิ 200 ล้านบาท ปัจจัยสำคัญมาจากช่วงครึ่งหลังของปี กลุ่มผลิตภัณฑ์โอเลฟินส์และกลุ่มผลิตภัณฑ์ต่อเนื่อง ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง เมื่อรวมถึงผลกระทบทางบัญชีจากสต๊อกน้ำมันและสินค้าคงเหลือ ส่งผลให้กำไรสุทธิในไตรมาส 4/63 ที่ 6,405 ล้านบาท เติบโตกว่า 200%”ดร.คงกระพันกล่าว

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img