“ก่อนตรวจคนอื่นต้องตรวจตัวเองก่อน ” นายกฯ “ชื่นชมนโยบาย เจ้าหน้าที่ปราบยาฯเชียงใหม่ ต้องตรวจสารเสพติดทุกคนก่อนไปตรวจคนอื่น ตั้งเป้าขยายโมเดล จังหวัดปลอดยาเสพติดจาก 10 เป็น 25 จังหวัด
เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 30 พ.ย.67 ที่ห้องประชุมเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ศูนย์ราชการจังหวัดเชียงใหม่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีตรวจติดตามการปฏิบัติการตามนโยบายปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาล ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พลตำรวจเอก ไกรบุญ ทรวดทรง จเรตำรวจแห่งชาติ นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. ผู้บริหารหน่วยงานความมั่นคง ผู้บริหารส่วนราชการ ผู้บริหารส่วนท้องถิ่นเข้าร่วมประชุม
โดยพล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ปปส. ได้รายงานว่าวันนี้จังหวัดเชียงใหม่ได้มีนโยบายในการตรวจหาสารเสพติดกับเจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินนโยบายในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดของจังหวัดเชียงใหม่ทุกคนเพื่อให้ประชาชนรู้สึกสบายใจว่าก่อนที่จะไปตรวจประชาชน เจ้าหน้าที่ต้องไม่มีส่วนหรือเกี่ยวข้องกับยาเสพติดใดๆ
ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีขอบคุณทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องทุกและสำนักงาน ป.ป.ส. จังหวัดเชียงใหม่ที่ทุกฝ่ายได้ช่วยกันทำงานอย่างทุ่มเทและเสียสละ พร้อมกับเป็นกำลังใจให้ทุกคน ซึ่งรัฐบาลพร้อมจะสนับสนุนการทำงานอย่างเต็มที่ในทุกด้าน ทั้งนี้ต้องยอมรับว่าการแพร่ระบาดยาเสพติดบั่นทอนคุณภาพชีวิตเศรษฐกิจ ความปลอดภัยของสังคม และความมั่นคงของประเทศ โดยรัฐบาลได้กำหนดให้การแก้ปัญหายาเสพติดเป็นนโยบายเร่งด่วน ต้องยกระดับให้เข้มข้นขึ้น โดยตั้งเป้าแก้ปัญหาอย่างเด็ดขาดและครบวงจร ด้วยมาตรการต่าง ๆ เช่น การตัดต้นตอการผลิตและจำหน่ายด้วยการร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน การสกัดกั้น ควบคุมการลักลอบนำเข้าและตัดเส้นทางการลำเลียงยาเสพติด การปราบปรามและการยึดทรัพย์ ผู้ค้าอย่างเด็ดขาดการค้นหาผู้เสพในชุมชนเพื่อเข้าสู่กระบวนการรักษา ตลอดจนการบำบัดรักษา ผู้ติดยาเสพติด การฝึกอาชีพ การศึกษา และการฟื้นฟูสภาพทางสังคม รวมทั้งมีระบบติดตามดูแล ช่วยเหลือเพื่อไม่ให้กลับไปสู่วงจร ยาเสพติดอีก เพื่อคืนคนคุณภาพกลับสู่สังคม
นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีนโยบายที่จะขยายผลการดำเนินการจากโมเดล 25 จังหวัดพื้นที่เป้าหมายของ อดีตนายกรัฐมนตรีนายเศรษฐา ทวีสิน ไปดำเนินการในทุกจังหวัดทั่วประเทศ และขยายผลความสำเร็จจาก “ท่าวังผาโมเดล” จังหวัดน่าน และ “ธวัชบุรีโมเดล” จังหวัดร้อยเอ็ด ไปยังจังหวัดอื่นๆ อีก 10 จังหวัดนำร่อง รวมถึงจังหวัดเชียงใหม่ โดยรัฐบาลพร้อมสนับสนุนการปฏิบัติงานของทุกท่าน ไม่ว่าจะเป็นอาวุธยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ ขอให้ ป.ป.ส. ช่วยดูแลในเรื่องของอุปกรณ์ที่เจ้าหน้าที่ต้องใช้ อย่าให้ขาดตกบกพร่องได้
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการสนับสนุนด้านข้อมูลจากสถานกงสุลใหญ่สหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ณ จังหวัดเชียงใหม่ ความร่วมมือระหว่าง DEA (ดีอีเอ) และ ป.ป.ส. ในการปราบปรามยาเสพติดข้ามพรมแดน ขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ ป.ป.ส. ทำงานร่วมกันรับผิดชอบ ช่วยเหลือ สนับสนุน การทำงานบูรณาการของทุกภาคส่วน เติมเต็มในสิ่งที่ต้องได้รับการสนับสนุนจากส่วนกลาง และรัฐบาล เพื่อผลลัพธ์สุดท้าย คือ กาวประกาศให้เป็นพื้นที่ปลอดภัยจากยาเสพติด เพื่อให้ประชาชนมีความสุข ตามแนวพระราชปณิธาน ประเทศชาติมั่นคง ประชาชนมีความสุข สืบสานพระราชปณิธาน ภายใต้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2568 ในปีหน้านี้
“ขอให้น้อมนำความสำเร็จของโครงการหลวง ซึ่งเกิดขึ้นด้วยความทุ่มเทและเสียสละของในหลวงรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวงฯ ในการพลิกฟื้นพื้นที่ปลูกพืชเสพติด โดยเฉพาะฝิ่น กลายเป็นพื้นที่ปลูกพืช ผัก และผลไม้เมืองหนาว สร้างช่องทางการจำหน่ายสินค้าผ่านโครงการหลวงดอยคำ ร้านโกลเด้นท์เพลส เป็นแบบอย่างในการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน ด้วยการสร้างงาน สร้างอาชีพ และไม่กลับไปหายาเสพติดอีก” นายกรัฐมนตรีระบุ
สำหรับผลการยึดของกลางคดียาเสพติด ประจำปี 2567 ประเภทยาบ้า ตรวจยึดยาบ้าได้ทั้งสิ้น 1,020,750,989 เม็ด แบ่งเป็น ภาคอื่น ๆ ร้อยละ 60.58 ภาคเหนือ ร้อยละ 39.42 ส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ร้อยละ 13.49 หรือ 137,732,030 เม็ด สามารถจับกุม 5,476 คดี ผู้ต้องหา 5,442 คน
ผลการยึดของกลางคดียาเสพติด จ.เชียงใหม่ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2567สามารถจับกุม 774 คดี ผู้ต้องหา 749 คน แบ่งเป็นประเภทยาเสพติด ดังนี้ 1. ยาบ้า 16,748,821 เม็ด 2. ยาไอซ์ 110,014.63 กรัม 3. เคตามีน 874.02 กรัม 4. สารระเหย 400 กรัม 5. ฝิ่น 385.56 กรัม 6. เฮโรอีน 142.56 กรัม 7. ยาอี 3 เม็ด