หน้าแรกHighlight“เท้ง”จี้ถาม“อนุทิน”ใช้วิธี“เซ็นเช็คเปล่า” จงใจ“เกียร์ว่าง”ปราบสแกมเมอร์หรือไม่

“เท้ง”จี้ถาม“อนุทิน”ใช้วิธี“เซ็นเช็คเปล่า” จงใจ“เกียร์ว่าง”ปราบสแกมเมอร์หรือไม่

- Advertisement -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

เท้ง’ ถาม ‘อนุทิน’ เซ็นเช็คเปล่า โยน ขรก.ออกหน้าปราบสแกมเมอร์ จงใจปล่อยเกียร์ว่างหรือไม่ แนะ ตั้งหน่วยพิเศษ-จัดประชุมนานาชาติ พร้อมใช้ทุกกลไกนิติบัญญัติติดตามผล


วันที่ 5 พ.ย. 68 นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวในงาน The Standard Economic Forum โดยไม่สามารถตอบได้ว่ารัฐบาลมีแผนที่เป็นรูปธรรมใดๆ ในการปราบสแกมเมอร์ แต่ใช้วิธี “เซ็นเช็คเปล่า” ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้อำนาจปราบปรามสแกมเมอร์อย่างเต็มที่


นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า การที่นายกรัฐมนตรีกล่าวเช่นนี้ ถือว่าบกพร่องต่อการทำหน้าที่ผู้นำประเทศอย่างมาก เพราะเป็นการปัดความรับผิดขอบ โยนเผือกร้อนให้ข้าราชการ และจะทำให้การปราบปรามสแกมเมอร์ไม่คืบหน้าอย่างแน่นอน วันนี้ประชาชนทั้งประเทศถือว่าปัญหาทุนเทาเข้ายึดครองประเทศ และครอบงำเศรษฐกิจไทย หลอกลวงสร้างความเสียหายนับแสนล้านต่อคนไทย เป็นปัญหาสำคัญอันดับหนึ่งของประเทศ

ตลอด 1 เดือนที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีไม่เคยมีท่าทีใดๆ ที่แสดงให้เห็นว่าจริงจังในการปราบปรามสแกมเมอร์ นอกจากตั้งอนุกรรมการ แม้ว่าจะมีรัฐมนตรีถึง 2 คนใน ครม. ที่ถูกเชื่อมโยงว่าอาจมีสายสัมพันธ์กับเครือข่ายสแกมเมอร์ เราในฐานะฝ่ายค้าน พยายามใช้ช่องทางกรรมาธิการ ติดตามตรวจสอบตลอด 1 เดือน แต่ก็ไม่ได้รับความร่วมมือจากบุคคลในรัฐบาล ไม่มีใครมาให้ข้อมูลแม้แต่คนเดียว ไม่ว่าจะเป็นร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ หรือนายวรภัค ธันยาวงษ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง


ส่วนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) , สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)และตำรวจไซเบอร์ ก็ให้ความร่วมมืออย่างจำกัด ไม่มีความคืบหน้าเท่าที่ควร


“การที่คุณอนุทินมาพูดวันนี้ว่า เซ็นเช็คเปล่า ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำไปตามอำนาจ จึงเท่ากับตอกย้ำว่า รัฐบาลจงใจเกียร์ว่าง ไม่มีการสั่งการอย่างเป็นรูปธรรม ทำให้หน่วยงานราชการไม่กล้าขยับโดยปริยาย เพราะปรากฏเป็นข่าวทั่วไปว่าเรื่องนี้พัวพันกับบุคคลระดับสูงในรัฐบาล ผมจึงขอถามไปยังคุณอนุทินโดยตรงว่าท่านจงใจเกียร์ว่างเพื่อให้เกิดสุญญากาศ เตะถ่วงการสืบสวนเครือข่ายทุนเทาสแกมเมอร์ในไทยหรือไม่“นายณัฐพงษ์กล่าว


นายณัฐพงษ์ กล่าวต่อไปว่า หากรัฐบาลตั้งใจจริงในการสอบสวนเรื่องนี้ รูปธรรมที่ทำได้ทันทีคือ
ตั้งหน่วยปฏิบัติการพิเศษ รวมปฏิบัติการให้มีวอร์รูมแห่งเดียว นายกฯ สั่งการโดยตรง ติดตามอายัดทรัพย์บุคคลที่ปรากฏชื่อในร่างกฎหมาย HR 5490 ว่าด้วยการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติสแกมเมอร์ ของสหรัฐฯ เช่นเบน สมิธ, ยิม เลียก, เฉิง จื้อ และสอบเส้นเงินเพื่อขยายผลถึงผู้อยู่เบื้องหลังทุกคน


รวมถึงจัดประชุม round-table แลกเปลี่ยนข้อมูลกับคณะทูตนานาชาติ โดยเฉพาะสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร สิงคโปร์และเกาหลีใต้ เพื่อวางมาตรการปราบสแกมเมอร์ร่วมกัน รวมถึงประสานกับองค์การตำรวจสากล หรือ Interpol ซึ่งมีหน่วยงานเฉพาะที่ปฏิบัติการปราบปรามสแกมเมอร์เพื่อให้ประขาชนทั่วประเทศคลายความสงสัยว่ารัฐบาลอาจกำลังปกปิดข้อเท็จจริงหรือเตะถ่วงการสอบสวนเครือข่ายสแกมเมอร์ เนื่องจากต้องการปกป้องคนในรัฐบาลหรือไม่ นายกรัฐมนตรีควรปรับเอารัฐมนตรีที่ถูกเชื่อมโยงกับเครือข่ายสแกมเมอร์ออกจากคณะรัฐมนตรีชั่วคราว หรืออย่างน้อยที่สุด ให้รัฐมนตรีเหล่านี้แถลงชี้แจงต่อสาธารณะอย่างเป็นทางการ และไปให้ข้อมูลต่อคณะกรรมาธิการฯ ของสภาผู้แทนราษฎร เพื่อประโยชน์ในการติดตามตรวจสอบอาชญากรรมฟอกเงินและสแกมเมอร์


“หากรัฐบาลคุณอนุทินยังไม่มีรูปธรรมใดๆ ในการปราบปรามสแกมเมอร์ ผมในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน และเพื่อนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคประชาชน จะใช้ทุกกลไกเท่าที่มีอยู่ในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติ เพื่อติดตามขยายผลการสอบสวนเรื่องนี้ต่อไป เพื่อให้ประเทศไทยรอดพ้นจากการถูกตราหน้าเป็นแหล่งฟอกเงิน สมรู้ร่วมคิดกับอาชญากรรมข้ามชาติระดับโลก และเพื่อพิทักษ์ผลประโยชน์ของพี่น้องคนไทยที่ตกเป็นเหยื่อสแกมเมอร์” นายณัฐพงษ์กล่าว

- Advertisement -spot_imgspot_img
RELATED ARTICLES
- Advertisment -spot_img
spot_img

Most Popular

spot_img
spot_img
- Advertisement -spot_imgspot_img
spot_img