วันศุกร์, มีนาคม 29, 2024
หน้าแรกHighlight“กกร.”วิตกตั้งรัฐบาลล่าช้าฉุดจีดีพีร่วง
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“กกร.”วิตกตั้งรัฐบาลล่าช้าฉุดจีดีพีร่วง

“กกร.” คงกรอบ “จีดีพี” ปีนี้โต 3-3.5% ส่งออก -1% ถึง 0% หลังมองเศรษฐกิจโลกครึ่งปีหลังชะลอตัว เผยจัดรัฐบาลใหม่ล่าช้าเกินส.ค. ฉุด “จีดีพี” โตเพียง 2-2.5%

นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ว่า กกร.คงกรอบกจีดีพีปีนี้โต 3% ถึง 3.5% ส่งออก -1% ถึง 0% และเงินเฟ้อ 2.7 ถึง 3.2% เนื่องจากเศรษฐกิจโลกครึ่งปีหลังยังอยู่ในภาวะชะลอตัวจนกว่าประเทศใหญ่อย่างจีนจะมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม กกร.มีความคาดหวังว่า การจัดตั้งรัฐบาลจะแล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อที่จะมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เพราะหากล่าช้า ก็จะเป็นปัจจัยลบต่อเศรษฐกิจเช่นกัน

“การท่องเที่ยวและความเชื่อมั่นต่อผู้บริโภคหนุนเศรษฐกิจไทย โดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 4 เดือนแรกเข้ามาสูงกว่า 8 ล้านคน และทั้งปีมีศักยภาพที่จะมากถึง 30 ล้านคน ซึ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนการจ้างงาน”นายผยง กล่าว

สำหรับเงินเฟ้อยังคงเป็นปัจจัยท้าทาย โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดปรับขึ้นอีก 0.25% เป็น 2% และมีแนวโน้มว่า จะยังปรับขึ้นต่อไปด้วยเหตุว่า เงินเฟ้อพื้นฐานยังอยู่ในระดับสูง จึงทำให้ กกร. มีความกังวลโดยเฉพาะในหมวดอาหารที่ปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

นอกจากนี้อาจถูกซ้ำเติมจากการเกิดปรากฏการณ์เอลนีโญ ที่จะกระทบต่อผลผลิตภาคเกษตรและราคาสินค้าในระยะข้างหน้า และยังรวมถึงแนวโน้มค่าแรงขั้นต่ำที่จะปรับขึ้นเป็น 450 บาทต่อวัน ที่อาจทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้น 0.82% ถ้าไม่มีการเพิ่มทักษะแรงงานและผลิตภาพแรงงานให้เหมาะสมไปพร้อมกับการปรับเปลี่ยน

“ภาวะที่ทั่วโลกเผชิญกับปัญหาเอลนีโญในปีนี้ ซึ่งอาจสร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจ 36,000 ล้านบาท โดย กกร. ได้มีการทำหนังสือส่งถึงนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 31 พ.ค.66 เสนอให้เร่งจัดทำมาตรการรับมือภัยแล้ง ทั้งในระยะเร่งด่วนและในระยะยาว”นายผยง กล่าว

นอกจากนี้ที่ประชุม มองว่า ปัญหาภัยแล้งและน้ำท่วม เป็นตันทุนค่าเสียโอกาสของประเทศ ภาครัฐควรบูรณาการแนวทางการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบและยั่งยืน ซึ่งเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าและเป็นประโยชน์ต่อระบบเศรษฐกิจในระยะยาว

ขณะเดียวกันยังมีปัจจัยราคาดีเซลที่การลดภาษีสรรพสามิตลิตรละ 5 บาทจะสิ้นสุดในวันที่ 20 ก.ค. นี้ซึ่งเป็นต้นทุนค่าขนส่งผู้ประกอบการ ปัจจัยเหล่านี้จะกดดันต่อต้นทุนของผู้ประกอบการและครัวเรือน นอกจากนี้อัตราดอกเบี้ยนโยบายอาจซ้ำเติมต้นทุนผู้ประกอบการขนาดกลางและย่อม ดังนั้นการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ต้องรักษาสมดุลระหว่างเศรษฐกิจไทยที่ยังไม่ฟื้นตัวไม่เต็มที่และไม่ทั่วถึง 

ด้านนายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานส.อ.ท. กล่าวว่า ต้องการเห็นการจัดตั้งรัฐบาลให้เป็นไปตามไทม์ไลน์ภายในเดือนส.ค.นี้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อการลงทุนและการบริโภคโดยหากมีความล่าช้าออกไป 2-3 เดือนและเกิดสถานการณ์รุนแรง เช่น มีการประท้วง จะกระทบต่อจีดีพีโตเพียง 2-2.5% ได้รวมถึงการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ที่ลดลง

อย่างไรก็ตาม ระหว่างนี้รัฐบาลรักษาการอยากเห็นการออกมาตรการดูที่จะลดค่าครองชีพของประชาชนและดูแลต้นทุนผู้ประกอบการเพื่อให้ประคองตัวเองได้

สำหรับตัวเลขส่งออกติดลบติดต่อกัน 7 เดือน ทำให้คำสั่งซื้อลดลงภาคอุตสาห กรรมเอง 19 อุตสาหกรรมจาก 45 กลุ่มอุตสาหกรรมที่ยังคงต้องรักษาการผลิตเพื่อประคองการจ้างงาน เช่น วัสดุก่อสร้าง เครื่องจักรกล เฟอร์นิเจอร์ เป็นต้น

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img