วันพุธ, เมษายน 24, 2024
หน้าแรกHighlightบาทแข็งโป๊ก!! ทุบสถิติใหม่ 2 สัปดาห์คลายกังวล“โอมิครอน”
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

บาทแข็งโป๊ก!! ทุบสถิติใหม่ 2 สัปดาห์คลายกังวล“โอมิครอน”

“ค่าเงินบาท” เปิดเช้านี้ที่ระดับ 33.61 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นในรอบ 2 สัปดาห์ นักลงทุนคลายความกังวล “โอมิครอน” เบนเข็มลงทุนในตลาดหุ้น กูรูมองแนวโน้มตลาดการเงินยังผันผวน จับตาประชุมเฟดสัปดาห์หน้า

เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.64 นายพูน พานิชพิบูลย์ นักวิเคราะห์ประจำห้องค้าเงิน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ที่ระดับ  33.61 บาทต่อดอลลาร์แข็งค่าขึ้นในรอบ 2 สัปดาห์นับจาก 25 พ.ย.ที่ผ่านมา  จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ  33.70 บาทต่อดอลลาร์  ทำให้ตลาดเปิดรับความเสี่ยงหันมาลงทุนในตลาดหุ้นเพิ่ม  เห็นได้จากหุ้นไทยเมื่อวานนี้นักลงทุนต่างชาติกลับเข้ามาเป็นฝั่งซื้อสุทธิสินทรัพย์ไทยมากขึ้น 

ทั้งนี้คาดว่าเงินบาทอาจจะยังไม่แข็งค่าไปมาก จนกว่าจะเห็นสัญญาณการกลับเข้ามาเก็งกำไรค่าเงินของผู้เล่นต่างชาติ ที่จะสะท้อนผ่านยอดซื้อสุทธิบอนด์ระยะสั้น (นับตั้งแต่ตลาดปรับฐานจากความกังวล Omicron นักลงทุนต่างชาติยังคงเป็นฝั่งผู้ขายสุทธิบอนด์ระยะสั้นอย่างต่อเนื่อง ) นอก จากนี้ แนวรับเงินบาทยังคงอยู่ในโซน 33.50-33.60 บาทต่อดอลลาร์ จากแรงซื้อเงินดอลลาร์ของผู้นำเข้าบางส่วน

ดังนั้นในระยะนี้ประเมินว่า ตลาดค่าเงินยังมีแนวโน้มผันผวนสูงอยู่ ผู้ประกอบการควรเพิ่มความระมัด ระวังในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนและควรใช้เครื่องมือในการป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น อาทิ Options ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนได้ดีขึ้น มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.50-33.70 บาท/ดอลลาร์

สำหรับภาพรวมผู้เล่นในตลาดการเงินเดินหน้าเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น (Risk-On) หนุนโดยมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่ต่างเชื่อว่าการระบาดของ โอไมครอน อาจจะไม่ได้มีความรุนแรงจนน่ากังวลและวัคซีนที่มีในปัจจุบันยังสามารถรับมือได้ 

นอกจากนี้ตลาดยังได้แรงหนุนจากการปรับสถานะป้องกันความเสี่ยงพอร์ต (Hedge positions) อาทิ การเข้าซื้อ Put Option หรือ การ Short หุ้นโดยเฉพาะหุ้นเทคฯ รวมถึงหุ้น Innovation ซึ่งนักลงทุนบางส่วนได้เพิ่มสถานะ hedges จำนวนมากในช่วงที่ตลาดปรับฐานหนัก ทำให้เมื่อตลาดเริ่มคลายกังวลปัญหาการระบาดและราคาสินทรัพย์เริ่มรีบาวด์ขึ้น นักลงทุนกลุ่มดังกล่าวจะต้องปรับลดสถานะ Hedge ลง และกลับมาเป็นฝั่งซื้อสินทรัพย์เสี่ยงเช่นกัน 

การเปิดรับความเสี่ยงของผู้เล่นในตลาดได้ส่งผลให้ ในฝั่งสหรัฐฯ ดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq พุ่งขึ้นกว่า +3.03% ตามด้วยดัชนี S&P500 ปิดตลาด +2.07% โดยมีแรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นเทคฯ เป็นสำคัญที่ช่วยหนุนให้ดัชนีทั้งสองปรับตัวขึ้น 

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img