“รฟท.” เคลียร์ปัญหาไฮสปีดเทรน ชงบอร์ด 31 มี.ค. เล็งแก้สัญญา “ซีพี.”ตอบรับ 2 ประเด็นคือ ชำระค่าสิทธิร่วมลงทุนแอร์พอร์ตเรลลิงก์ 7 งวด-ตอกเสาเข็มทับซ้อนรถไฟไทย-จีน คาดส่งมอบพื้นที่ได้ในเดือนพ.ค.นี้
แหล่งข่าวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) แจ้งว่า หลังจากที่คณะกรรมการ 3 ฝ่าย ได้แก่ รฟท. คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) และบริษัท เอเชีย เอรา วัน จำกัด ในฐานะคู่สัญญาผู้รับสัมปทานโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) ได้มีการเจรจาร่วมกันเพื่อแก้ปัญหาผลกระทบจากโควิด-19 ที่ทำให้จำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ ต่ำกว่าคาดหมาย และการก่อสร้างช่วงทับซ้อนกับโครง การรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน สัญญา 4-1 ช่วงบางซื่อ-ดอนเมืองนั้น ได้ข้อสรุปหลักการร่วมกัน เพื่อนำไปสู่การแก้ไขสัญญาร่วมลงทุน ซึ่ง รฟท.ได้ทำหนังสือถึงบริษัท เอเชียเอราวัณฯ เพื่อให้ยืนยันข้อสรุปเป็นทางการ โดยเอกชนได้มีหนังสือตอบกลับมาถึงรฟท. แล้วเมื่อวันที่ 21 มี.ค.ที่ผ่านมา
ซึ่งมี 4 ประเด็น โดยเอกชนตอบยอมรับ 2 ประเด็นคือ 1.กรณีการยืดชำระค่าให้สิทธิร่วมลงทุนรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรลลิงก์ จำนวน 10,671 ล้านบาท เป็น 7 งวดรวม 7 ปี จากเดิม 2 ปี โดยงวดที่ 1-6 ชำระงวดละ 10% งวดที่ 7 จะชำระส่วนที่เหลือพร้อมดอกเบี้ย โดยหากโควิด-19 ยุติก่อนระยะเวลา 7 ปี จะยึดการประกาศจากรัฐบาล พร้อมประเมินผู้โดยสารในช่วง 1 ปีหลังจากนั้นแล้วพิจารณาการชำระเงินที่เหลือทันที
2.เอกชนยอมรับในการก่อสร้างโครงสร้างร่วมฯ ช่วงเส้นทางทับซ้อนระหว่างโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินและรถไฟไทย-จีน โดยเอกชนรับผิดชอบค่าก่อสร้างเพิ่มจำนวน 9,207 ล้านบาท ซึ่งรฟท.ปรับเงื่อนไขการชำระคืนค่าก่อสร้างเร็วขึ้น เป็นเดือนที่ 21
สำหรับประเด็นที่เอกชนยังไม่ยอมรับคือ การส่งมอบพื้นที่ โดยรฟท.กำหนดไทม์ไลน์ ที่ออกหนังสือให้เริ่มงานก่อสร้าง (NTP : Notice to Proceed) ภายในเดือนพ.ค. ซึ่งเอกชนยืนยันว่า การส่งมอบพื้นที่ จะต้องทำตามเงื่อนไขสัญญาที่ระบุว่า รฟท.จะต้องถือกรรมสิทธิ์ที่ดินทุกแปลง 100% ก่อนที่จะส่งมอบพื้นที่ให้บริษัทฯ โดยไม่มีอุปสรรคใดๆ เพื่อให้สามารถเริ่มก่อสร้างงานโยธา รวมถึงพื้นที่ที่จะนำมาพัฒนาเชิงพาณิชย์ เช่น มักกะสัน แต่ขณะนี้บริษัทฯเห็นว่าพื้นที่บางส่วนยังมีปัญหาอยู่
ขณะที่ รฟท.ประเมินว่า จะเคลียร์พื้นที่ต่างๆ ได้เรียบร้อยเดือนเม.ย.นี้ พร้อมส่งมอบได้ในเดือนพ.ค. จึงวางแผนที่จะออกหนังสือให้เริ่มก่อสร้างต้นเดือนพ.ค. ซึ่งรฟท.จะเจรจากับเอกชนเพื่อทำความเข้าใจ เนื่องจากการเวนคืนหรือกรรมสิทธิ์ในที่ดินส่วนที่เหลือนั้น อยู่ในขั้นตอนดำเนินการ ซึ่งได้ออกพ.ร.บ.เวนคืน มีกระบวนการเพื่อครอบครองที่ดิน ถือว่าชัดเจนแล้วสามารถส่งมอบพื้นที่กับบริษัทได้ตามกำหนดแน่นอน
นอกจากนี้ ต้องการได้รับการเยียวยากรณีที่มีผลกระทบในอนาคต เช่น กรณีสนามบินอู่ตะเภาไม่เกิดขึ้นตามแผน ซึ่งถือเป็นผลกระทบที่บริษัทฯจะได้รับโดยตรงจากการดำเนินโครงการรถไฟความเร็งสูงเชื่อม 3 สนามบิน โดยขอให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมเงื่อนไข เหตุสุดวิสัยที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งรฟท.ยืนยันว่า ไม่สามารถรับเจรจาในเรื่องนี้ได้ เพราะถือเป็นคนละประเด็น โดยเจรจาเรื่องที่เป็นปัญหาที่จำเป็นและมีเหตุผลอันควรเท่านั้น
ทั้งนี้จะรายงานผลการเจรจาต่อคณะกรรมการ รฟท.รับทราบในการประชุมวันที่ 31 มี.ค.นี้ หลังจากนั้นจะเสนอไปที่คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) เพื่อพิจารณา ซึ่งขึ้นกับ กพอ. ว่าจะเห็นชอบตามผลของคณะกรรมการ 3 ฝ่าย หรือจะมีความเห็นเพิ่มเติม รฟท.จะปฎิบัติตาม จากนั้นจะเสนอ ครม. อนุมัติการแก้ไขสัญญาสัมปทานต่อไป
รายงานงานแจ้งว่า โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง สุวรรณภูมิ อู่ตะเภา) หรือ “ไฮสปีดเทรน” เป็นโปรเจคสำคัญที่ “เจ้าสัวธนินท์ เจียรวนนท์” หมายมั่นปั้นมือเป็นโครงการสำคัญในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC กลุ่มซีพี ดำเนินโครงการผ่านบริษัทเอเชีย เอรา วัน จำกัด ได้สิทธิลงทุนและบริหาร 50 ปี หลังที่กิจการร่วมค้าบริษัทเจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง จำกัด และพันธมิตร ชนะการประมูลและลงนามสัญญาร่วมลงทุนกับการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เมื่อวันที่ 24 ต.ค.62
ขณะที่การรับมอบสิทธิบริหารโครงการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ ที่เป็นส่วนหนึ่งของรถไฟความเร็วสูงได้กำหนดให้กลุ่มซีพีต้องชำระสิทธิบริหาร 10,671 ล้านบาท ภายใน 2 ปี ซึ่งครบกำหนดในวันที่ 24 ต.ค. 64 แต่กลุ่มซีพีได้ยื่นขอ เยียวยาผลกระทบจากโควิด-19 ที่ส่งต่อจำนวนผู้โดยสาร และคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 19 ต.ค. 65 เห็นชอบให้แก้ไขสัญญาร่วมลงทุนเพื่อปรับรูปแบบการชำระค่าสิทธิบริหารจากงวดเดียวเป็นการผ่อนจ่าย
