วันพฤหัสบดี, เมษายน 25, 2024
หน้าแรกNEWS“กมธ.งบฯ”ถาม“คลัง”ภาวะเศรษฐกิจภาพรวม “ธปท.”คาดปีหน้าฟื้นตัว-เงินเฟ้อลด
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“กมธ.งบฯ”ถาม“คลัง”ภาวะเศรษฐกิจภาพรวม “ธปท.”คาดปีหน้าฟื้นตัว-เงินเฟ้อลด

กมธ.งบฯ เดินหน้าถกงบก.คลัง หลังเข้าชี้แจงหน่วยงานแรก ถามภาวะเศรษฐกิจภาพรวมประเทศ ขณะที่ ธปท. คาดปีหน้าฟื้นตัว-เงินเฟ้อลดลง

วันที่ 8 มิ.ย. 65 ที่รัฐสภา นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายงบประมาณประจำปี พ.ศ.2566 แถลงผลการประชุมกมธ.งบประมาณฯ ว่า ในการพิจารณาเมื่อวานนี้ (7 มิ.ย.) เป็นการพิจารณาข้อมูลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจของประเทศ งบประมาณรายจ่าย และการตรวจสอบงบการเงินของหน่วยรับงบประมาณ 5 หน่วยงาน ประกอบด้วย กระทรวงการคลัง, สำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ, ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) , สำนักงบประมาณ, สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน โดยธนาคารแห่งประเทศไทยได้ชี้แจงภาวะเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวมว่า กำลังฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องในปี 2565 และปี 2566 โดยปัจจัยเกิดจากอุปสงค์ในประเทศและภาคการท่องเที่ยวในประเทศ ส่วนสถานการณ์สู้รบระหว่างรัสเซีย-ยูเครนไม่ได้กระทบกับแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยรวม แต่มีผลกระทบทางอ้อมเกี่ยวกับการเกิดเงินเฟ้อ ส่วนสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เห็นว่าการแพร่ระบาดของสายพันธุ์โอไมครอนส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจน้อยกว่าการระบาดช่วงสายพันธุ์เดลต้า

นายเผ่าภูมิ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ธปท.คาดว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจหรือผลผลิตมวลรวมของประเทศ (จีดีพี) จะกลับมาฟื้นตัวอยู่ในระดับก่อนการระบาดโควิด-19 ช่วงไตรมาสที่ 1 ของปี 2566 ส่วนเรื่องการลงทุน การส่งออก หรือการบริโภคภาพรวมยังดีอยู่ ส่วนจำนวนผู้ว่างงานจะลดลงต่อเนื่อง ขณะที่เรื่องการท่องเที่ยวตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวเข้ามาในไทยแล้วเกินกว่า 1 ล้านคน และคาดว่าจำนวนทั้งปีจะอยู่ที่ 5.6 ล้านคน ส่วนปีหน้าคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาประมาณ 19 ล้านคน ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะพัฒนาเศรษฐกิจประเทศไทยให้ดีขึ้น แต่ประเทศไทยยังมีปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อเศรษฐกิจ 2 เรื่อง คือ 1.ต้นทุนการผลิตและค่าครองชีพในประเทศสูงขึ้น และ 2.ปัญหาขาดแคลนอาหาร วัตถุดิบ และพลังงานในการผลิต โดยภาวะเงินเฟ้อนั้นอาจจะสูงขึ้นอีกและทรงตัวอยู่ในระดับสูงได้ และคาดว่าจะลดลงในปีหน้า

นายเผ่าภูมิ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้มีกมธ.หลายคนได้สอบถามถึงนโยบายการเงินการคลังในหลายประเด็น ที่ทำให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนในทุกสาขาอาชีพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องค่าครองชีพของประชาชน รวมทั้งปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ของประเทศจากปัญหาที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ยังหารือเกี่ยวกับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 ที่ตอบโจทย์ของประเทศและประชาชนภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งยังหารือเรื่องความเป็นเธรรมเรื่องการจัดสรรงบประมาณและมาตรการต่างๆ เช่น มาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อย ที่ประสบปัญหาจนต้องยุติกิจการจำนวนมาก

ด้านน.ส.ปิยะรัฐชย์ ติยะไพรัช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อชาติ กล่าวว่า สำหรับการประชุมในวันนี้จะเป็นการประชุมครั้งที่ 3 เพื่อพิจารณ่างบประมาณในภาพรวมของกระทรวงการคลัง งบประมาณทั้งสิ้น 28,500 ล้านบาท และจะพิจารณางบประมาณของหน่วยในสังกัดกระทรวงการคลัง ดังนี้ 1.สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง 2.สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง สำหรับกองทุนประชารัฐ สวัสดิการ เพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม 3.กรมธนารักษ์ 4.กรมบัญชีกลาง 5.กรมศุลกากร 6.กรมสรรพสามิต และ 7.กรมสรรพากร

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img