วันศุกร์, มีนาคม 29, 2024
หน้าแรกHighlightPTTGC ต่อยอดธุรกิจปิโตรเคมีมูลค่าสูง ยกระดับผลิตภัณฑ์สีเขียว
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

PTTGC ต่อยอดธุรกิจปิโตรเคมีมูลค่าสูง ยกระดับผลิตภัณฑ์สีเขียว

การเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีหน่วยงานภาครัฐ และเอกชนต่างเริ่มปรับตัวพร้อมวางแผน เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต

บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC เป็นอีกบริษัทหนึ่งที่อยู่ในกลุ่มปตท. ที่ได้มีแผนขยายการลงทุนในธุรกิจขั้นปลายน้ำหรือผลิตภัณฑ์ให้มีมูลค่าสูง (High Value Products: HVP) มากขึ้น และลงทุนในธุรกิจใหม่ใน กลุ่ม High Value Business (HVB)ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีการเติบโต และสามารถทำกำไรในระดับสูง

ทั้งนี้นายคงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC กล่าวว่า แผนการขยายการลงทุน 5 ปี (2564-2568) บริษัทฯ ตั้งเป้ามีสัดส่วน กำไรก่อนหักค่าใช้จ่าย ดอกเบี้ย, ภาษี, ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ของผลิตภัณฑ์ High Performance Product  และผลิตภัณฑ์เคมีเพื่อสิ่งแวดล้อม 25% ธุรกิจปิโตรเคมีขั้นกลางและขั้นปลาย เช่น ผลิตภัณฑ์ PE  PS และPP จะอยู่ที่ 50% ส่วนธุรกิจโรงกลั่นสาธารณูปการจะลดเหลือ 25% จากปัจจุบันอยู่ที่ 50%

โดยการขยายการลงทุนเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายนั้น PTTGC ได้มองหาโอกาสลงทุนซื้อกิจการ (M&A) ซึ่งในช่วงที่เหลือของปีนี้ก็มีแผนที่จะซื้อกิจการเพิ่มเติม โดยมุ่งเป้าหมายไปยัง 2 กลุ่มผลิตภัณฑ์ เช่น กลุ่มบริษัทที่ดำเนินธุรกิจโรงงานเม็ดพลาสติก High Performance Product เพื่อให้สามารถขยายตลาดเข้าสู่อุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมก่อสร้าง และกลุ่มบริษัทที่ดำเนินธุรกิจผลิตภัณฑ์ Coating and adhesive วัสดุเคลือบผิวและวัสดุกาวและสารสำหรับการยึดติด โดยเป้าหมายการซื้อกิจกาทั้ง 2 กลุ่มนี้จะเป็นบริษัทต่างประเทศ

ขณะเดียวกันยังได้ลงทุนใน Corporate Venture Capital (CVC) เพื่อขยายไปสู่ธุรกิจที่มีความโดดเด่นด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม เน้นการลงทุนในสตาร์ทอัพ 4 ด้านประกอบด้วย 1.Advance Materials 2.Clean Technology 3.Digital และ 4.Health Care เพื่อต่อยอดกับธุรกิจของบริษัทฯ โดยปัจจุบันใช้เงินลงทุนไปแล้วราว 20-30 ล้านเหรียญสหรัฐ จากที่ตั้งงบลงทุนไปแล้วราว 70 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งการลงทุนใน CVC ก็เป็นกลยุทธ์หนึ่งของการเติบโตได้อย่างยั่งยืน

ส่วนการการลงทุนซื้อหุ้นบริษัท วีนิไทย จำกัด (มหาชน) หรือ VNT โดยการ Delisting Tender Offer (DTO) จากผู้ถือหุ้นทุกรายในราคาเสนอซื้อต่อหุ้นไม่เกิน 39 บาทนั้นคาดว่าจะดำเนินการซื้อแล้วเสร็จในช่วงไตรมาส 3/2564 คาดว่าจะใช้เงินราว 7,000-8,000 ล้านบาท และจะเริ่มรับรู้เป็นรายได้ต้นปี 2565 ซึ่งการลงทุนในครั้งนี้ จะส่งผลดีต่อการเติบโต พร้อมขยายฐาน สร้างความแข็งแกร่งของธุรกิจปลายน้ำ ของ PTTGC และพร้อมต่อยอดไปสู่ธุรกิจในส่วนของผลิตภัณฑ์ปลายน้ำ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ผลิตภัณฑ์คลอร์-อัลคาไล หรือโซดาไฟ (Chlor-Alkali)  และธุรกิจ PVC

ซึ่งมีอัตราการเติบโตในระดับที่สูง อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มมูลค่าในธุรกิจสายโอเลฟินส์ให้กับ PTTGC ขณะเดียวกัน VNT ก็มีแผนขยายผลิต PVC เพิ่มขึ้น จากกำลังการผลิต 1.9 แสนตันต่อปีเป็น 3.8 แสนตันต่อปี ซึ่งการลงทุนใน VNT ยังเป็นโอกาสในการขยายตลาดไปยัง CLMV ซึ่งได้แก่ ประเทศกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม อีกด้วย

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img