วันศุกร์, เมษายน 19, 2024
หน้าแรกHighlightสธ.เล็งออกประกาศมาตรการใช้ชีวิต“วิถีใหม่” หลัง 1 ต.ค. ไม่บังคับสวมหน้ากาก
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

สธ.เล็งออกประกาศมาตรการใช้ชีวิต“วิถีใหม่” หลัง 1 ต.ค. ไม่บังคับสวมหน้ากาก

สธ.จ่อออกประกาศมาตรการใช้ชีวิตนิวนอมอล หลัง 1 ต.ค. ส่วนกรมอนามัยออกคำแนะนำประกบ แนวปฏิบัติ – แยกกิจการเสี่ยง ขออย่ามองไทย Move on ไม่จริง ยืนยันไม่บังคับสวมหน้ากาก เผยผลสำรวจกว่า 80 %

เมื่อวันที่ 29 ก.ย.65 ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.เอกชัย เพียรศรีวัชรา รองอธิบดีกรมอนามัย แถลงมาตรฐานด้านสุขอนามัย สุขาภิบาลและอนามัยสิ่งแวดล้อม สำหรับสถานประกอบกิจการ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2565 เป็นต้นไป หลังโควิดเป็นโรคที่ต้องเฝ้าระวัง ว่า แม้ไม่มีพ.ร.ก.ฉุกเฉิน แล้ว แต่ดูแลภายใต้ พ.ร.บ.โรคติดต่อ และพ.ร.บ.การสาธารณสุข โดยสถานประกอบกิจการ 142 ประเภท โดยเฉพาะหมวด 7 หมวดที่ 8 และหมวด 9 ซึ่งสิ่งสำคัญคือคือการปฏิบัติตามมาตรการ 3 ข้อ คือ 1. การทำความสะอาดจุดสัมผัสร่วม 2.จัดสถานที่ให้มีอากาศถ่ายเทสะดวก สถานที่ปิดที่มีการเปิดแอร์ควรเปิดประตู หน้าต่างเพื่อระบายอากาศเป็นระยะ และ 3. จัดให้มีจุดสำหรับล้างมือ หรือมีเจลแอลกอฮอล์ไว้บริการ สำหรับพนักงานขอให้มีการประเมินตนเอง ไม่ได้บังคับว่าต้องตรวจ ATK แต่หากมีความเสี่ยงก็ให้ตรวจ และหากป่วยก็ขอให้หยุดงาน สำหรับข้อที่ถามว่าผู้สัมผัสอาหารยังจำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือไม่ นั้น ยังแนะนำให้ใส่เพื่อป้องกันสารคัดหลั่ง หล่นลงไปในอาหาร

นพ.เอกชัย กล่าวต่อว่า สำหรับประชาชนทั่วไป หากพบว่ามีอาการเจ็บป่วย โดยเฉพาะระบบทางเดินหายใจ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก ควรรักษาตัวในที่พัก แต่หากจำเป็นต้องออกมาขอย้ำมาตรการสูงสุด คือ สวมหน้ากากอนามัย อย่าไปอยู่ในสถานที่แออัด ขณะที่ประชาชนทั่วไปหากต้องเข้าไปในสถานที่ผู้คนแออัด หรือพื้นที่ปิด อากาศไม่ถ่ายเท ก็ควรสวมหน้ากากอนามัยโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง 608 ย้ำว่ากรณีอยู่ในรถสาธารณะ รถไฟใต้ดิน รถไฟฟ้า เรือ เครื่องบิน ขอให้สวมหน้ากากอนามัย เพราะเว้นระยะห่างได้ยาก

“สำหรับคำถามว่า หลังวันที่ 1 ต.ค.2565 จะใช้ชีวิตปกติเหมือนเดิมได้หรือไม่ ต้องบอกว่า ขณะนี้สถานการณ์จากวันนั้นถึงวันนี้เกิดยุคที่เรียกว่านิวนอร์มอล (New Normal) การสวมหน้ากากอนามัย ถือเป็นสุขอนามัยที่ดี เพราะนอกจากป้องกันโรคทางเดินหายใจแล้ว ยังป้องกันมลพิษ ฝุ่นละออง หลายคนอาการโรคภูมิแพ้จากฝุ่นละอองก็ดีขึ้น ดังนั้น จะเหมือนเดิมหรือไม่ก็อาจไม่ เพราะการเฝ้าระวังสุขภาพของประชาชนดีขึ้น” รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าว

เมื่อถามว่าสถานประกอบกิจการต่างๆ ยังต้องประเมินตัวเองผ่าน Thai stop Covid หรือไม่ นพ.เอกชัย กล่าว่าวว่า หากเป็นประเภทกิจการเสี่ยงก็ประเมินประมาณ 1-2 เดือน กิจการที่ไม่เสี่ยงอาจจะประเมิน 3-4 เดือนครั้งก็ได้ จากนี้กรมอนามัยจะมีการออกประกาศประเภทของกิจการเสี่ยงมีอะไรบ้างและรายละเอียด Thai stop Covid ต่อไป สำหรับโรงเรียน จะมีการคุยกับกระทรวงศึกษาธิการ เนื่องจากเห็นว่ายังเป็นพื้นที่ที่มีความเสี่ยง หากเด็กติดเชื้อก็จะแพร่ระบาดเร็ว ดังนั้นอาจจะต้องคงมาตรการบางอย่างไว้

“ยังต้องดูกันต่อไป แต่บอกเลยว่าถ้าให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม 100% คงไม่ใช่” รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าว

เมื่อถามว่าหากพนักงานเสิร์ฟ ไม่ใส่หน้ากาก โดยระบุว่าไม่มีการบังคับแล้ว นพ.เอกชัย กล่าววว่า อาจจะอ้างได้ แต่หามีการร้องเรียนเข้ามา หรือเกิดการระบาดขึ้นจะถือว่ามีความผิด ดังนั้นผู้ประกอบการอาจจะต้องมีการกำกับตรงนี้ คงพิจารณาตามความเหมาะสมว่าหากเป็นร้านเปิดโล่ง อาจจะไม่ใส่ หากเป็นห้องแอร์ไม่ใส่อาจจะอันตราย

เมื่อถามย้ำว่าต้องมีการออกประกาศหรือไม่ว่าผู้ให้บริการต้องสวมหน้ากากอนามัย เพื่อรองรับการใช้ชีวิตวิถีใหม่ นพ.เอกชัย ขณะนี้กำลังคุยกัน แล้วกระทรวงสาธารณสุขจะมีประกาศข้อกำหนดให้สถานประกอบการปฏิบัติตาม และกรมอนามัยก็จะออกคำแนะนำประกอบประกาศสธ. เพิ่มเติม คงไม่เหมือนเดิมที่จะให้ทำอิสระเสรี ส่วนกลไกกำกับติดตามก็ยังมีทีมเจ้าหน้าที่สธ. และท้องถิ่นรวมมือกัน ทั้งนี้ประกาศพยายามทำให้ทันภายใน 1 ต.ค.นี้ หรืออย่างช้าคือสัปดาห์แรกของเดือนต.ค.

เมื่อถามต่อว่าขณะนี้มีการมองว่าประเทศไทย MOVE ON ไม่จริง เนื่องจากหลายประเทศ มีการเลิกสวมหน้ากากกันในกิจกรรมกิจการต่างๆ แต่ประเทศไทยบอกว่าไม่มีการกลับไปแบบเดิม 100 % นพ.เอกชัย กล่าวว่า เพราะเรายังมองว่าโควิด – 19 ยังมีโอกาสพบการระบาดเป็นกลุ่มก้อนเล็กๆ คล้ายไข้หวัดใหญ่ ระบาดเป็นระลอกๆ การสวมหน้ากากก็จะช่วยลดตรงนี้ได้ เข้าใจว่ามีการเปรียบเทียบกับประเทศที่เลิกสวมหน้ากากแล้วหลายๆ ประเทศ แต่ก็อยากให้เปรียบเทียบกับประเทศอื่นที่ยังสวมหน้ากากด้วย เช่น ประเทศญี่ปุ่น ที่มีการสวมหน้ากากมานานก่อนโควิด พอถึงฤดูไข้จากละอองเกสร เขาก็สอนกันมาว่าคนมี ความเสี่ยงควรสวมหน้ากาก ส่วนตนตามที่แถลงก็ไม่ได้บอกว่า ทุกคนที่ปกติต้องใส่หน้ากากกันหมด หากเป็นคนปกติ สุขภาพดีเมื่อออกมาอยู่ในพื้นที่อากาศปลอดโปร่งก็ไม่จำเป็นต้องใส่ แต่หากเป็นกลุ่ม 608 สุขภาพไม่ดี มีความเสี่ยงยังแนะนำว่าหากไปอยู่ที่แออัดต้องใส่เลย วันนี้ประเทศไทยไม่ได้บังคับแล้ว แต่ล่าสุดจากการสำรวจอนามัยโพลครั้งล่าสุด ก็ยังต้องการใส่หน้ากากกว่า 80 % เทียบกับเดือน ก.ย.-ส.ค. ลดลงเพียง 1 %.

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img