“จิรายุ” แฉ “ศักดิ์สยาม” ตั้ง 8 อรหันต์เปลี่ยนเงื่อนไขประกวดราคา ล้มประมูลสายสีส้ม ก่อนได้ดีเป็นใหญ่ใน ทอท. ขู่ร้อง ป.ป.ช.ฟันซ้ำ ด้าน “ศักดิ์สยาม” แจงรถไฟสายสีส้มทำตามมติ ครม.- กม.-ตามหลักธรรมาภิบาล ย้อนถาม เอื้อประโยชน์ใคร และใครได้ประโยชน์
เมื่อวันที่ 18 ก.พ.ที่รัฐสภา นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย ได้อภิปรายไม่ไว้วางใจเกี่ยวกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว และสายสีส้มมีพิรุธ ว่า มีไอ้โม่ง และมีผู้ที่ได้รับประโยชน์มากมาย มีตัวละครหลักหลากหลาย เสียดายที่นักกฎหมายอย่างนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯและทีมเศรษฐกิจอยู่ด้วย คิดว่าจะรู้จริงแต่รู้ไม่ทันพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ที่บริหารราชการแผ่นดินโดยเห็นแก่ผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง โดยไม่คำนึงถึงผลเสียหายที่เกิดกับประเทศชาติและประชาชน เอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนผูกขาด เพื่อให้มีสิทธิดำเนินงานในกิจการของรัฐ โดยไม่รักษาผลประโยชน์ของรัฐ ทุจริตต่อหน้าที่และปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตในหน่วยงานที่กำกับดูแล สมคบกันเพื่อปิดบังการทุจริต เรื่องนี้ต้องถึงป.ป.ช. และหน่วยงานอื่นต่อไป เพื่อเป็นบรรทัดฐานให้ครม. ไม่ว่าจะมายุคไหน มาจากคสช.หรือมาจากการเลือกตั้ง เพื่อให้เป็นบรรทัดฐานต่อไป
อย่าหาทำแบบนี้เด็ดขาดโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม มูลค่า1.2 แสนล้านบาท ว่า การประมูลโครงการดังกล่าวมีการดำเนินการตามพรบ.ร่วมทุนฯ โดยมีการตั่งคณะกรรมการ 8 อรหันต์ ตามมาตรา36 ส่วนใหญ่เป็นคนในกระทรวงคมนาคม และมีอำนาจสามารถแก้ไข้เปลี่ยนแปลงการประกวดราคาได้ โดยมีการจัด “ตามปฏิบัติการ16 วันทันใจนาย” เดิมพันที่เป็นผลประโยชน์ พร้อมใช้ทฤษฎีสมคบคิด แบ่งงานกันทำมีเจตนาพิเศษ โดย 7ส.ค. บริษัท อิตาเลียนไทย ยื่นเรื่องขอเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการเปิดประมูลว่าทำไม่ได้ ต่อมาวันดีเดย์ในวันที่ 21 ส.ค.63 จึงมีการแก้ไขเงื่อนไขการเปิดประมูล และ ได้มีการเชิญนายภคพงษ์ ศิริกันธรมาศ ผู้ว่าฯรฟม.มาร่วมประชุมด้วย ซึ่งไม่ใช่คณะกรรมการตามมาตรา36 และจากนั้นจึงมีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการประกวดราคาสายสีส้มในเวลาต่อมา
นายจิรายุ กล่าวว่า จากบันทึกการประชุมในวันที่ 21 ส.ค. 63 โดยมีเนื้อหาว่า คณะกรรมการบางคน มีการทักว่าทำได้หรือไม่ และจะเอื้อประโยชน์ให้ใครหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีใครทำ และมีคณะกรรมการบางคนท้วงติงว่า เมื่อแก้ไขการประกวดราคา และเปิดประมูลไปแล้วจะขัดกฎหมายหรือไม่ แต่ผู้ว่าฯรฟม. บอกว่าเราสงวนสิทธิ์ไปแล้วว่าเปลี่ยนแปลงได้ และการแก้ไขแล้วจะเป็นประโยชน์กับภาครัฐและเอกชน แต่ไฮไลต์สำคัญคือตัวแทนจากบริษัทที่ปรึกษา เป็นตัวแปรสำคัญของเรื่องนี้ ตอบว่าเปลี่ยนเงื่อนไขการประกวดราคาได้ กระทั่งที่ประชุมมีมติแก้ไขเงื่อนไขการประมูล เว้นแต่ผู้แทนจากสำนักงบประมาณเท่านั้นที่ไม่เห็นด้วย ซึ่งตนอยากถามว่าทำไมผู้ว่าฯรฟม. ทำไมพึ่งมาคิดเปลี่ยนแปลง มีอะไรไม่ชอบมาพากลหรือไม่
ต่อมามี บีทีเอส เอกชนที่ซื้อซองประมูลไปแล้ว ได้ฟ้องศาลปกครอง ต่อมาคณะกรรมการทั้ง8 คน ก็ล้มประมูล โดยไม่รอการตัดสินของศาล ตนขอบอกว่า คณะกรรมการฯได้ใช้เทคนิคทางการกฎหมายขอสงวนสิทธิ์ในการยกเลิก ซึ่งไม่มีใครเขาทำกัน และ ตนจะบอกว่าตัวแทนจากบริษัทที่ปรึกษา ที่เห็นด้วยกับการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการประกวดราคา ได้ลาออกจากบริษัทที่ปรึกษาในโครงการสีส้ม กระทั่ง ต่อมาในวันที่ 1 ตุลาคม ได้เป็นรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ทอท. คุมสายงานวิศกรรมการก่อสร้าง และ โดยบอร์ดทอท.ตั้งเป็นวาระลับ ถือเป็นเรื่องที่น่าสงสัยเพราะโครงการสีส้มเป็นโครงการใหญ่แล้วทำกันอย่างนี้หรือ นักลงทุนที่ไหนจะกล้ามาลงทุน เพราะเปิดประมูลไม่ตรงไปตรงมา แบ่งงานกันทำ และเอื้อประโยชน์ให้พวกพ้อง โดยไม่เห็นประโยชน์ของประเทศชาติและพี่น้องประชาชนใช่หรือไม่ และ อยากเตือนเอาไว้ว่าก่อนหน้านี้ศาลก็ได้ตัดสินจำคุก 6 ปี อดีตผู้ว่าฯรฟท.คดีแอร์พอร์ตลิงค์เอาไว้เป็นอุทาหรณ์ จึงเป็นเหตุให้ตนไม่ไว้วางใจนายกฯ และรมว.คมนาคม
ด้าน นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ได้ชี้แจงกรณีนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ระยะทาง 35.9 กิโลเมตร (กม.) วงเงิน 1.28 แสนล้านว่า หลังจากมีการปรับเกณฑ์พิจารณาข้อเสนอด้านเทคนิคควบคู่กับด้านราคา (เกณฑ์การประเมินใหม่) และยกเลิกการประมูลเมื่อวันที่ 3 ก.พ. 2564 ที่ผ่านมาว่า โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม แบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ 1.ส่วนตะวันออก (ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย-มีนบุรี) ระยะทาง 22.5 กม. จำนวน 17 สถานี (สถานีใต้ดิน 10 สถานี และ สถานียกระดับ 7 สถานี) โดยในขณะนี้ มีความก้าวหน้า 76% คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2567 เปิดให้บริการช่วง ต.ค. 2567
2.ส่วนตะวันตก (ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมฯ) ระยะทาง 13.4 กม. จำนวน 11 สถานี (สถานีใต้ดินตลอดสาย) ในขณะนี้อยู่ระหว่างการคัดเลือกเอกชน ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 และให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อปี 2563 ที่ให้ดำเนินการโครงการรูปแบบ PPP Net Cost รอหาเอกชนมาร่วมลงทุน โดยคาดว่า จะเปิดให้บริการ เม.ย. 2570 อย่างไรก็ตาม ในส่วนตะวันออก จะเป็นสัญญาก่อสร้างงานโยธาเป็นหลัก แต่ขณะที่ส่วนตะวันตก จะรวมการเดินรถเข้าไปด้วย ทั้งนี้ หากส่วนตะวันตกไม่สามารถดำเนินการได้ จะส่งผลให้ส่วนตะวันออกจะยังไม่เปิดให้บริการ
นายศักดิ์สยาม ยังกล่าวถึงประเด็นการคัดเลือกเอกชนว่า ได้ดำเนินการตาม พ.ร.บ.ร่วมลงทุนฯ พ.ศ.2562 โดยเมื่อวันที่ 14 ก.พ. 2563 ที่ผ่านมา การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) มีคำสั่งที่ 67/2563 แต่งตั้งคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 ขณะเดียวกัน เพื่อให้เกิดความชัดเจนตามมติ ครม.ที่อนุมัติโครงการฯ เมื่อวันที่ 28 ม.ค. 2563 ที่ผ่านมา กระทรวงคมนาคมจึงได้ทำหนังหารือไปยังสำนักเลขาธิการ ครม. โดยเป็นการอนุมัติหลักการโครงการเท่านั้น ทั้งนี้ ตนได้กำชับให้ รฟม. ดำเนินการตามระเบียบ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด และตามหลักธรรมภิบาล
“ผมยืนยันว่าการดำเนินการโดยใช้ราคาและคุณภาพนั้น เพราะเป็นเรื่องการขุดอุโมงค์ และที่ผ่านมาการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ก็มีปัญหา เรื่องสิ่งปลูกสร้างแตกร้าว เช่น มีน้ำรั่วไหลเข้าไปในสถานีสามยอด ทำให้เทคนิคการก่อสร้างมีความสำคัญ เพราะโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก ต้องผ่านชุมชนหนาแน่น ซึ่งเป็นย่านเศรษฐกิจ การค้า รวมถึงพื้นที่สำคัญอื่นๆ ส่วนการยกเลิกเมื่อวันที่ 3 ก.พ. 2564 ที่ผ่านมานั้น ก็เป็นการดำเนินการตามกฎหมายที่มีการสงวนให้มีการยกเลิกได้ โดยผู้ยื่นข้อเสนอไม่สามารถเรียกร้องค่าเสียได้ และได้มีการหารือสำนักนายกฯ แล้ว พร้อมทั้งสั่งการให้ รฟม.ดำเนินการตามระเบียบ” นายศักดิ์สยาม กล่าว
รมว.คมนาคม กล่าวว่า สำหรับการดำเนินการคัดเลือกเอกชนครั้งใหม่ ภายหลังการยกเลิกประกาศเชิญชวนฯ และการคัดเลือกเอกชน เมื่อวันที่ 3 ก.พ. 2564 ที่ผ่านมา โดยภายในเดิอน ก.พ.นี้ รฟม.จะจัดรับฟังความเห็นความสนใจการลงทุนของภาคเอกชน (Market Sounding) และสาระสำคัญของเอกสารการคัดเลือกเอกชน (RFP) จากนั้นคณะกรรมคัดเลือกจะเห็นชอบประกาศเชิญชวน, RFP และร่างสัญญาฯ
ขณะเดียวกัน รฟม. จะออกประกาศเชิญชวน และขายเอกสาร RFP ภายใน มี.ค. 2564 ก่อนที่จะเปิดให้เอกชนยื่นข้อเสนอในช่วง มี.ค.-พ.ค. 2564 หลังจากนั้น คณะกรรมการคัดเลือกฯ ประเมินข้อเสนอ-เจรจาต่อรอง ช่วง พ.ค.-ก.ค. 2564 ก่อนส่งต่อให้อัยการสูงสุดตรวจร่างสัญญาฯ และคาดว่าจะเสนอให้ ครม. พิจารณาเห็นชอบผลการคัดเลือกฯ และลงนามสัญญาภายใน ก.ค. 2564 อย่างไรก็ตาม เมื่อยกเลิกการประมูลแล้วคัดเลือกใหม่นั้น จะใช้เวลา 6 เดือน ช่วลลดระยะเวลาได้ 1 ปี หรือหากรอให้ข้อพิพาทถึงที่สุดจะใช้ระยะเวลา 18 เดือน
“ผมขอเรียนชัดเจนว่า ที่กล่าวหาว่า การดำเนินการเอื้อประโยชน์ ผมขอถามกลับว่า เอื้อประโยชน์ใคร ใครได้ประโยชน์ เพราะโครงการนี้ ยังไม่มีการประกาศผลว่าใครชนะ ยังไม่มีการเปิดซอง ยืนยันว่า กระทรวงคมนาคมดำเนิน การตามกฎหมายที่ให้อำนาจหน้าที่ และท่านนายกฯ สั่งการมาตลอด ผมต้องถามว่า ผิดกฎหมายตรงไหน แล้วเกี่ยวกับรัฐมนตรีว่าคมนาคมตรงไหนที่ไม่กำกับดูแล และผู้อภิปรายท่านเอาข่าวมาปะติดปะต่อ และใช้จินตนาการ” นายศักดิ์สยาม กล่าว