วันศุกร์, เมษายน 26, 2024
หน้าแรกNEWSเครือข่ายสุราฯยื่นหนังสือ ‘พิธา’ วอน‘ก้าวไกล’หนุนผลักดันสุราก้าวหน้า
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

เครือข่ายสุราฯยื่นหนังสือ ‘พิธา’ วอน‘ก้าวไกล’หนุนผลักดันสุราก้าวหน้า

เครือข่ายสุราฯ ยื่นหนังสือ “พิธา” วอน“ก้าวไกล” หนุนผลักดันสุราก้าวหน้า จี้ ส.ว. ช่วยโหวตเป็นนายกฯ ชี้ต้องฟังเสียงประชาชน ด้าน “พิธา” เตรียมดันสุราไทยสู่เวทีโลก เชื่อเวทีเจรจาพรรคร่วม เคลียร์ตำแหน่ง “ประธานสภา” จบ ไม่ถึงขั้นโหวตแข่งกัน


เมื่อวันที่ 26 พ.ค. ที่พรรคก้าวไกล นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ว่าที่ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล แถลงภายหลังรับหนังสือจากเครือข่ายสุราท้องถิ่นไทย และสมาคมคราฟท์เบียร์ไทย เกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาล และการผลักดันสุราก้าวหน้า โดยนายพิธา กล่าวว่า ขอให้เครดิตเครือข่ายภาคประชาชน และคราฟท์เบียร์ที่เห็นตรงกันกับพรรคก้าวไกล ที่อยากเปลี่ยนสินค้าการเกษตรมาเป็นโภคภัณฑ์ ซึ่งเป็นนโนบายเพิ่มผู้ผลิตมากกว่าเพิ่มผู้บริโภค และจะต้องมีการแก้กฎหมาย เพื่อส่งเสริมเรื่องการผลิต การส่งออก โดยจะเป็นการเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจที่สำคัญด้วย

ด้าน นายสมบุรณ์ แก้วเกรียงไกร นายกสมาคมสุราท้องถิ่นไทย กล่าวว่า นโยบายสุราก้าวหน้า ทำให้ผู้ผลิตสุรารายย่อยมีความหวัง ซึ่งอดีตมีเฉพาะกลุ่มทุนผูกขาด แต่เมื่อทางพรรคก้าวไกลมีนโยบายนี้ ทางผู้ผลิตสุราชุมชนจึงรู้สึกโดนใจต่อนโยบาย วันนี้จึงมาอ้อนวอนขอให้ ส.ว. ตนขอกราบเลยก็ได้ ให้ช่วยสนับสนุนพรรคก้าวไกลจัดตั้งรัฐบาลให้สำเร็จ เพราะนี่คือความหวังเดียวของผู้ผลิตสุรารายเล็ก เป็นโอกาสในการสร้างอาชีพให้กลุ่มรากหญ้า

ขณะที่ นายศุภพงษ์ พรึงลำภู ตัวแทนสมาคมคราฟท์เบียร์ไทย กล่าวว่า เราทำงานร่วมกับพรรคก้าวไกลมา 3 ปีแล้ว เห็นว่าพรรคก้าวไกลมีความจริงในการแก้ปัญหาการผูกขาด จึงขอให้ทุกท่านช่วยสนับสนุนพรรคก้าวไกล ให้จัดตั้งรัฐบาลได้โดยเร็ว ไม่ว่าจะเป็น ส.ว. หรือ ส.ส. ถึงไม่ได้เป็นพรรคร่วมรัฐบาล แต่ขอให้นึกถึงเสียงของประชาชน

เมื่อถามว่า ในโซเชียลมีการวิพากษ์วิจารณ์การนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด แต่สนับสนุนสุราก้าวหน้า นายพิธา กล่าวว่า คิดว่าทั้งสองอย่างมีทั้งประโยชน์และโทษ ไม่มีอะไรเสรีจริง ทุกอย่างต้องควบคุมให้เหมาะสม สุราเราไม่ได้ต้องการให้บริโภคเพิ่มขึ้นในประเทศ แต่ต้องการเพิ่มมูลค่าสินค้าทางการเกษตร เพื่อสร้างรายได้ และเป็นทางเลือกมากขึ้นภายในประเทศ โดยที่นักท่องเที่ยวจะได้รับอรรถรสเพิ่มขึ้น และจะให้สินค้ากระจายไปทั่วโลก โดยเฉพาะเมื่อผู้นำประเทศต่างๆ มาที่ประเทศไทย จะได้ไม่ต้องใช้ไวน์จากต่างประเทศในการต้อนรับ แต่จะใช้สินค้าของไทยในการต้อนรับ นอกจากนี้ ยังเป็นการสร้างความเท่าเทียมของผู้ผลิตทั้งรายเล็ก และรายใหญ่

เมื่อถามว่า ต้องยกเลิกกฎกระทรวงหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ต้องแก้กฎกระทรวงการคลังเพื่อไม่ให้มีการกีดกัน และให้เกิดความเท่าเทียม แต่ในส่วนของพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) จะต้องพิจารณาอีกครั้ง นี่คือกระดุมเม็ดแรก นอกจากนี้ ยังมีเรื่องของการห้ามโฆษณา เรื่องที่เกี่ยวกับกระทรวงต่างๆ ทั้งสาธารณสุข วัฒนธรรม ศึกษาธิการ และอุตสาหกรรม เข้ามาเกี่ยวข้อง ตนตั้งใจแก้ให้ได้ช่วง 100 วันแรกของการเป็นรัฐบาล ซึ่งการแก้กฎกระทรวง และเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทำได้ทันทีในขั้นแรก

เมื่อถามถึงกรณีตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร พรรคเพื่อไทยหรือพรรคก้าวไกล จะมีการถอยคนละก้าวหรือไม่ ซึ่งตอนนี้มีนักวิชาการเสนอให้นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ ซึ่งเป็นพรรคอันดับ 3 มารับตำแหน่ง หรือพรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทย ดำรงตำแหน่งพรรคละ 2 ปี นายพิธา กล่าวว่า คิดว่าทั้ง 8 พรรคที่ได้ร่วมจับมือกันแล้ว ต้องร่วมมือปรับจูนพูดคุยกัน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นช่วงที่ผ่านมา ประชาชนและตนได้ยินแล้วว่าแต่ละพรรคมีความต้องการ และเหตุผลอย่างไร ซึ่งทางที่ดีที่สุดสุดน่าจะกลับไปพูดคุยกันผ่านทีมเจรจาที่เราเคยตั้งเอาไว้ และเดินหน้าแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน รวมทั้งปรับจูนเรื่องของนโยบายในช่วงเวลา 1 – 2 เดือน ที่เราจะต้องแถลงนโยบายต่อรัฐสภา

“ทุกท่านพูดคุยกับสาธารณชนแล้วว่าเหตุผลคืออะไร ก็น่าจะเพียงที่จะนำกลับไปพูดคุยในทีมเจรจา ซึ่งผมเชื่อใจทุกท่าน” นายพิธา กล่าว

เมื่อถามย้ำว่า มองว่าตำแหน่งประธานสภา ยังต้องเป็นของพรรคก้าวไกลหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ต้องให้ทีมเจรจาพูดคุยกัน เวลานี้เชื่อใจทุกพรรค เวลาทำงานทางการเมืองต้องเชื่อใจซึ่งกันและกัน

เมื่อถามว่า รอยร้าวระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกลจะสมานกันได้หรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ได้แน่นอน ตนคิดว่าเป็นเรื่องปกติของการทำงาน ที่อาจมีอะไรเห็นไม่ตรงกันอยู่บ้าง และพูดคุยกัน แต่ถ้าเราสามารถต่อประชาชนมาเป็นที่ตั้ง และกลับมาพูดคุยกันอย่างมีเหตุผล ต้นเชื่อว่าทุกอย่างมีทางออก

เมื่อถามถึงกระแสที่ในวันที่ 28 พ.ค. นี้ จะมีการนัดชุมเรียกร้องให้พรรคเพื่อไทย ถอนตัวออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล นายพิธา กล่าวว่า ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพ ในการแสดงออก และวิพากษ์วิจารณ์เพราะเป็นส่วนหนึ่งของระบบประชาธิปไตย แต่เมื่อมีการพูดคุยกันแล้ว และทุกคนฝากความหวังไว้กับเราเยอะมาก ก็ให้เป็นหนึ่งในกระบวนการ แต่กระบวนการอันสำคัญ คือการพูดคุยปรับจูนกัน ทำให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ เพราะยังมีงานใหญ่ๆ รออยู่อีกเยอะ

เมื่อถามว่า ส่วนจะมีทางออกเรื่องนี้ไว้ในใจหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า คิดว่าทุกท่านมีทางออก ไม่ใช่เฉพาะตนคนเดียว ต้องให้เกียรติพรรคร่วมอีก 7 พรรคด้วย นี่เป็นการตั้งรัฐบาลครั้งที่ 30 ก็คงมีอย่างนี้ทุกครั้ง ขึ้นอยู่กับจะพูดคุยแสดงเหตุผลกันอย่างไร

เมื่อถามว่า จะต้องมีการโหวตเพื่อชิงตำแหน่งประธานสภากันในสภาหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า คงไม่ต้องไปถึงจุดนั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพิธา ได้สวมแหวนที่นิ้วนางข้างขวา จึงได้สอบถามว่าเป็นแหวนอะไร ซึ่งนายพิธา กล่าวว่า เป็นแหวนที่ทางครอบครัวให้มา ซึ่งเป็นแหวนพระที่ทางบ้านนับถือ โดยเป็นเรื่องของความเชื่อ

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img