วันพฤหัสบดี, เมษายน 25, 2024
หน้าแรกHighlight‘เสรี’ยัน‘พิธา’ขายหุ้นตอนนี้ไม่ช่วยอะไร? ขาด‘คุณสมบัติ’มีผลทางกฎหมายไปแล้ว
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

‘เสรี’ยัน‘พิธา’ขายหุ้นตอนนี้ไม่ช่วยอะไร? ขาด‘คุณสมบัติ’มีผลทางกฎหมายไปแล้ว

“กมธ.พัฒนาการเมือง” วุฒิฯ ถกคุณสมบัติ “พิธา” ปมหุ้นไอทีวี บี้กกต.ส่งให้ศาลรธน.วินิจฉัยก่อนโหวตนายกฯ “เสรี” ชี้ “หัวหน้าพรรคก้าวไกล” ขาดคุณสมบัติตั้งแต่ถูกเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ ยันขายหุ้นก็ไม่มีผลอะไร

วันที่ 6 มิ.ย.2566 เวลา 12.30 น. ที่รัฐสภา นายเสรี สุวรรณภานนท์ ประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา ให้สัมภาษณ์ว่า ที่ประชุมได้พิจารณาเรื่องร้องเรียนการถือครองหุ้นไอทีวีของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกฯว่า เรื่องนี้มีหลายคนไปยื่นร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่านายพิธา มีคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญที่จะเป็นนายกฯต่อไปได้หรือไม่ ซึ่งกมธ.ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อมูลและข้อเท็จจริงแล้วเห็นว่าเป็นเรื่องเดียวกับที่มีผู้ไปร้องกับกกต.แล้ว จึงเห็นว่าจะส่งเรื่องให้กกต.เพราะเห็นว่าเรื่องนี้ต้องหาข้อยุติโดยเร็ว เพื่อแก้ปัญหาอื่นๆที่จะตามมา และมีผลกระทบอีกจำนวนมาก

นายเสรี กล่าวต่อว่า ทางกมธ.จะทำหนังสือแจ้งไปยังกกต. เพราะเห็นแล้วว่ามีมูล มีข้อเท็จจริงและมีหลักฐาน จึงต้องการให้กกต.เร่งรัดในการเสนอเรื่องดังกล่าวให้ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยชี้ขาดเพื่อความชัดเจนในการที่จะแก้ปัญหาเรื่องเหล่านี้ เพราะอย่างน้อยที่สุดการที่ศาลได้ตัดสินวินิจฉัยชี้ชาดก็จะเป็นที่ยอมรับของคนทั้งประเทศและของคนหมู่มาก

“หากรอไปจนถึงขั้นตอนของวุฒิสภาลงมติโหวตนายกฯ เกิดวุฒิสภาไม่เห็นขอบหรือไม่เห็นด้วย ก็จะเกิดความไม่สงบเรียบร้อย ดังนั้นเพื่อป้องกันปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง จึงขอให้กกต.เร่งรัดรวบรวมหลักฐานส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญดำเนินการต่อไปก่อนที่จะถึงกำหนดวันเลือกนายกฯ”นายเสรี กล่าว

เมื่อถามว่า แสดงว่าที่ประชุมกมธ.เห็นว่า นายพิธาขาดคุณสมบัติแล้วใช่หรือไม่ นายเสรี กล่าวว่า ถ้าดูตามหลักฐาน ข้อกฎหมาย และข้อบังคับของพรรคก้าวไกล มีมูลว่า นายพิธาขาดคุณสมบัติตั้งแต่เป็นสมาชิกพรรค ตั้งแต่สมัครรับเลือกตั้ง และถ้าขาดคุณสมบัติรับเลือกตั้งก็มีผลกับการไปรับรองผู้สมัครให้ลงสมัครรับเลือกตั้งส.ส. เรื่องเหล่านี้เป็นข้อมูลหลักฐานที่ปรากฎต่อสาธารณะชนอยู่แล้ว ดังนั้นสิ่งที่ต้องทำตอนนี้คือกกต.ต้องเร่งรัดให้ข้อยุติ หรือจะรับรองส.ส.ให้เสร็จโดยเร็ว และรีบส่งเรื่องเหล่านี้ให้ศาลรัฐธรรมนูญโดยเร็ว  เพราะถ้าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยโอกาสที่บ้านเมืองจะเรียบร้อยมีสูง เพราะทุกคนเคารพ และยอมรับในกติกาของประเทศ และกระบวนการยุติธรรม ซึ่งน่าจะเป็นช่องทางที่ดีที่สุด

เมื่อถามว่า แสดงว่าไม่จำเป็นต้องรอให้รับรองส.ส.ก่อน สามารถยกกรณีของนายพิธาหรือไม่ นายเสรี กล่าวว่า จริงๆถ้ามองในมุมของข้อกฎหมาย สมาชิกภาพของส.ส.นับตั้งแต่วันเลือกตั้ง เมื่อมีสมาชิกภาพแล้วก็น่าจะส่งศาลรัฐธรรมนูญได้ เพียงแต่ว่าอาจจะมีข้อโต้แย้งว่าปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ เพราะกกต.ยังไม่รับรอง จึงมีประเด็นว่ากกต.ควรจะรับรองก่อนแล้วส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเพื่อที่จะตัดประเด็นปัญหาไประดับหนึ่ง

เมื่อถามว่า การที่กมธ.ระบุว่านายพิธาอาจขาดคุณสมบัติจะมีปัญหาต่อการโหวตเป็นนายกฯหรือไม่ นายเสรี กล่าวว่า การเสนอตัวเป็นนายกฯก็ถือว่าเป็นคุณสมบัติเดียวกันกับการเป็นส.ส.เพราะรัฐธรรมนูญบัญญัติเชื่อมโยงกันเป็นทอดๆตั้งแต่การเป็นสมาชิก, สมัครรับเลือกตั้ง ,การเสนอชื่อเป็นนายกฯ เพราะฉะนั้นในรัฐธรรมนูญและในข้อบังคับพรรคก้าวไกล ได้บัญญัติในเรื่องเหล่านี้ไว้แล้ว ซึ่งเป็นไปในทางเดียวกัน

เมื่อถามว่า นายพิธาขายหุ้นไปแล้วจะมีผลหรือไม่ นายเสรี กล่าวว่า ไม่ว่าจะโอนหุ้นด้วยวิธีไหนก็ตาม ก็ต้องดูว่าเขาโอนช่วงไหน ถ้าโอนช่วงนี้ก็ไม่มีผล เพราะการที่มีคุณสมบัติที่จะเป็นนายกฯได้หรือไม่ เริ่มตั้งแต่ตอนที่เสนอชื่อในบัญชีพรรคการเมือง

“ถ้าถือหุ้นตั้งแต่เสนอชื่อในบัญชี และส่งให้กกต.ถือว่ามีผลในทางกฎหมายแล้วว่าไม่มีคุณสมบัติ เพราะฉะนั้นนายพิธาจะมาขายหรือโอนหุ้นในตอนนี้ก็ไม่ได้ทำให้ข้อเท็จจริงตรงนั้นเปลี่ยนแปลงไป แต่ถ้านายพิธาโอนหุ้นไปก่อนหน้านี้แล้วมาสมัครรับเลือกตั้ง โดยไม่ได้เป็นหัวหน้าพรรคและไม่ได้ไปรับรองใคร แล้วถูกเสนอชื่อให้เป็นนายกฯในช่วงนี้แล้วไปถอนหุ้นออกก่อนก็ยังมีผลทางข้อกฎหมาย เพราะการเสนอชื่อในบัญชีไม่ได้มีผลตอนที่สภาจะลงมติ แต่มีผลตั้งแต่เสนอชื่อ ดังนั้นหากมาขายหุ้นตอนนี้ก็ไม่มีผลอะไร”นายเสรี กล่าว 

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img