วันพฤหัสบดี, เมษายน 25, 2024
หน้าแรกHighlight“โฆษก ปชป.”ท้าชน“ส.ส.ก้าวไกล” ยื่นสนง.ศาลเอาผิดหมิ่น‘มีระบบตั๋ว’
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“โฆษก ปชป.”ท้าชน“ส.ส.ก้าวไกล” ยื่นสนง.ศาลเอาผิดหมิ่น‘มีระบบตั๋ว’

“โฆษก ปชป.” ท้าชน “วิโรจน์-ส.ส.ก้าวไกล” จ่อยื่นหนังสือถึงสำนักงานศาลยุติธรรม ให้เอาผิดฐานโพสต์หมิ่น “ศาล” ว่ามีสองมาตรฐาน มีระบบตั๋ว เหมือนมีใบสั่งให้ปล่อย 8 แกนนำ กปปส. แต่ที 4 แกนนำราษฎร กลับไม่ยอมปล่อยตัวชั่วคราว

เมื่อวันที่ 27 ก.พ.64 ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการที่มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) บิดเบือนข้อเท็จจริงในสื่อโซเชียล โดยอาศัยกรณีที่ศาลอุทธรณ์ให้ประกันตัวชั่วคราวกับอดีตแกนนำ กปปส. ทั้ง 8 คน แล้วนำไปเทียบเคียงกับกรณีของแกนนำกลุ่มราษฎร 4 คน ที่ยังไม่มีการปล่อยตัวชั่วคราว ด้วยการใส่ร้ายโจมตีอำนาจตุลาการ โจมตีศาลยุติธรรม โดยกล่าวหาว่า ศาลมีสองมาตรฐาน ศาลมีระบบตั๋ว เหมือนกับมีใบสั่งเพื่อให้ศาลปล่อยตัวชั่วคราวนั้นว่า สาเหตุของที่ต้องพูดเรื่องนี้ เพราะแม้เรื่องนี้อาจจะเป็นหน้าที่ของสำนักงานศาลยุติธรรม ในการตรวจตราดูเรื่องดังกล่าว แต่คิดว่าในบางเรื่องสำนักงานศาลฯ ก็ไม่สามารถกล่าวเพื่อให้บุคคลที่กระทำความผิดนี้ ให้รู้สำนึกได้ ตนจึงได้ทำหนังสือถึงเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรมเพื่อให้พิเคราะห์พิจารณาถึงการกระทำของส.ส.รายนี้ ว่ามีความผิดตามมาตรา 198 หรือไม่

นี่คือกระบวนการกล่าวหาใส่ร้ายกระบวนการยุติธรรม ให้เกิดความเสียหาย ทำลายความน่าเชื่อถือ ผมจะไม่บอกชื่อว่า ส.ส.คนนี้เป็นใคร แต่ผมอยากบอกข้อเท็จจริงว่า กรณีการให้ประกันตัว หรือไม่ให้ประกันตัวนั้น ตุลาการดูจากข้อเท็จจริงในสำนวน พฤติการณ์แห่งคดี ข้อเท็จจริงที่แตกต่างกัน” โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าว

นายราเมศ กล่าวต่อว่า เรื่องของแกนนำ กปปส. ทั้ง 8 คน ที่มีการยื่นประกันตัวนั้น ศาลชั้นต้นไม่ได้สั่งให้มีการประกันตัว แต่ส่งไปให้ศาลอุทธรณ์มีคำสั่ง ซึ่งศาลอุทธรณ์จะได้พิเคราะห์ว่า มีพฤติกรรมที่จะหลบหนีหรือไม่ มีหลักทรัพย์ในการยื่นประกันมากพอตามที่กฎหมายกำหนดไว้หรือไม่ หากปล่อยไปแล้วจะไปกระทำความผิดอีกหรือไม่ หากปล่อยไปแล้วจะมีความยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานหรือไม่ ซึ่งศาลพิเคราะห์แล้วจึงมีดุลยพินิจให้ปล่อยตัวชั่วคราว แต่หากนำเรื่องนี้ไปเทียบเคียงกับ แกนนำ 4 คนของกลุ่มราษฎรที่มีการกล่าวอ้างนั้น ก็พบว่าศาลได้พิจารณาปล่อยตัวไปแล้วหลายครั้ง แต่เมื่อศาลได้อนุญาตแล้ว หากมีการไปประพฤติ หรือไปกระทำความผิดในลักษณะเดิมซ้ำอีก ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในสำนวนคดีที่ศาลจะนำไปสู่การใช้ดุลพินิจของศาล

“ผมอยากเตือนด้วยว่า ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มใดก็แล้วแต่ ที่ออกมาโจมตี ใส่ร้าย กระบวนการยุติธรรม มีการกล่าวบิดเบือนข้อเท็จจริงให้แตกต่างไปจากความเป็นจริง ท่านไม่รู้ในสำนวน ท่านไม่ทราบหรอก การที่บอกว่ามีระบบตั๋ว เกิดความลักลั่นนี้ มาตรา 198 ประมวลกฎหมายอาญาระบุไว้ชัดว่า ผู้ใดหมิ่นศาล หรือผู้พิพากษา ดังนั้นจึงเข้าข่ายลักษณะดูหมิ่นศาลแน่นอน ผมขอเตือนให้หยุดพฤติกรรมที่ใส่ร้าย ให้ร้ายโจมตีกระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะคนที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ถือเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง ผมได้ทำหนังสือถึงเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม เพื่อให้พิเคราะห์พิจารณาถึงการกระทำของส.ส.รายนี้ ว่ามีความผิดตามมาตรา 198 หรือไม่ หากเห็นว่ามีความผิด ก็จะต้องดำเนินคดีเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง และไม่ให้เกิดเป็นกระบวนการทำลายกระบวนการยุติธรรมต่อไป” นายราเมศกล่าว

ทั้งนี้มีรายงานว่า ส.ส.คนดังกล่าวคือ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ที่โพสต์ทวิตเตอร์ ระบุว่า “ถ้าฝ่ายหนึ่งได้ประกันตัว อีกฝ่ายก็ควรจะต้องได้เช่นกัน ถ้าไม่ได้ ก็ต้องไม่ได้เหมือนกัน ถ้ามีระบบตั๋ว มีความลักลั่น ก็อาจเป็นเริ่มต้นของความล่มสลายของความน่าเชื่อถือของระบบตุลาการไทย”

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img