วันพุธ, เมษายน 24, 2024
หน้าแรกHighlightสธ.สั่งทุกรพ.เตรียมพร้อมรับมือผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่ม หลังแรงงานแห่กลับบ้าน
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

สธ.สั่งทุกรพ.เตรียมพร้อมรับมือผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่ม หลังแรงงานแห่กลับบ้าน

”อนุทิน’’สั่งการโรงพยาบาลทั่วประเทศรับมือผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่มเริ่มจากติดตามกลุ่มแรงานกลับบ้าน ใช้โมเดล’’โลคอลควอรันทีน’’  และอภ.สามารถผลิตฟาวิพิราเวียร์ได้ในเดือนส.ค.

 เมื่อวันที่ 28 มิ.ย.64 ที่กระทรวงสาธารณสุข ภายหลังการประชุมทางไกลผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอร์เรนส์ กับนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) และผู้อำนวยการโรงพยาบาลทั่วประเทศ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข  ให้สัมภาษณ์ว่า  ได้สั่งการให้นพ.สสจ. บริหารจัดการสถานพยาบาลทุกแห่งในจังหวัดให้เตรียมสถานที่ ยา เวชภัณฑ์เพื่อรองรับผู้ติดเชื้อ มีระบบการส่งต่อและมอบหมายให้ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข บริหารจัดการสถานพยาบาลทุกแห่ง ในทุกจังหวัดภายใต้เขตสุขภาพนั้นๆ ให้พร้อมรับมือกับผู้ติดเชื้อฯ

โดยในส่วนของแรงงานที่มีการเดินทางกลับไปยังภูมิลำเนาของตนนั้นให้มีการปฏิบัติมาตรการควบคุมป้องกันภายใต้มาตรการที่คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนั้นๆ กำหนด เช่น การให้มีการกักตัวที่โลคอลควอรันทีน โดยเฉพาะคนต่างถิ่น ทั้งนี้ไม่ต้องไปคิดถึงเรื่องค่าใช้จ่าย อย่างไรก็ตามหากเป็นแรงงานผิดกฎหมายนายจ้างต้องดูแลด้วย

 “รูปแบบเหมือนกับการดูแลประชากรที่เดินทางกลับภูมิลำเนาเมื่อปีที่ผ่านมา ทำให้การดูแลแต่ละจังหวัดมีประสิทธิภาพ อสม. หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปดูแลได้ง่ายขึ้น การควบคุมป้องกันโรคนั้นกระทรวงสาธารณสุขทำคนเดียวไม่ได้ ต้องอาศัยความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งฝ่ายปกครอง ทหาร ตำรวจ เพื่อควบคุมไม่ให้มีการติดเชื้อเพิ่ม ส่วนในแง่ของการรักษาซึ่งเป็นหน้าที่หลักกระทรวงสาธารณสุขดำเนินการเต็มที่ ” นายอนุทิน กล่าว

สำหรับพื้นที่กทม. ซึ่งเป็นปัญหามากในเรื่องของการติดเชื้อจำนวนมากนั้น กระทรวงสาธารณสุขไม่ได้มีอำนาจเข้าไปดูแล แต่ก็ช่วยกันแบ่งเบาภาระ เบื้องต้นที่ต้องมีการขยายเตียงสำหรับรองรับผู้ติดเชื้อเพิ่มเติม ซึ่งเพิ่งเปิดรพ.สนามที่มีลักษณะเป็นโคฮอทวอร์ด และไอซียู ที่มณฑล ทหารราบ 11 จำนวน 180 เตียง นอกจากนี้ก็จะขยายเตียงที่รพ.สนามบุษราคัมเพิ่มเติมอีกราวๆ 1 พันเตียง ส่วนบุคลากรที่จะมาดูแลก็เป็นระบบหมุนเวียนมาจากพื้นที่ต่างจังหวัด

นายอนุทิน กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกันก็เดินหน้าฉีดวัคซีนอย่างเต็มที่ โดยภายในเดือนนี้จะสามารถฉีดวัคซีนให้ประชากรได้ 10 ล้านโดส ตามเป้าหมาย ขณะนี้ฉีดไปได้แล้วกว่า 9 ล้านโดส ส่วนที่เหลือนั้นวัคซีนก็มีในสต็อกอยู่แล้ว เดือนหน้าก็จะเข้ามาอีก อย่างไรก็ตาม ตนได้มอบหมายให้ทุกพื้นที่เร่งฉีดวัคซีนให้กลุ่มเป้าหมายคือผู้สูงอายุ และผู้ป่วย 7 กลุ่มโรค ให้หมดภายในส.ค. เชื่อว่าหากฉีดกลุ่มนี้ครบอัตราการเสียชีวิตน่าจะลดลง

ส่วนเรื่องยารักษาฟาวิพิราเวียร์ นั้นไม่ต้องกังวลมีเพียงพอแน่นอน ซึ่งปลัดกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานคณะกรรมการองค์การเภสัชกรรม (บอร์ด อภ.) ยืนยันว่าได้มีการสั่งซื้อเข้ามาใช้อย่างเพียงพอ และล่าสุดได้รับรายงานจากนพ.วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผอ.อภ.ว่า ภายในเดือนก.ค. นี้ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) จะมีการอนุญาตให้อภ. สามารถผลิตยาฟาวิพิราเวียร์ได้เองแล้ว ซึ่งเมื่อได้รับการอนุญาตแล้วจะสามารถผลิตได้ภายในเดือน ส.ค.นี้ อัตรากำลังการผลิตในช่วงแรกอยู่ที่เดือนละ 2 ล้านเม็ด อาจจะดูว่าเป็นจำนวนที่น้อย แต่นี่เป็นช่วงเริ่มต้นที่นำมาเป็นส่วนเสริมจากที่มีการนำเข้า 

ด้าน นายสาธิต  ปิตุเดชะ รมช.สาธารณสุข  กล่าวเสริมว่า  สำหรับแนวทางการดูแลผู้ป่วยโควิดกลุ่มสีเขียวที่บ้าน (Home Isolation) นั้นจะอยู่ภายใต้การการพิจารณาของบุคลากรการแพทย์ และอยู่ในระบบการตรวจสอบ ติดตามอาการ หากอาการเปลี่ยนแปลงก็มีระบบส่งต่อไปรักษาตัวยังรพ. โดยแนวทางดังกล่าวเริ่มดำเนินการแล้ววันนี้ (28 มิ.ย.) เฉพาะพื้นที่กทม. หวังว่าจะได้รับความร่วมมือจากประชาชน.

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img