อดีตรมว.คลังจวกรัฐบาล หมดหนทางทำมาหากิน ต้องขายสมบัติชาติ อัด “บิ๊กตู่”ไม่รู้เรื่องเศรษฐกิจแต่ชอบพูด พูดไม่มีสาระ ไม่สมเหตุสมผล พูดโดยไม่มีความรู้
เมื่อวันที่ 22 ก.ย. นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช อดีตรมว.คลัง กล่าวว่า การเป็นรัฐบาลต้องไม่พูดส่งเดช ต้องไม่ขายสมบัติของชาติมากินมาใช้ ไม่นานนี้.นายกรัฐมนตรี พูดว่าจะทำให้ประเทศไทยจากรายได้ปานกลางให้เป็นประเทศรายได้สูง ความจริงประเทศไทยเข้าใกล้ประเทศรายได้สูงเมื่อ 15 ปีมาแล้ว การปฏิวัติโดยกองทัพถึง 2 ครั้ง ในปี 2549 และ 2557 นี่คือทำให้ประเทศไทยกลับมาเป็นประเทศรายได้ต่ำ เพราะเศรษฐกิจไม่เจริญเติบโต บางครั้งเศรษฐกิจติดลบ โดยเฉพาะ 6-7 ปีที่ผ่านมา ประชาชน และ SME ผู้ประกอบการขนาดกลาง ขนาดเล็ก จึงล้มละลายและยากจนลงมาก
.นายกรัฐมนตรีไม่มีความรู้เรื่องเศรษฐกิจ แต่ชอบพูด และเมื่อทำจริงๆ ก็มักทำตรงกันข้ามกับการสร้างความเจริญเติบโต เช่น พูดไม่สมเหตุสมผล ไม่มีสาระ ขาดคุณสมบัติมารยาทที่ดี พูดโดยไม่มีความรู้ความเข้าใจ
.การประกาศภาวะฉุกเฉิน การให้ตำรวจเอาแก๊สน้ำตาเอากระสุนยางมายิงเยาวชน สิ่งเหล่านี้ทำลายความเชื่อมั่นทั้งสิ้น ใครจะมาลงทุน แต่เป็นการทำลายความเชื่อมั่นทั้งสิ้น ทำให้ไม่มีคนมาลงทุน มีแต่จะหนีออกไป
การสั่งหยุดกิจกรรมทางเศรษฐกิจบ่อยๆ ไม่ให้คนทำมาหากิน แล้วรัฐบาลก็ไปกู้เงินมาจำนวนมาก มาซื้ออาวุธ มาทำไอโอ ทำโฆษณาตัวรัฐบาลเอง แล้วเหลือมาแจกเงินให้พี่น้องประชาชน จึงทำให้รัฐบาลเป็นหนี้สินล้นพ้นตัว เกินกรอบหนี้ที่สร้างเสถียรภาพของเศรษฐกิจ คือ 60 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี แล้วกิประกาศขยายเพดานหนี้รัฐบาลจาก 60% เป็น 70% ของ GDP
ทั้งหมดนี้ เป็นการทำให้ประเทศไทยจากรายได้ปานกลางเป็นประเทศรายได้ต่ำ ไม่ใช่ทิศทางที่จะทำให้ประเทศมีรายได้สูง ประชาชนจึงเป็นหนี้เป็นสินมากมาย เพราะไม่พอกิน หนี้ครัวเรือนสูงขึ้นอย่างรวดเร็วไปถึง 93% ของ GDP เนื่องจากเศรษฐกิจไม่เจริญเติบโต ดังนั้นทั้งหนี้รัฐบาลและหนี้ประชาชนจึงพุ่งขึ้นอยย่างรวดเร็วในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ดูท่าประเทศจะไปไม่รอด กระผมจึงแปลกใจ ทำไมรัฐบาลมาประกาศว่าจะทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศรายได้สูง เหมือนพูดส่งเดช ไม่มีความรู้อะไร ไม่มีสาระ
เมื่อ 2 วันมานี้ มีข่าวจากรัฐบาลว่า จะไม่จ่ายเบี้ยผู้สูงอายุให้ทุกคนแล้ว จะให้เฉพาะคนจนจริงๆ เท่านั้น อ้างว่าเงินไม่พอ งบประมาณผู้สูงอายุประมาณ 92,000 ล้านบาทต่อปี สำหรับผู้สูงอายุประมาณ 11 ล้านคน เฉลี่ยเดือนละ 700 บาทต่อคน ซึ่งก็น้อยมากอยู่แล้ว ผู้สูงอายุจะเอาเงินที่ไหนมากินมาใช้ ผู้เสนอเรื่องนี้ ไม่มีความรู้ดูน่าจะขาดจิตสำนึก
หากตนเป็นรัฐบาล กระผมจะจ่ายเงินให้ผู้สูงอายุทุกคน คนละ 3,000 บาทต่อเดือน ปีละ 36,000 บาทต่อคน โดยจะใช้งบประมาณ 400,000 ล้านบาท เพื่อเป็นสวัสดิการ เป็น บำนาญประชาชน เหมือนหลายประเทศที่เจริญแล้ว โดยกระผมจะลดงบประมาณที่ไม่จำเป็นอื่นๆ เช่น ซื้อเครื่องบิน เรือดำน้ำ ทำไอโอ การใช้งบประมาณโฆษณาตัวรัฐบาลเองซี่งในส่วนนี้ จะหาเม็ดเงินประมาณ 1-2 แสนล้านบาท
นายสุชาติ กล่าวต่อว่า 7.ตนเป็นนักเศรษฐศาสตร์ รู้ว่าจะทำให้ประเทศเจริญเติบโตได้อย่างไร ไม่ใช่แค่ 2-3% ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน แต่จะเป็นปีละ 6-7% จะทำให้สินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ มีราคาสูงขึ้น คือ การขายของได้เงินดอลลาร์ฯ มาแล้ว แลกเป็นเงินบาทได้จำนวนมากขึ้น เกษตรกรและกรรมกร ก็จะมีรายได้ มีค่าแรงสูงขึ้น รัฐบาลก็ได้ภาษีมากขึ้น สามารถหาเงิน 400,000 ล้านบาท มาจ่ายเป็นบำนาญประชาชน
วันนี้มีข่าวอีกว่า รัฐบาลจะให้คนต่างชาติซื้อบ้านและที่ดินในประเทศไทยได้ ความจริงกลุ่มขุนศึกขุนนางเหล่านี้เคยต่อต้านเรื่องของการขายสมบัติของชาติ การขายที่ดินของประเทศเพื่อนำมากินมาใช้ไม่ใช่การพัฒนา แต่การหมดหนทางทำมาหากิน จะทำให้คนในชาติยากจนลง ไม่มีที่ดินทำกิน ไม่มีที่อยู่อาศัย ต้องเช่าคนต่างชาติอยู่ และในระยะยาวอาจถูกยึดประเทศเหมือนสมัยอาณานิคม
และประเทศจะเจริญเติบโตได้ มีรายได้สูง ก็ต่อเมื่อประชาชนได้รับการศึกษาดีๆ เรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ ได้ทำมาหากินได้ มีรายได้สูงๆ ประชาชนจึงจะมีเงินมีทอง รัฐจึงจะสามารถจัดสวัสดิการ ให้คนแก่ คนพิการ คนป่วย ได้อย่างเพียงพอ การขายทรัพย์สินขายที่ดินของชาติ ไม่ทำให้ประเทศเติบโตอย่างถาวร จึงดูเหมือนเป็นการขายชาติ ดูแล้วน่าเศร้าใจหวังว่ารัฐบาลจะไปคิดทั้งสองเรื่องนี้ใหม่อีกครั้งหนึ่ง
