นายกฯบ่นเหนื่อยและท้อแท้ ต้องชาร์จไฟขึ้นมาใหม่ ใช้ธรรมะช่วย ยืนยันรัฐบาลเตรียมพร้อมดูแลคนทุกช่วงวัยตามกฎหมาย-ประชาธิปไตย
เมื่อวันที่ 1 ก.ค.65 ที่หอประชุมคุรุสภา กระทรวงศึกษาธิการ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานเปิดงาน “สูงวัยใจสมาร์ท” โครงการจัดการและส่งเสริมการศึกษาตลอดชีวิตเพื่อคงสมรรถนะทางกาย จิต และสมองของผู้สูงอายุในรูปแบบกิจกรรมพัฒนาทักษะชีวิตใน 4 มิติ โดย พล.อ.ประยุทธ์ ยืนยันรัฐบาลเตรียมพร้อมดูแลคนทุกช่วงวัย วันนี้การเกิดลดลง ผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นเกิดปัญหาขาดแคลนแรงงาน พร้อมย้ำหากย้อนไปดูประวัติศาสตร์ประเทศไทย มีความเป็นมาอย่างไรกี่ร้อยปีมาแล้วจะเห็นได้ว่าบ้านเมืองของเรากว่าจะสงบเรียบร้อยได้ขนาดนี้มีดินแดนได้ขนาดนี้ เสียชีวิตเสียอะไรต่างๆไปมากมายกว่าจะถึงทุกวันนี้เพราะฉะนั้นพวกเราทุกคนต้องรักสามัคคี รักษาสิ่งเหล่านี้ไว้ให้ได้ด้วยความเป็นไทย เรามีสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์เป็นหลักในการพัฒนา ดำรงไว้ซึ่งประเทศชาติของเรา เราลืมไม่ได้นี่คือประวัติศาสตร์
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า วันนี้รู้สึกดีใจที่เห็นรอยยิ้มของทุกคน เห็นไฟ ทุกอย่างอยู่ที่จิตใจตนเอง บางครั้งบางวันก็รู้สึกเหนื่อยท้อแท้ แต่ต้องชาร์จไฟขึ้นมาใหม่ด้วยการพิจารณาด้วยการคิดอะไรหลายๆอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งธรรมะช่วยได้มากพอสมควร ฝากไว้ด้วยแล้วกัน จะทำให้ทุกอย่างเช่นกับพวกเราทุกคน สูงอายุมากขึ้นจะคิดมากขึ้น รู้สึกว่าไม่มีใครสนใจไม่มีใครเอาใจใส่ลูกหลานก็ไม่อยู่ ทั้งหมดต้องหาทางกันให้เจอ หากเทียบประเทศไทยมีโอกาสเจอพ่อแม่ได้ทุกวันละ กลับบ้านแต่ละครั้งก็หอบข้าวสารกลับมาพ่อแม่ก็เป็นห่วง สิ่งเหล่านี้มีอยู่ที่เดียวคือประเทศไทย
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า จากการอ่านบทวิเคราะห์ของนักวิชาการ พูดถึงปี 2585 ไม่มีใครอยู่หรอก มีใครอยู่มาบอกตนด้วยว่ายาอะไรดี เขามองว่าอีก 20 ปีข้างหน้าโลกไม่ใช่แบบนี้ โลกจะมีหลายอย่างเกิดขึ้นมาใหม่อะไรอย่างมีผลกระทบหลายอย่างมี discruption หลายอย่างที่มีการแข่งขัน หลายอย่างที่ทำให้โลกเจริญขึ้นก็จริง แต่ความขัดแย้งจะสูงขึ้นมาก เพราะฉะนั้นการใช้ชีวิตด้วยการเตรียมคนเข้าสู่ศตวรรษที่ 21 เป็นสิ่งสำคัญที่สุด ต้องเตรียมความพร้อมให้กับเด็กและเยาวชนของเราในทุกมิติ เพื่อเตรียมการไปสู่สังคมสูงวัยในอนาคตอันไกลโพ้น
