วันศุกร์, มีนาคม 29, 2024
หน้าแรกNEWS“สมชัย”ห่วง ส.ว.ไม่ร่วมประชุมร่มรัฐสภาพรุ่งนี้ ทำให้เสียงโหวตหนุนโละม.272
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“สมชัย”ห่วง ส.ว.ไม่ร่วมประชุมร่มรัฐสภาพรุ่งนี้ ทำให้เสียงโหวตหนุนโละม.272

“สมชัย” ห่วง ส.ว.ไม่ร่วมประชุมพรุ่งนี้ ทำให้เสียงโหวตหนุนโละม.272 หาย แนะใช้เวทีรัฐสภาถกเถียงด้วยเหตุผลมากกว่าโหวตตามใบสั่ง

วันที่ 5 ก.ย.65 นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบายพรรคเสรีรวมไทย ฐานะผู้ยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 โดยให้ยกเลิกมาตรา 272  ที่กำหนดให้วุฒิสภาร่วมลงมติเลือกนายกรัฐตรีในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาวันที่  6-7 ก.ย.เพื่อพิจารณาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ วาระแรก ว่า ตนเชื่อว่าส.ส. จะสนับสนุนการแก้ไขในประเด็นดังกล่าว แต่ส.ว.นั้นยังประเมินได้ยาก เพราะเชื่อว่าส.ว.ต้องพิจารณาสัญญาณที่ผู้ใหญ่ส่งมา ส่วนกรณีที่มีส.ว.บางรายออกมายืนยันว่า จะไม่ยอมให้แก้ไขมาตราดังกล่าว เชื่อว่าทิศทางของส.ว.ที่ไม่สนับสนุนต้องระบุในทำนองดังกล่าว แต่ตนเชื่อว่าการชี้ขาดหรือตัดสินใจนั้นต้องสู้กันในสภาผ่านการอภิปรายชี้แจงเหตุผลอีกครั้ง

เมื่อถามถึงประเด็นที่ส.ว.ไม่ต้องการให้แก้ไข เพราะอำนาจดังกล่าวเหลืออีกไม่กี่ปีจะหมดไปตามวาระ นายสมชัย กล่าวว่า เวลาเป็นของมีค่า หากคิดว่าใช้เวลาให้หมดไปไม่เกิดประโยชน์เปลี่ยนแปลง ทั้งนี้ส.ว. ต้องมีความกล้า คือ โหวตรับ หรือไม่รับ ไม่ใช่งดออกเสียงหรือไม่มาประชุม เพื่อแสดงความรับผิดชอบ การเสนอให้รัฐสภาพิจารณาโละอำนาจ ส.ว.เลือกนายกฯมีหลายครั้งแล้ว และได้คะแนนแตกต่างกัน จำได้ว่าส.ว.ที่โหวตเห็นด้วยสูงสุดคือ 56 คน แต่หลายครั้งที่ผ่านมามีเสนอแก้ไขหลายประเด็นในร่างเดียวทำให้ไม่ผ่าน แต่รอบนี้เสนอแก้ไขเพียงประเด็นเดียว อย่างไรก็ดียังประมาณไม่ถูกว่าจะได้คะแนนมากขึ้นหรือไม่ หรือส.ว.คิดอย่างไร ส่วนที่เห็นด้วยจะมีมากแค่ไหนไม่รู้ ปัญหาของส.ว.ตอนนี้ คือ ไม่มาประชุม ที่ผ่านมามีส.ว.ประชุมเฉลี่ย 150 คนจากจำนวนทั้งหมด 250 คน เมื่อไม่มาประชุมเสียงจะหายไป ดังนั้นขอให้รัฐสภาเป็นเวทีถกเถียงจริงจัง ฟังเหตุผลแต่ละฝ่าย ไม่ใช่ยกมือตามกันหรือคำสั่งของวิปแต่ละฝ่ายที่ไม่รู้ว่าอะไรดีหรือไม่ดี  หรือยกมือตามสิ่งที่นัดหมายไว้ ไม่เกิดประโยชน์

“ผมอยากเห็นสภาไทยเอาเหตุผลมาคุยกันหากไม่แก้ไข ต้องแสดงเหตุผล ฝ่ายที่จำเป็นแก้ไข ต้องแสดงเหตุผลซึ่งกันและกัน ผลเป็นอย่างไร ผมยอมรับได้ ไม่ใช่ห้องประชุมไม่ฟัง อยู่ไม่กี่คนไม่รับฟังอะไร ไม่ถกเถียงกันเท่าที่ควร หรือยกมือตามกันที่ได้รับมอบหมาย สั่งการมา สะท้อนว่า สภาไม่ได้เป็นความหวังแก้ปัญหา”นายสมชัย กล่าว

ทั้งนี้นายสมชัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊คให้จับตาการลงมติของส.ว. และส.ส. เพราะการลงมติครั้งนี้มีความหมายเป็นอย่างยิ่งต่อการพัฒนาการเมืองไทยไปสู่ทิศทางที่ถูกต้อง เพราะจะทำให้ 1. ส.ว. มีความเป็นกลางทางการเมือง ตามมาตรา 113 ของรัฐธรรมนูญ ไม่ฝักใฝ่ หรือยอมอยู่ใต้อาณัติของพรรคการเมืองใด 2. การจัดตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้ง เป็นไปตามธรรมชาติ ไม่อยู่ภายใต้การพิจารณาว่า ส.ว. จะลงมติให้ใคร หรือ ควรจับมือกับพรรคการเมืองใดที่ ส.ว. มีแนวโน้มสนับสนุน 3.เป็นการนำประเทศไปสู่การปกครองตามระบอบประชาธิปไตยแบบสากล และ เป็นการเสริมสร้างเกียรติภูมิของวุฒิสภา


วันที่ 5 ก.ย.65 นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบายพรรคเสรีรวมไทย ฐานะผู้ยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 โดยให้ยกเลิกมาตรา 272  ที่กำหนดให้วุฒิสภาร่วมลงมติเลือกนายกรัฐตรีในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาวันที่  6-7 ก.ย.เพื่อพิจารณาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ วาระแรก ว่า ตนเชื่อว่าส.ส. จะสนับสนุนการแก้ไขในประเด็นดังกล่าว แต่ส.ว.นั้นยังประเมินได้ยาก เพราะเชื่อว่าส.ว.ต้องพิจารณาสัญญาณที่ผู้ใหญ่ส่งมา ส่วนกรณีที่มีส.ว.บางรายออกมายืนยันว่า จะไม่ยอมให้แก้ไขมาตราดังกล่าว เชื่อว่าทิศทางของส.ว.ที่ไม่สนับสนุนต้องระบุในทำนองดังกล่าว แต่ตนเชื่อว่าการชี้ขาดหรือตัดสินใจนั้นต้องสู้กันในสภาผ่านการอภิปรายชี้แจงเหตุผลอีกครั้ง

เมื่อถามถึงประเด็นที่ส.ว.ไม่ต้องการให้แก้ไข เพราะอำนาจดังกล่าวเหลืออีกไม่กี่ปีจะหมดไปตามวาระ นายสมชัย กล่าวว่า เวลาเป็นของมีค่า หากคิดว่าใช้เวลาให้หมดไปไม่เกิดประโยชน์เปลี่ยนแปลง ทั้งนี้ส.ว. ต้องมีความกล้า คือ โหวตรับ หรือไม่รับ ไม่ใช่งดออกเสียงหรือไม่มาประชุม เพื่อแสดงความรับผิดชอบ การเสนอให้รัฐสภาพิจารณาโละอำนาจ ส.ว.เลือกนายกฯมีหลายครั้งแล้ว และได้คะแนนแตกต่างกัน จำได้ว่าส.ว.ที่โหวตเห็นด้วยสูงสุดคือ 56 คน แต่หลายครั้งที่ผ่านมามีเสนอแก้ไขหลายประเด็นในร่างเดียวทำให้ไม่ผ่าน แต่รอบนี้เสนอแก้ไขเพียงประเด็นเดียว อย่างไรก็ดียังประมาณไม่ถูกว่าจะได้คะแนนมากขึ้นหรือไม่ หรือส.ว.คิดอย่างไร ส่วนที่เห็นด้วยจะมีมากแค่ไหนไม่รู้ ปัญหาของส.ว.ตอนนี้ คือ ไม่มาประชุม ที่ผ่านมามีส.ว.ประชุมเฉลี่ย 150 คนจากจำนวนทั้งหมด 250 คน เมื่อไม่มาประชุมเสียงจะหายไป ดังนั้นขอให้รัฐสภาเป็นเวทีถกเถียงจริงจัง ฟังเหตุผลแต่ละฝ่าย ไม่ใช่ยกมือตามกันหรือคำสั่งของวิปแต่ละฝ่ายที่ไม่รู้ว่าอะไรดีหรือไม่ดี  หรือยกมือตามสิ่งที่นัดหมายไว้ ไม่เกิดประโยชน์

“ผมอยากเห็นสภาไทยเอาเหตุผลมาคุยกันหากไม่แก้ไข ต้องแสดงเหตุผล ฝ่ายที่จำเป็นแก้ไข ต้องแสดงเหตุผลซึ่งกันและกัน ผลเป็นอย่างไร ผมยอมรับได้ ไม่ใช่ห้องประชุมไม่ฟัง อยู่ไม่กี่คนไม่รับฟังอะไร ไม่ถกเถียงกันเท่าที่ควร หรือยกมือตามกันที่ได้รับมอบหมาย สั่งการมา สะท้อนว่า สภาไม่ได้เป็นความหวังแก้ปัญหา”นายสมชัย กล่าว

ทั้งนี้นายสมชัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊คให้จับตาการลงมติของส.ว. และส.ส. เพราะการลงมติครั้งนี้มีความหมายเป็นอย่างยิ่งต่อการพัฒนาการเมืองไทยไปสู่ทิศทางที่ถูกต้อง เพราะจะทำให้ 1. ส.ว. มีความเป็นกลางทางการเมือง ตามมาตรา 113 ของรัฐธรรมนูญ ไม่ฝักใฝ่ หรือยอมอยู่ใต้อาณัติของพรรคการเมืองใด 2. การจัดตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้ง เป็นไปตามธรรมชาติ ไม่อยู่ภายใต้การพิจารณาว่า ส.ว. จะลงมติให้ใคร หรือ ควรจับมือกับพรรคการเมืองใดที่ ส.ว. มีแนวโน้มสนับสนุน 3.เป็นการนำประเทศไปสู่การปกครองตามระบอบประชาธิปไตยแบบสากล และ เป็นการเสริมสร้างเกียรติภูมิของวุฒิสภา

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img