วันเสาร์, เมษายน 20, 2024
หน้าแรกCOLUMNISTSไขรหัส "ท่อน้ำเลี้ยง" เหตุป่วนเมือง หรือม็อบสามนิ้วจะไปไม่ถึงเส้นชัย
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

ไขรหัส “ท่อน้ำเลี้ยง” เหตุป่วนเมือง หรือม็อบสามนิ้วจะไปไม่ถึงเส้นชัย

ไม่ต้องถึงขั้นเป็นผู้รู้ทางการเมือง ขอแค่เป็นเพียงแค่คนติดตามข่าวสารประจำวัน ก็คงมองออกแล้วว่า บทสรุปของ “ม็อบร้อยชื่อ” ที่ยกตัวเองว่าเป็น กลุ่มราษฎร จะมีปลายทางอย่างไร

ยิ่งเมื่อเกิดความรุนแรงขึ้นบริเวณฝั่งเมเจอร์ รัชโยธิน หน้าร้านร้านแมคโดนัลด์ หลังการทำกิจกรรมของกลุ่มผู้ชุมนุมซึ่งใช้สัญญลักษณ์ชูสามนิ้ว บริเวณหน้าธนาคารไทยพาณิชย์สำนักงานใหญ่ เมื่อคืนวันที่ 25 พ.ย. มีทั้งเสียงปืนและระเบิดดังขึ้น จนทำให้มีผู้บาดเจ็บ แต่ที่น่าจะกระทบกับภาพลักษณ์พวกปลดแอกมากที่สุดคือ เหตุการณ์กระทบกระทั่งในครั้งนั้น เกิดจากความขัดแย้งกันเองของพวกเดียวกันเอง

หลังเกิดร้าย พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษก ตร. พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. และ พล.ต.ต.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร รอง ผบช.น. ได้ออกมาร่วมแถลงข่าวกรณีเกิดเหตุยิงกัน โดยมีการแสดงชาร์ตเหตุการณ์และเปิดคลิปวิดีโอหลักฐานให้สื่อมวลชนดูด้วย 

ผบช.น. ชี้แจงว่า เหตุดังกล่าวมีผู้บาดเจ็บจากอาวุธปืน และจากการถูกทำร้าย 2 คน ทั้งสองรายอยู่ในพื้นที่การชุมนุม และทำหน้าที่เป็นการ์ดรักษาความปลอดภัยให้ผู้ชุมนุม สาเหตุเบื้องต้นเกิดจากความโกรธแค้นส่วนตัว

ด้าน “พล.ต.ต.จิรพัฒน์” กล่าวลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า เหตุเกิดช่วงเวลาประมาณ 22.00 น. ได้มีสื่อมวลชนทำการแถลงข่าวบริเวณหน้าอเวนิว ตรงข้ามเอสซีบี ระหว่างนั้นมีผู้ก่อเหตุเดินผ่านกล้อง 3 คน โดยทั้ง 3 คนมีการทะเลาะชกต่อยกันกับอีกกลุ่มที่อยู่ใกล้กัน

โดยคนที่สวมหมวกกันน็อกสีขาวได้ไปชกต่อยกับกลุ่มคนอีกกลุ่ม ทำให้เพื่อนที่อยู่ใกล้ราว 10 คนได้กรูเข้ามาทำร้าย จากนั้นคนที่สวมหมวกกันน็อกได้ขว้างวัตถุชนิดหนึ่งออกไป ทำให้เกิดเสียงและมีกลุ่มควัน ก่อนทั้ง 3 คนจะวิ่งหลบหนีออกไปทางแยกรัชโยธิน

ระหว่างนั้นกลุ่มที่ถูกชกต่อยก็วิ่งไล่ติดตามไป ห่างจากจุดปาวัตถุระเบิดประมาณ 50 เมตร มีผู้ชายสวมฮู้ดแขนยาวสีเข้ม นุ่งกางเกงสีอ่อนขาสั้น วิ่งนำข้างหน้าและใช้อาวุธปืนยิงออกมา 4 นัด โดยหันปืนมาทางกลุ่มที่วิ่งไล่ตาม คนที่ถูกยิงได้ล้มลง ส่วนคนที่ยิงได้วิ่งหลบหนี

แต่ถูกประชาชนช่วยจับไว้ได้ ส่วนอาวุธปืนพกลูกโม่ ยี่ห้อสมิธแอนด์เวสสันตกในที่เกิดเหตุ พบปลอกในรังเพลิง 4 นัด ยังไม่ได้ยิงอีก 1 นัด ตรงกับพยานในที่เกิดเหตุที่บอกว่าได้ยินเสียงปืนดัง 4 นัด

“ฝ่ายสืบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดเป็นที่เพียงพอ และขออนุมัติศาลออกหมายจับเรียบร้อย และตัวผู้ต้องหาอยู่ รพ. โดยนายภาสพงศ์ กุลอมรกานต์ ผู้ใช้อาวุธปืนยิง ศาลอาญาออกหมายจับในความผิดพยายามฆ่าผู้อื่น, มีอาวุธและเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต, พาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร ยืนยันว่าเหตุที่เกิดขึ้นไม่เกี่ยวกับเหตุยิงกันที่แยกเกียกกายแต่อย่างใด”

ขณะที่ “นายปกรณ์ พรชีวางกูร” หรือ “บุ๊ง” นักเคลื่อนไหวทางการเมืองเครือข่ายคนเสื้อแดง ซึ่งประกาศตัวเป็น “ท่อน้ำเลี้ยงม็อบ” และผู้สนับสนุนด้านสวัสดิการต่างๆ ออกแถลงการณ์ผ่านเฟซบุ๊กถึงการบริหารจัดการภายในม็อบ โดยยอมรับว่า การ์ดหลายๆ กลุ่มทะเลาะกันไม่ถูกกัน ในส่วนนี้ไม่มีใครอาสาจัดการ เราก็พยายามประสานรอยร้าวให้

แต่ที่แก้ไม่ได้เลยก็คือ การ์ดอาชีวะ ซึ่งไม่สามารถเข้าถึงความเป็นอาชีวะได้เลยแม้แต่นิดเดียว อาชีวะพอรวมตัวกันจะมีความยึดมั่นถือมั่นที่ตนพยายามจะเข้าใจแล้ว แต่ก็ไม่สำเร็จ

นั่นเท่ากับว่า ผู้ให้ทุนสนับสนุนม็อบชูสามนิ้ว ก็ยังออกมายอมรับ มีปัญหาความขัดแย้งภายในของเครือข่าย ที่เคลื่อนไหวเรียกร้องให้ 1.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 2.ต้องยกร่างรัฐธรรมนูญ (รธน.) ใหม่ 3.ต้องมีการปฎิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งทำหน้าที่ดูแลความปลอดภัยให้ผู้ชุมนุม 

อีกทั้งในสังคมออนไลน์ยังพบบคลิปเสียงปริศนา มีการแชร์คลิปวิดีโอซึ่งคาดว่าเป็นการ์ดคณะราษฎรพูดคุยกัน หลังเกิดเหตุการณ์ยิงปืนและปาระเบิดปิงปองจนมีผู้ได้รับบาดเจ็บ

โดยในคลิปความยาว 48 วินาที ที่มีการพูดคุยกันเช่นว่า “ผมเป็นคนเคลียร์ด้วย พอตอนที่มีปัญหากันระหว่าง 2 ฝ่าย”, “มีคนคนเดียวซึ่งพูดว่าเป็น มีนโปฯ”, “…ผมเก็บทุกอย่างแล้ว ..แต่ผมขออย่างเดียวอย่าให้สื่อรู้ ถ้าสื่อรู้เราเสียกันหมด”

นอกจากความรุนแรง  และความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในความเคลื่อนไหว “ม็อบชูสามนิ้ว” ก็ยังมีประเด็นเกี่ยวข้องกับเงินบริจาค และ “ท่อน้ำเลี้ยง” ที่นำใช้จ่ายกัน ระหว่างการทำกิจกรรมในรูปแบบต่างๆ อย่าลืมว่าไม่ว่าการเคลื่อนไหวของคนเสื้อสีไหนก็ตาม ย่อมต้องมีค่าใช้จ่าย ย่อมต้องมีการใช้เงิน จะมากหรือน้อยหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับแนวทางและการเคลื่อนไหว 

เช่นเดียวกับการเคลื่อนไหวของพวกปลดแอก หลังจากหลังจากเหตุการณ์ยิงกันเองในม็อบราษฎร บริเวณสำนักงานใหญ่ธนาคารไทยพาณิชย์ ในโลกโซเชียลก็มีการตั้งคำถามและติดแฮชแท็ก #แจงรายจ่ายม็อบด้วยจ้า

โดยตั้งคำถามและวิจารณ์ว่า เงินที่มีคนโอนเข้ามาบริจาคให้ม็อบนั้น บรรดาผู้ที่เกี่ยวข้องกับการดูแลเงินบริจาค หรือ “ท่อน้ำเลี้ยง” นำไปใช้จ่ายอะไรบ้าง พร้อมทั้งเรียกร้องให้แจกแจงรายละเอียดเพื่อให้เกิดความโปร่งใส รวมทั้งยังตั้งข้อสังเกตุ กรณีการจัดซื้อสิ่งของที่ไม่เป็นประโยชน์ เช่น ซื้อเป็ด ซื้อเอเลี่ยนยักษ์ราคาตัวละสองหมื่นห้า โชว์ในม็อบ แต่กลับไม่ซื้อเซฟตี้ให้การ์ด

อย่างไรก็ตามเมื่อพูดถึง “ท่อน้ำเลี้ยง” และการช่วยเหลือบรรดาพวกปลกแอกในรูปแบบต่าง ๆ เกือบทุกคนต่างก็รู้ว่า “ทราย เจริญปุระ” อดีตนักร้อง-นักแสดง ซึ่งมักไปโผล่ใน “วอยช์ทีวี” ที่มี “นายโอ๊ค” พานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาให้การสนับสนุนม็อบชูสามนิ้วอย่างเต็มที่ ร่วมทั้ง “เฮียบุ๊ง” ซึ่งแสดงจุดยืนต่อสาธารณชนมาตลอดว่า ให้การสนับม็อบชูสามนิ้ว

cr/ FB เยาวชนปลดแอก

อย่างไรก็ตาม “ทราย” ปฎิเสธที่จะชี้แจงเกี่ยวกับเรื่องเงินบริจาค อ้างว่าผู้บริจาคหลายคนไม่ประสงค์ที่จะเปิดเผยชื่อ ส่วนพร๊อพต่างๆ ที่ตอนนี้ใช้เป็ดยาง ซึ่งใช้เงินจัดซื้อมานั้น ก็ใช้เพื่อลดความรุนแรงในกรณีเกิดเหตุเจ้าหน้าที่สลาย เพราะว่าซื้อโล่ เสื้อเกราะไม่ได้ อีกทั้งยังเชื่อว่า ไม่ได้คิดว่าจะมีคนติดใจเรื่องใช้เงิน ที่โอนเข้ามาในบัญชีส่วนตัว

พร้อมทั้งยังยืนยันว่า ไม่อนุญาตให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบที่มา ถ้าแจงรายจ่าย ก็ต้องแจงที่มารายรับทั้งหมดด้วย และถ้าในที่สุด ถ้าต้องการให้ให้แจงบัญชีงานซัปต่อๆ ไปของม็อบ จะหานักบัญชีมาเปิด และให้เค้าจัดการไปเลย

เช่นเดียวกับ “เฮียบุ๊ง” ซึ่งออกมาโพสต์เฟซบุ๊กตอนหนึ่ง ระบุว่า…“ตอนนี้มีสินค้ามาฝากให้กุกับทราย Tie-in ในม็อบเยอะมากๆ แต่พวกกุก็เลือกเอาเฉพาะที่เป็นประโยชน์กับผู้ชุมนุมเท่านั้น แล้วก็พร็อพต่างๆ ในงานเมื่อวานที่เป็นดรามา ว่าพวกกุทำอะไรไร้สาระ กุจะบอกนะว่า ที่กุสั่งกันเข้ามา เช่น เป็ด หรือม้าโพนี่ ไม่ได้เพื่อเอามาวางสวยๆ ไว้ถ่ายรูป

แต่กุสั่งของพวกนี้เข้ามาก็เพราะว่ากุมองว่า หากเกิดการปะทะ มีการเขวี้ยงของและฉีดน้ำสารเคมีใส่ผู้ชุมนุม ทุกคนสามารถยกตุ๊กตาสูบลมพวกนี้มาบังหัว บังหน้าได้ การปะทะที่เกียกกาย มันก็ชัดแล้วว่าอุปกรณ์พวกนี้ใช้ได้จริง แต่เมื่อวานแกนนำมันแกง ซึ่งพวกกุก็ไม่รู้ว่าแผนเปลี่ยน แต่ของก็สั่งมาแล้วก็เป่าลมกันขำๆ วางไว้ให้คนถ่ายรูปเล่น

ส่วนดราม่า ให้แจงเรื่องเงิน…กุกับทราย ขอตอบเลยว่า…ไม่แจง และจะไม่แจงแม้แต่บาทเดียว กุจะเอาไปทำไรก็เรื่องของพวกกุ ใครมีปัญหาเรื่องนี้ นั่นคือเรื่องของมึง ไม่ใช่เรื่องของกุ”

​จริงก็เข้าใจได้ การเปิดเผยเรื่องรับรายจ่ายเรื่องจ่ายจากการทำกิจกรรม อาจกระทบกับภาพลักษณ์ “ม็อบราษฎร”  โดยเฉพาะบรรดาผู้สนับสนุนในรูปแบบต่างๆ  ยิ่งข้อเรียกร้องในการเคลื่อนไหวของเจ้าของสัญญลักษณ์ชูสามนิ้ว กระทบกับผู้กุมอำนาจรัฐเต็มๆ

แถมยังมีข้อเรียกร้องทะลุฟ้าทุเพดาน ซึ่งเกี่ยวข้องกับการปฎิรูปสถาบัน อาจทำให้บรรดาาผู้สนับสนุนปัจจัยด้านต่างๆ ยากที่จะเปิดเผยตัว ด้วยเกรงว่า จะมีปัญหาตามมาภายหลัง

แต่จะว่าไปถ้าแกะร่องรอยและเบื้องหลัง “ทราย” และ “ปกรณ์” แล้ว ก็เดาได้ไม่ยากว่า ใครเป็นท่อน้ำเลี้ยงตัวจริง เพียงแต่ว่าในแง่การกระทำผิดกฎหมาย อาจเป็นเรื่องของการตีความ แต่ในแง่ทางการเมือง ถ้าหากถูกเปิดโปง และมีหลักฐานแบบจับให้มั่นคั้นให้ตาย ย่อมสร้างความเสียหายจนคาดไม่ถึง ยิ่งบรรดาแกนนำผู้ชุมนุมเรียกร้อง ไม่ให้เกิดสภาพสองมาตรฐานในการบังคับใช้กฎหมาย  แต่พอเวลาเป็นเรื่องของพวกเดียวกันเอง กลับไม่ทำให้เกิดความโปร่งใส

ขณะที่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กำลังได้รับเสียงชื่นชมจากบรรดาพ่อค้า-แม่ค้า ในโครงการคนละครึ่ง ส่วนบรรดาม็อบชูสามนิ้วก็ดูเหมือน จะหลงไหลได้ปลื้มกับท่อน้ำเลี้ยง ซึ่งอาจจะเชื่อมโยงไปถึงผู้มากบารมีซึ่งเป็นเพศหญิง และนักเคลื่อนไหวชายคนดัง ที่มักเห็นภาพเชื่อมโยงกับกับทำกิจกรรมของพวกปลดแอกเกือบทุกครั้ง

หรือทั้งผู้กุมอำนาจรัฐและฝ่ายที่ต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในบ้านเมือง ต่างพึ่งพา “โครงการคนละครึ่ง” เช่นเดียวกัน ส่วนใครจะไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ เชื่อว่าอีกไม่นานคงได้รู้คำตอบ 

………………………………

​​​​​​​​​​คอลัมน์ : ล้วง-ลับ-ลึก

​​​​​​​​​โดย “แมวสีขาว”

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img