นายกฯ ลงพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ตรวจเยี่ยมประชาชนที่ได้รับผลกระทบน้ำท่วม พร้อมแจกข้าวกล่อง น้ำดื่ม และติดตามการช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 26 พ.ย. ที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เดินทางด้วยรถยกสูงของทหาร ตระเวนตรวจสอบพื้นที่ประสบอุทกภัย พร้อมแจกข้าวกล่องและน้ำดื่มให้กับประชาชน ตั้งแต่บริเวณสะพานโคกพระ ก่อนมุ่งหน้าต่อไปยังศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพภาคที่ 4 ส่วนหน้า (มณฑลทหารบกที่ 42) ค่ายเสนาณรงค์ อำเภอหาดใหญ่ เพื่อติดตามสถานการณ์และหารือแนวทางช่วยเหลือประชาชนร่วมกับแม่ทัพภาคที่ 4 และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสงขลา
เวลา 11.00 น. นายกรัฐมนตรีได้เดินทักทายประชาชนที่เข้าพักในศูนย์พักพิงชั่วคราว อาคารศูนย์กีฬามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ระหว่างนั้น น.ส.ณัฐฐารินทร์ เกษมสารพิพัฒน์ หรือ “เจ๊เอ๋” เจ้าแม่เงินกู้ และจิตอาสาที่มาบริจาคของให้ประชาชน ตะโกนทักทายและขอความช่วยเหลือ นายกฯ ตอบกลับด้วยรอยยิ้มว่า “ยังไหว” พร้อมอวยพรให้ผู้บริจาคเจริญรุ่งเรือง
จากนั้น นายกรัฐมนตรีตรวจเยี่ยมโรงครัวของกองทัพภาคที่ 4 ที่จัดอาหารแจกจ่ายให้ประชาชน พร้อมให้กำลังใจจิตอาสาที่เข้ามาช่วยเหลือ
ในการให้สัมภาษณ์ นายอนุทินกล่าวถึงข้อกังวลเรื่องการดำเนินงานล่าช้าว่า ขณะนี้มีประชาชนหลายหมื่นคนอยู่ในศูนย์พักพิงและศูนย์อพยพในหลายชุมชน ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาได้สั่งการและควบคุมการช่วยเหลือโดยตรง พร้อมยืนยันว่ามีงบประมาณและอำนาจตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อดำเนินการทันที โดยตนลงพื้นที่เพื่อสนับสนุนและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
สำหรับมาตรการเยียวยา นายอนุทินกล่าวว่า รัฐบาลทำเต็มที่และเมื่อกลับไปจะเรียกประชุมด่วนเพื่อออกมาตรการช่วยเหลือฟื้นฟู เนื่องจากความเสียหายจากน้ำท่วมมีจำนวนมาก ส่วนผู้ป่วยในโรงพยาบาล ขณะนี้ได้ทยอยลำเลียงผู้ป่วยไอซียูและผู้ที่ใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์ไปยังโรงพยาบาลสงขลานครินทร์และโรงพยาบาลสงขลา
เมื่อถามถึงกรณีประกาศไม่กลับจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย นายอนุทินกล่าวว่า จะทำทุกอย่างเพื่อบัญชาการร่วมกับผู้บัญชาการทหารสูงสุดในพื้นที่ และประสานกับศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินอุทกภัยที่ทำเนียบรัฐบาล
ทั้งนี้ สำหรับพื้นที่ที่อาจต้องอพยพเพิ่มเติม เช่น อำเภอละงู จังหวัดสตูล นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดดำเนินการเต็มที่ หากจังหวัดใดประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยก็จะได้รับงบประมาณช่วยเหลือทันที



















