“เปรียญสิบ” คิดว่าในรอบหลายปีมานี้คงไม่มีงานใดจัดยิ่งใหญ่ไปกว่างาน “สืบสานงานพ่อ ต่อยอดทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทย” ระหว่างวันที่ 2-4 กรกฎาคม 2568 ณ พุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม
งานนี้เกิดขึ้นต้องยกเครดิตให้กับ “พระพรหมบัณฑิต” ที่ระดมภาคีเครือข่ายของคณะสงฆ์ อย่างน้อย 8 เครือข่าย ประกอบด้วย
1.โครงการทุนระดับอุดมศึกษา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย
2.โครงการกองทุนศึกษาบาลี
3.โครงการอบรมพระนักเทศน์พระธรรมกถิกาจารย์
4.โครงการฝึกอบรมพระวิปัสสนาจารย์พระคณาจารย์ด้านกรรมฐาน
5.โครงการพระธรรมจาริก
6.โครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5
7.โครงการวัด ประชา รัฐ สร้างสุข
8.หน่วยอบรมประชาชนประจำตำบล อปต. จับมือกันมาร่วมจัดกิจกรรม
อันไม่นับสำนักพระราชวัง ทำเนียบองคมนตรี หน่วยงานภาครัฐ รวมทั้งบริษัทเอกชนอีกหลายแห่ง เช่น มูลนิธิสิริวัฒนภักดี และ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) เป็นต้น จับมือกันทำงาน
“เปรียญสิบ” คิดว่า “กองทุนเล่าเรียนหลวง” ก็เปรียบเสมือน “ทุนพระราชทาน” พระภิกษุสามเณรที่ได้รับ นอกจากจะต้องภาคภูมิใจในสิ่งที่ “พระคุณเจ้า” ได้รับจาก “พระมหากษัตริย์” แล้ว สิ่งหนึ่งที่พึงระลึกถึงเสมอคือ พึงนำความรู้ที่ได้มาจากทุนพระราชทาน บำเพ็ญประโยชน์เพื่อพระพุทธศาสนาและประเทศชาติ“เปรียญสิบ” เป็นคนหนึ่งที่มีปณิธานย้ำจิตใจตนเองอยู่เสมอว่า มีศรัทธามั่นคงในพระพุทธศาสนา มีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และบำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคมเท่าที่ความรู้ความสามารถพึงจะกระทำได้
“พระคุณเจ้า” ที่ได้รับทุน ไม่จำเป็นต้องมีปณิธานดังเช่น “เปรียญสิบ” เพียงแต่พึงรักษาพระธรรมวินัย ทำหน้าที่ต่างพระเนตร พระกรรณ ในการ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” ให้กับประชาชน แค่นี้ พระมหากษัตริย์ ที่เป็นที่เคารพรักของพวกเราก็..ทรงพอพระทัยแล้ว
“เปรียญสิบ” มองว่า “พระภิกษุ” กับ “ทหาร” มีหน้าที่เหมือนกันคือ พระภิกษุมีหน้าที่นอกจากบำเพ็ญตนเพื่อลดละกิเลสแล้ว สิ่งหนึ่งที่พึงกระทำคือ สั่งสอนประชาชนให้เป็นคนดีของประเทศชาติ และรู้รักสามัคคีภายในชุมชนและสังคม
ส่วน “ทหาร” มีหน้าที่ “ปกป้องชายแดน” ดูแลความมั่นคงให้กับประเทศชาติ รวมทั้ง ปกปักรักษาสถาบันหลักของชาติ
หรือพูดให้กระชับคือ “พระ” มีหน้าที่รักษาความสงบสุขภายใน ส่วน “ทหาร” เป็นรั้วของชาติ
“เปรียญสิบ” ย้อนกลับมาที่งานมหกรรม “กองทุนเล่าเรียนหลวง” เท่าที่ดูกำหนดการกิจกรรม ซึ่งเป็นครั้งแรกถือว่า ดีพอสมควรแล้ว ทั้งสถานที่จัดคือ “พุทธมณฑล” ทำให้ความเป็นศูนย์กลางพุทธศาสนาโลก มีชีวิตชีวา สมกับความเป็น “ศาสนสมบัติ” ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
ขอถวายกำลังใจให้กับพระคุณเจ้าและคณะทำงานทุกภาคีเครือข่าย มาถูกทางแล้ว!!
………………………………….
คอลัมน์ : ริ้วผ้าเหลือง
โดย… “เปรียญสิบ”: [email protected]
