“กรมการขนส่งทางบก” เตรียมเปิดขายซองประมูลโครงการศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าเชียงของพ.ค.นี้ คาดลงนามในสัญญาร่วมลงทุนได้เม.ย.
นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการดำเนินการคัดเลือกเอกชน (PPP) ตามขั้นตอนของพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 (พ.ร.บ.ร่วมทุน) โครงการศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าเชียงของ จังหวัดเชียงราย มูลค่าโครงการ 2,864 ล้านบาทว่า ล่าสุดคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 แห่ง พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ อยู่ระหว่างพิจารณาทบทวนและปรับปรุงเงื่อนไขร่างประกาศเชิญชวน, ร่างเอกสารสำหรับการคัดเลือกเอกชน และร่างสัญญาร่วมลงทุนของโครงการ
ทั้งนี้ เพื่อให้มีความน่าสนใจและสอดรับกับความต้องการของภาคเอกชน รวมถึงสอดคล้องกับสถานการณ์การขนส่งในปัจจุบัน เฉพาะในส่วนที่ไม่ขัดต่อมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยกรมฯ มีแผนออกประกาศเชิญชวน และขายเอกสารสำหรับการคัดเลือกเอกชน (RFP) ครั้งที่ 2 ภายในเดือนพฤษภาคม 2565 และจะสามารถลงนามในสัญญาร่วมลงทุนกับเอกชนที่ได้รับการคัดเลือกภายในเดือนเมษายน 2566
สำหรับโครงการศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าเชียงของ จังหวัดเชียงราย จะเป็นการร่วมลงทุนในรูปแบบ PPP Net Cost โดยภาครัฐเป็นผู้ลงทุนค่าที่ดิน และค่าก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน ขณะที่เอกชนเป็นผู้ลงทุนค่าอุปกรณ์ขนถ่ายสินค้า อุปกรณ์สำนักงานและส่วนประกอบและงานระบบที่เกี่ยวข้องกับการบริหารด้านการขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์และเป็นผู้รับผิดชอบในส่วนของการดำเนินงานและบำรุงรักษา (O&M) ทั้งหมด รวมทั้งเป็นผู้รับความเสี่ยงทางด้านรายได้และจ่ายค่าสัมปทานให้ภาครัฐตลอดระยะเวลา 15 ปี นับจากปีเปิดให้บริการ
นายจิรุตม์ กล่าวว่า 22 เม.ย.กรมฯได้ร่วมลงนามในข้อตกลงคุณธรรม (Integrity Pact) กับผู้สังเกตการณ์จากองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) เพื่อให้ผู้สังเกตการณ์สามารถเข้าร่วมสังเกตการณ์ในกระบวนการ PPP โครงการศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าเชียงของ จ.เชียงราย ช่วยเพิ่มความโปร่งใส เป็นธรรม และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในการดำเนินโครงการของภาครัฐ และเป็นไปตามมติ ครม.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ กรมฯได้เปิดจำหน่ายเอกสาร RFP โครงการศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าเชียงของฯ ครั้งแรกเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม-5 พฤศจิกายน 2564 แต่ไม่มีเอกชนสนใจเข้าซื้อเอกสาร เพราะช่วงเวลาดังกล่าวมีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รุนแรงส่งผลให้ด่านพรมแดนปิดอย่างไม่มีกำหนด ซึ่งจากสถานการณ์ดังกล่าวนอกจากไทยแล้วยังรวมถึงประเทศเพื่อนบ้าน เช่น สปป.ลาว และ จีน
