“เปรียญสิบ” เห็นผลสำรวจนิด้าโพล ที่ระบุว่า “คนศรัทธาพระน้อยลง” เข้าใจได้ว่ามันต้องเป็นเช่นนี้ ก็ได้แต่ “วิตกกังวล” ว่าจะหาทาง “ฟื้นฟู” กู้วิกฤติศรัทธาอย่างไรดี เพราะสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับ “สถาบันสงฆ์” ตอนนี้ ต้องยอมรับว่า มีแต่ “เซ” และ “ทรุด”
“เปรียญสิบ” ยังอุ่นใจหน่อยหนึ่งว่า ผลสำรวจระบุ แม้คนจะศรัทธาในพระภิกษุสงฆ์น้อยลง แต่ “ชาวพุทธ” ส่วนใหญ่ก็ยัง “มั่นคง” ในพระพุทธศาสนา
“เปรียญสิบ” หวังว่า “วิกฤติศรัทธา” ที่เกิดขึ้นตอนนี้ สถาบันสงฆ์เริ่มต้นจาก “มหาเถรสมาคม” ไม่ว่าจะเป็น “มหานิกาย-ธรรมยุต” ต้องร่วมมือร่วมใจรวมเป็น “หนึ่งเดียว” หาทาง กู้วิกฤติศรัทธาให้เกิดขึ้นจงได้
นอกจากหาทางสร้าง “มาตรการ” เกราะป้องกันมิให้เกิดขึ้นเยี่ยงอย่างแบบที่เกิดขึ้นแล้ว มันต้องอธิบายให้ “สังคม” พึงเข้าใจว่า ปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้น มิได้เกิดขึ้นจากคณะสงฆ์ส่วนใหญ่ มันเกิดขึ้น “เฉพาะตัวบุคคล”
พระพุทธศาสนายังเป็นที่พึ่งทางใจ พระภิกษุสงฆ์ยังเป็น “หลักชัย” ให้สังคมไทยได้อยู่เสมอ เรื่องแบบนี้ตั้งแต่ อดีต ปัจจุบัน หรือ อนาคต มันก็เกิดขึ้นแบบนี้ อันนี้คือ “สัจธรรม”
“เปรียญสิบ” พยายามพูดอยู่เสมอว่า โลกปัจจุบัน คน “แอนตี้” พระภิกษุสงฆ์จำนวนมาก เนื่องจากมองว่าเป็น “กลุ่มอภิสิทธิชน” คณะสงฆ์ตั้งแต่ “พระสมเด็จ” จนถึง “พระบวชใหม่” พึงพยามสร้าง “จิตสำนึก” ให้เกิดในใจอยู่เสมอว่าเราอยู่ได้ด้วย “พระวินัย” และ “ข้าวชาวบ้าน”
ความเป็นพระภิกษุสงฆ์ อยู่ได้มิใช่ “สมณศักดิ์” หรือตำแหน่ง “ทางปกครอง”
ยิ่งมีนักวิชาการบางคน คนรุ่นใหม่บางกลุ่มออกมา “วิพากษ์” มากขึ้น บางคนวิจารณ์วิพากษ์พระภิกษุบางรูปเป็น “กาฝากสังคม” หรือ “เลี้ยงเปลืองข้าวสุก” ด้วยซ้ำไป
ยิ่ง “สื่อโซเชียล” ขยายแนวคิดนี้ออกไปปากต่อปาก
สังคมคนเมืองซึ่ง “คนชั้นกลาง” กลุ่มคนพวกนี้เป็น “สังคมดัดจริต” เชื่อคนง่าย กล่อมเกลาง่าย มีศรัทธาไม่มั่นคง ยิ่งส่งผลกระทบต่อความศรัทธาที่มีต่อพระภิกษุสงฆ์
การเกิดข่าวฉาวของคณะสงฆ์คราวนี้ คณะสงฆ์จะเห็นว่า คณะสงฆ์ไม่มี “เกราะป้องกัน” ตัวเองเลย ยิ่ง “มวลชน” ที่จะอธิบายให้สังคมเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น “ริบหรี่” หวังจะพึ่งคณาจารย์จาก “มจร-มมร” พวกนี้ “รักษาตัวรอดเป็นยอดดี” ไม่กล้าออกตัว ติดอยู่ในระบบราชการ “พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง” นั่งยืนประจบสอพลอ “เจ้านาย” ได้ดีกว่า ออกมาสู้เพื่อ “ส่วนรวม”
เจ้านายบางคนบางรูป เนื่องจากมาจากชนชั้นไพร่ มาจากชนบทก็ติด “สันดาน” ประเภท “คางคกขึ้นวอ” ก็พึงพอใจแบบนี้!!
สถาบันสงฆ์ หวังพึ่ง “เปรียญลาพรต” มีแต่จำพวกเก่งแต่ใน “ไลน์กลุ่ม” หรือบางท่าน “กระทืบซ้ำ-เผาบ้าน” ตัวเองด้วยซ้ำไป เพราะ “เอาคืน” ตัวบุคคลที่เป็น “ชนชั้นอำนาจ” !
“สถาบันสงฆ์” เป็นสถาบันหลักหนึ่งของสังคมไทย เมื่อสถาบันสงฆ์ทรุด แน่นอนย่อมส่งผลถึง “สถาบันหลัก” ของชาติ จึงพยายามส่ง “สัญญาณ” ถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่เสมอว่าต้องช่วยกัน “ประคับประคอง” มิให้ถูกสถาบันสงฆ์ถูก “ด้อยค่า” หรือ “โหมกระแส” ทำให้สังคมปั่นป่วนวุ่นวาย
“เปรียญสิบ” ผ่านการเป็นสื่อมวลชนมาแล้ว 20 ปี ผ่านประสบการณ์พบเจอผู้คนพูดคุยตั้งแต่ นายกรัฐมนตรี-หัวหน้าคณะรัฐประหาร-ปลัดกระทรวง จนถึง “คนเก็บขยะ” โลกมันเป็นแบบนี้ “ยามมั่งมีมากมาย มิตรหมายมอง ยามมัวหมอง มิตรมองเหมือนหมูหมา”
ยามนี้ “คณะสงฆ์” พึงตั้งหลักดี ๆ ใช้สติให้มาก ใช้วัดที่มีอยู่กว่า 40,000 วัด ใช้โครงการขับเคลื่อนของคณะสงฆ์ที่เข้าถึงประชาชน ไม่ว่าจะเป็นโครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5 โครงการวัดประชารัฐสร้างสุข หรือหน่วยอบรมประชาชน เป็นช่องทาง “พีอาร์” อธิบายให้สังคมเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น และฟื้นฟูวิกฤติศรัทธาให้ได้!!
อย่างน้อย “วันพระ” นอกจากเทศน์ “หลักธรรม” แล้ว ต้องช่วยกันสอดแทรก “ปรากฎการณ์” สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ให้ได้
จะเห็นว่า “ข่าวฉาว” คราวนี้ “สังคม” ไม่ได้ “แฉเปิดแผล” หรือให้คน “จินตนาการ” แค่ พระหนุ่มเณรน้อยเท่านั้น ลามถึงพระภิกษุระดับ “พระสมเด็จ” หลายรูปก็ติดมีชื่อไปด้วย!!
กลายเป็น “ด้อยค่า” ส่งผลกระทบต่อ คณะสงฆ์ส่วนรวม ไปในตัวด้วย
มหาเถรสมาคม คณะสงฆ์ ไม่ร่วมมือร่วมใจกันป้องกันและแก้ไขหรืออธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นทางช่องทางกู้วิกฤติศรัทธาตอนนี้แล้ว..ก็ไม่รู้จะไปรอชาติไหน.??
………………………………….
คอลัมน์ : ริ้วผ้าเหลือง
โดย… “เปรียญสิบ”: [email protected]
