หน้าแรกCOLUMNISTSเรื่องวุ่นๆ!“โครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง” บทเรียนฝ่าคำครหา“ผลาญงบประมาณ”

เรื่องวุ่นๆ!“โครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง” บทเรียนฝ่าคำครหา“ผลาญงบประมาณ”

- Advertisement -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

ปัญหาความวุ่นวายของ โครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง ในครั้งนี้ ต้องยอมรับว่า มาจาก “ระบบ” ที่ไม่มีความพร้อม โดยเฉพาะ “ผู้พัฒนาระบบ” ที่ว่ากันว่า…มีประสบการณ์อย่างดี ร่วมพัฒนาระบบในโครงการของรัฐมาแล้วหลายโครงการ

แต่สุดท้าย!! ทั้งรัฐมนตรีผู้กำกับดูแลอย่าง “สรวงศ์ เทียนทอง” และผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยหรือททท. อย่าง “ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์” ต้องแอ่นอก ยอมรับ และ “ขอโทษประชาชนคนไทยทั้งประเทศ” จากปัญหาอุปสรรคความยุ่งยากของการลงทะเบียน

เหตุใหญ่ใจความของความวุ่นวาย มาจากเจตนาดีของ “ททท.” ที่ต้องการพัฒนาแอปพลิเคชันอะเมซิ่ง ไทยแลนด์ ให้เป็นของ “ททท.” เอง เพื่อจัดเก็บข้อมูลของนักท่องเที่ยวให้ได้มากที่สุด

ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็เพื่อนำข้อมูลทั้งหมดไปใช้เป็นกลยุทธ์สำคัญในการพัฒนางานของ “ททท.” ให้ดีที่สุดในระยะข้างหน้าที่ทุกอย่างกำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว

ไม่เพียงเท่านี้ การที่ต้องมีการเชื่อมต่อกับ แอป ThaiD ก็เพื่อป้องกันการกระทำที่ไม่ถูกต้อง หรือทุจริต เหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นกับโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” ที่พบว่าตั้งแต่เฟส 1-4 มีการฉ้อโกงกันมากถึง 1,500 กรณี คิดเป็นความเสียหายมากถึง 2,500 ล้านบาท

แต่!! ด้วยปัญหาและอุปสรรคในเรื่องของศักยภาพในการรองรับ “ทรานแซคชั่น-Transactuon” ที่แตกต่างกัน จึงทำให้ระบบไม่สามารถเชื่อมต่อเข้าหากันได้ จนต้องตัดระบบทิ้ง แล้วใช้วิธีการลงทะเบียนเข้าเว็บไซต์ “คนละครึ่ง” โดยตรงแทน

ตรงนี้…ปฎิเสธไม่ได้ว่า การทำระบบโดยไม่มีการทดสอบ ทดลอง แบบเสมือนจริง ในปริมาณการใช้งานที่แท้จริง ย่อมทำให้เกิดปัญหาไม่น้อยเช่นกัน หรือแม้กระทั่ง การถูกปิดกั้นจาก “กูเกิล-Google” เพราะเกรงว่าบรรดาแอคเคาท์ต่างๆ ที่เข้ามาลงทะเบียน จะกลายเป็น “สแปม-Spam” เนื่องจากเป็นปริมาณการเข้าใช้ที่มากเกินไปหรือ

จนสุดท้าย!! ต้องเจรจาข้ามทวีป เพื่อทำความเข้าใจกับ “กูเกิล-Google” ว่าเป็น “แอคเคาท์ (Account) จริง” เพื่อแก้ไขปัญหาการปล่อย “โอทีพี-OTP” ให้ยืนยันตัวตนโดยล่าสุดการันตีกันว่าภายใน 7 วัน ระบบจะดีขึ้นและเสถียรมากขึ้น

สารพันปัญหาที่เกิดขึ้นกับโครงการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” ครั้งนี้ ไม่ต้องว่ากันให้มากความ เอาเป็นว่า ทั้งไม่พร้อม ทั้งคาดไม่ถึง แม้ว่าจะเป็นเจตนาดีของคนทำงานก็ตาม

รวมไปถึงความพยายามในการเก็บข้อมูลของนักท่องเที่ยว ในฐานะที่เป็นผู้ดูแลเรื่องของนักท่องเที่ยวโดยตรง เพราะการใช้แอปพลิเคชันเดิม ที่เคยทำในโครงการ”เราเที่ยวด้วยกัน” นั้น ปรากกฎว่า ข้อมูลทั้งหมดกลับไปอยู่ที่ “สถาบันการเงิน” ที่เป็น “ผู้พัฒนาระบบ”

ส่วน “ททท.” ไม่สามารถมีฐานข้อมูลนักท่องเที่ยว ทั้งที่ควรจะมีได้ แถมยังมี “ช่องว่าง” ที่ทำให้เกิดการ “ทุจริต” กันเกิดขึ้น ดังนั้น…จึงเป็นความพยายามอย่างยิ่งยวดที่ต้องผลักดันให้เกิดการจัดเก็บข้อมูลให้ได้

เอาเป็นว่า…สารพันปัญหาที่เกิดขึ้น ก็กลายเป็นอีกหนึ่งบทเรียนสำคัญ ที่ผู้ที่เกี่ยวข้องต้องหยิบฉวยและนำไปแก้ไขปรับปรุง เพื่อให้ระบบสมบูรณ์ให้ได้มากที่สุดก็เท่านั้น

อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ การแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ก็สามารถลุล่วงไปได้ด้วยดี จนบรรดานักท่องเที่ยวต่างหลั่งไหลเข้าลงทะเบียนไปมากกว่า 1 ล้านคนไปแล้ว โดยเริ่มมีการจองสิทธิและได้ใช้สิทธิโดยการชำระเงินให้กับผู้ประกอบการไปแล้ว 12,384 สิทธิ

นั่นหมายความว่า…จากเป้าหมายที่กำหนดไว้ให้ 5 แสนสิทธิ โดยไม่จำกัดจำนวนคน โดยแต่ละคนจะได้รับคนละ 5 สิทธินั้น ยังมีเวลาที่จะเข้ามาลงทะเบียน เพราะตราบใดที่ไม่มีการจ่ายเงินให้กับผู้ประกอบการ ก็เท่ากับว่า สิทธิยังคงเหลืออยู่

โครงการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” รอบนี้ ผู้ที่ได้สิทธิจะได้รับส่วนลดค่าที่พักสูงสุด 50% สูงสุดไม่เกิน 3,000 บาท ต่อห้องหรือต่อคืน สูงสุด 5 ห้อง หรือ 5 คืน ใช้สิทธิในเมืองหลัก 3 สิทธิ และเมืองรอง 2 สิทธิ

สิทธิที่ 2 รับส่วนลดอาหาร ท่องเที่ยว/บริการอื่น ๆ 50% เมื่อเช็กอินเข้าพัก จึงจะได้รับคูปองเป็นรายวัน (หลัง 17.00 น.) ซึ่งต้องทำการเช็กอินด้วยตัวเองรายวันก่อน 16.00 น. คูปองสามารถใช้ได้ห่างจากที่พักไม่เกิน 100 กม. ซึ่งจะหมดอายุเวลา 23.59 น. ของวันที่เช็กเอาต์ และไม่สามารถใช้ในจังหวัดตามทะเบียนบ้านได้

ส่วนงบประมาณที่รัฐบาลสนับสนุนก็มาจากงบกระตุ้นเศรษฐกิจ โดย “ททท.” ได้รับวงเงินสำหรับโครงการนี้ 1,760 ล้านบาท โดยคาดหมายว่าจะสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้ 35,033 ล้านบาท

ไม่เพียงเท่านี้!! ยังสามารถจ้างงานได้มากกว่า 40,669 คน สร้างรายได้ทางภาษีให้กับรัฐบาลประมาณ 1,863 ล้านบาท

เอาเป็นว่า…บทเรียนที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ก็น่าจะเป็นบทเรียนครั้งสำคัญ ที่ไม่ใช่เพียงแค่ “ททท.” เท่านั้น ที่ต้องจำและป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก แต่หมายถึงทุกหน่วยงาน หากต้องทำโครงการที่เกี่ยวข้องกับคนทั้งประเทศ ระบบที่มีความพร้อม นั่นหมายความว่า…ต้องพร้อมจริงๆ

ไม่เช่นนั้น…บทเรียนก็จะแค่ผ่านมาแล้วผ่านไป เหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น เพราะหากเป็นเช่นนี้ ต่อให้พัฒนาการเท่าใดก็ไปไม่ถึงไหน สุดท้ายก็แค่เพียง…ผลาญงบประมาณ ก็เท่านั้น!!!

……………………………..

คอลัมน์ : EC Focus by Virgo

- Advertisement -spot_imgspot_img
RELATED ARTICLES
- Advertisment -spot_img
spot_img

Most Popular

spot_img
spot_img
- Advertisement -spot_imgspot_img
spot_img