“สมรภูมินิติสงคราม” พรรคระดับแถวหน้ามีโอกาสพลิกคว่ำพลิกหงายพอ ๆ กัน แต่ “ร้ายแรงสุด ๆ” ขอยกให้ “คดีใช้งบประมาณแผ่นดินขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 144” มีจังหวะ “กวาดใหญ่นักการเมืองเกือบทั้งกระดาน-เปลี่ยนขั้วอำนาจทางการเมืองกันอีกรอบ”
แต่ “พรรคเพื่อไทย” แกนนำรัฐบาลเตรียมรับมือเอาไว้ทุกหน้า ถึงกำชับให้ “สหายใหญ่-ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย รักษาราชการแทนนายกฯ จัดทัพ “โยกย้ายข้าราชการประจำฤดู” ทั้งในส่วนกระทรวงมหาดไทย และกำชับครม.ให้กระทรวงอื่นเร่งมือโยกย้าย ล่าสุด ครม.เคาะโยกย้ายใหญ่ไปอีกหนึ่งล็อต
พร้อมเตรียม “หารันเวย์ลง” เมื่อส่อเกิดอุบัติเหตุหรือส่อเกิดทางการเมือง หวังเปลี่ยนขั้วอำนาจทางการเมือง ป้องกันไม่ให้อำนาจหลุดมือไปง่าย ๆ จึงระดมกุนซือด้านกฎหมายพลิกตำราให้ความมั่นใจว่า “รักษาราชการแทนนายกฯ” มีอำนาจยุบสภาได้หรือไม่
แม้ในวงเสียงแตก แต่ปรมาจารย์ด้านกฎหมายแห่งยุค “อาจารย์วิษณุ เครืองาม” อดีตรองนายกฯ ด้านกฎหมายฟันธงเปรี้ยง “มีอำนาจยุบสภาได้ เคยทำมาในสมัยโบราณ”

จังหวะนี้แม้มั่นใจ “ได้พลังพิเศษ” เดินผ่านด่านได้หมด หากเกิดอะไรสะเทือนถึง “อำนาจที่ถืออยู่” รักษาราชการแทนนายกฯ เตรียมยุบสภา เพื่อเป็นรัฐบาลรักษาการต่อไป จนกว่าเลือกตั้งใหญ่จบและต้องรัฐบาลชุดใหม่เรียบร้อย อย่างน้อยนอนกอดอำนาจไว้ในมืออีก 6 เดือน ชิงความได้เปรียบทางการเมือง
สอดรับกับความเคลื่อนไหวของ “ผู้นำจิตวิญญาณ” แห่งพรรคเพื่อไทย “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯ โชว์ลีลาเก๋าการเมือง เบี่ยงประเด็นครองงำ ครอบครอง ขึ้นโพเดียมบรรยายพิเศษกลางงานดินเนอร์พรรคร่วมรัฐบาล
ปลุกใจพรรคร่วมรัฐบาลที่ตกอยู่ในสภาพเสียงปริ่มน้ำ สามารถบริหารจัดการได้ โดยย้อนให้เห็นในยุคที่เคยช่วยราชการ “ปรีดา พัฒนาถาบุตร” รมต.ประจำสำนักนายกฯและวิปรัฐบาล สมัยม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เป็นนายกฯ
เคยโชว์บทควบคุมสส.ให้โหวตกฎหมายสำคัญทุกรอบ ใช้แทคติกไล่ตามหัวหน้าพรรคร่วม “ทำบัญชีละไว้ในฐานที่เข้าใจ เพื่อให้สส.ได้อยู่ในสภา มั่นใจโหวตชนะ สามารถประคองรัฐบาลได้”
ขณะเดียวกันกำชับให้รัฐมนตรีของแต่ละพรรค รับผิดชอบดูแล สส.ให้อบอุ่น ป้องกัน “ถูกตีท้ายครัว” และกระตุ้นให้รัฐบาลเร่งปรับปรุงการบริหารราชการแผ่นดิน

ตบท้ายด้วยการจับมือพรรคร่วมรัฐบาลชุดนี้ เป็นทีมหลักฟอร์มรัฐบาลครั้งต่อไปล่วงหน้าหลังเลือกตัั้งจบ โดยไม่มี “พรรคประชาชน” และ “พรรคภูมิใจไทย” อยู่ในสมการแห่งอำนาจ
ทั้งหมดทั้งมวลด้วยสถานการณ์การเมืองที่สุกงอม เศรษฐกิจฟุบยากพลิกฟื้นชั่วข้ามคืน ผลงานของรัฐบาลยังไม่เข้าตากรรมการ แต่ “ทักษิณ” ส่งสัญญาณยุบสภาตั้งแต่หัววัน โดยเชื่อมั่นเมื่องบประมาณประจำปี 69 ผ่าน โยกย้ายประจำฤดูจัดทัพข้าราชการสะเด็ดน้ำ ล้างบ้างข้าราชการสายสีน้ำเงินให้สิ้นซาก ปั้นผลงานปราบปรามยาเสพติดเข้าเป้า พอมีกระแสเชียร์รัฐบาลบ้าง
“คดีฮั้ว สว.” เกี่ยวกับคดีฟอกเงินและคดีอั้งยี่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สรุปสำนวนส่งอัยการสูงสุดตั้งแท่นฟ้องศาล เป็น “บ่วงรัดคอคู่แข่งทางการเมือง”
“เพื่อไทย” ดึงจังหวะหักเล่ห์ชิงเหลี่ยม “ภูมิใจไทย” ก่อนที่ “คู่ต่อกร” ตั้งหลักได้มั่นคง โดยเตรียมชิงความได้เปรียบยุบสภา เซ็ตอำนาจการเมืองใหม่
…………………………….
คอลัมน์ : ไขกุญแจ-ไขแหลก
โดย #ราษฎรเต็มขั้น











