กระทรวงการคลัง แบงก์ชาติ และ คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้จับมือร่วมกันที่จะ “ล้อมคอกการซื้อขายทองคำ” ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ให้อยู่ในกรอบ เพื่อให้สามารถติดตาม “ร่องรอยการทำธุรกรรม” ได้
เป้าหมายสุดท้าย!! ก็เพื่อป้องกันไม่ให้ค่าเงินบาทแข็งค่ามากขึ้นไปอีก หลังที่ผ่านมาเงินบาททุบสถิติ แข็งค่ามากที่สุดในรอบ 4 ปีครึ่งกันเลยทีเดียว หรือแข็งค่ามากขึ้น 9.4%
แนวทางที่ทั้ง “3 หน่วยงานรัฐ” จะกำกับดูแล ก็มีทั้งการให้บรรดาผู้ค้าทองคำ ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ต้องส่งข้อมูลธุรกรรมการซื้อขายทองคำให้กรมสรรพากร เพื่อให้รู้มูลค่าการซื้อขายของธุรกรรมทองคำ
ขณะเดียวกัน ก็เตรียมที่จัดเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะ จากกิจการขายทองคำแท่งของร้านทองผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ตรงนี้!! ต้องรอดูว่า อัตราภาษีจะอยู่ที่เท่าใด
ตามปกติแล้ว… เรา ๆ ท่านๆ จะคุ้นเคยกับเรื่องของ “ภาษีธุรกิจเฉพาะ” ในอัตรา 3.3% ของราคาขาย หรือราคาประเมิน ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
แต่สำหรับ “ธุรกรรมซื้อขายทองคำ” ก็ต้องไปรอดูความเหมาะสม ที่ “กรมสรรพากร” จะพิจารณาดำเนินการออกมาว่า ควรอยู่ในอัตราที่เท่าใด
ส่วนมาตรการสุดท้ายก็คือ การแก้ไขกฎหมายให้อำนาจ “แบงก์ชาติ” สามารถกำกับปริมาณการทำธุรกรรมทองคำ ได้ เช่น การกำหนดเพดานวงเงินการซื้อขายในแพลตฟอร์มออนไลน์
โดยเฉพาะการซื้อ-ขายจำนวนมากในแต่ละครั้ง เป็นพันล้านบาท หรือการซื้อขายไปมาในจำนวน 100 ล้านบาท ในจำนวนหลาย ๆ ครั้งต่อวัน
รวมไปถึง ในอนาคตต้องมีการ จัดตั้งหน่วยงานขึ้นมาโดยเฉพาะ เพื่อกำกับดูแลธุรกรรมด้านทองคำโดยตรง เพราะต้องยอมรับว่า ทุกวันนี้ยังไม่มีหน่วยงานใดตรง ๆ ที่เข้ามากำกับดูแลธุรกรรมเกี่ยวกับทองคำ
ด้วยเหตุนี้… จึงทำให้เวลามีอะไรที่ผิดปกติ เกี่ยวกับการซื้อ-ขายทองคำ ก็ไม่มีหน่วยงานใดที่จะยื่นมือหรืออ้าแขนออกมาตรง ๆ เพื่อไปกำกับดูแล สุดท้ายผู้บริโภค ก็ต้องเสียเปรียบ เสียรู้ หมดเงิน หมดทอง จนหมดตัว
ในปี 68 การซื้อขายทองคำเฉลี่ยต่อวัน มีมากกว่า 65,937 ล้านบาท ซึ่งถือว่าสูงมากทีเดียว แถมยังสูงกว่าการซื้อขายหุ้นด้วยซ้ำไป โดยทุกวันนี้มูลค่าการซื้อขายหุ้นก็ต่ำเตี้ยเรี่ยดินเแลี่ยไม่กี่หมื่นล้านบาท จากที่เคยรุ่ง ๆ พุ่งไป 5-6 หมื่นล้านบาททีเดียว
ไม่เพียงเท่านี้ยังพบว่า การซื้อขายทองคำได้ทำสถิติสูงถึง 255,566 ล้านบาท ขณะที่รายได้ของผู้ค้าทองคำ 15 รายใหญ่ ก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จาก 17% ของจีดีพี ในปี 63 คาดว่าจะเพิ่มเกิน 50% ของจีดีพี ในปี 68 ด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการซื้อขายรายย่อยจะไม่กระทบแน่นอน โดยเฉพาะผู้ซื้อขายทองคำที่ส่งมอบจริง หรือผู้ประกอบธุรกิจเครื่องประดับ หรือร้านค้าที่มีการซื้อขายทองจริง
มีการคาดการณ์กันว่า มาตรการการกำกับดูแล โดยกำหนดเพดานการซื้อขายทองคำนั้น อาจมีการเริ่มบังคับใช้ภายในต้นเดือน ม.ค.69
ขณะเดียวกันในส่วนของ “แบงก์ชาติ” เอง ก็เตรียมออกมาตรการเสริมมาดูแลการเคลื่อนย้ายเงินทุนเพิ่มเติมด้วย โดยเฉพาะเงินไหลเข้าประเทศที่มีจำนวนมาก ๆ
งานนี้!! “แบงก์ชาติ” กำหนดให้ต้องแจ้งปริมาณที่มาของเงิน วัตถุประสงค์ของการนำเงินไปใช้ ให้ชัดเจน จากเดิมที่เคยเปิดให้มีการนำเข้าได้โดยอิสระเสรี
สารพัดแนวทางที่ออกมาในครั้งนี้ ภาครัฐเชื่อว่า มาตรการทั้งหมด จะช่วยชะลอธุรกรรมการซื้อขายทองคำ ที่เป็นต้นเหตุให้ “เงินบาทแข็งค่าขึ้น” ได้
เอาเป็นว่า…ทั้งหลายทั้งปวง ก็ต้องมารอดูว่ามาตรการที่ทั้ง “3 หน่วยงาน” ได้รังสรรค์ออกมาครั้งนี้ จะเป็นผลได้แค่ไหน ต้องรอดู!!
…………….
คอลัมน์ : EC Focus by Virgo



















