Expand Energy Availability Without Increasing Emissions
“….ประเทศไทยกำลังมุ่งดำเนินการเปลี่ยนผ่านพลังงานอย่างจริงจัง โดยตั้งเป้าที่จะบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายในปี 2593 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์สุทธิ ภายในปี 2608 .. ….”
เพื่อขยายความพร้อมใช้ของพลังงาน Expanding Energy Availability สำหรับความต้องการบริโภคในอนาคต Consumption Demand Future ขณะเดียวกันก็ขจัด หรือลดการปล่อยมลพิษให้เหลือน้อยที่สุด Minimizing or Eliminating Emissions นั้น ระบบเศรษฐกิจ และสังคมของมนุษยชาติ Economic & Social Systems of Humanity จำเป็นต้องถูกเปลี่ยนมาใช้แหล่งพลังงานหมุนเวียน Shift Towards Renewable Energy Sources เป็นหลัก และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน Increased Energy Efficiency โดยเปลี่ยนออกไปจากเชื้อเพลิงฟอสซิล Transitioning Away from Fossil Fuels ไปเป็นพลังงานแสงอาทิตย์ Solar Energy, พลังงานลม Wind Energy, พลังงานน้ำ Hydropower, พลังงานมหาสมุทร Ocean Energy และพลังงานความร้อนใต้พิภพ Geothermal Power
รวมทั้งพลังงานไฮโดรเจน Hydrogen Energy และพลังงานชีวภาพพร้อมระบบดักจับ และจัดเก็บคาร์บอน Bioenergy with Carbon Capture & Storage: BECCS ควบคู่ไปกับการนำเทคโนโลยี และแนวทางการประหยัดพลังงานมาใช้ Energy – Saving Technologies & Practices โดยให้เป็นไปตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน Sustainable Development Goal: SDG ข้อที่ 7 ของสหประชาชาติ United Nations: UN ได้แก่ การประกันการเข้าถึงพลังงานสะอาด และราคาไม่แพง Ensure Access to Affordable & Clean Energy ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญต่อชีวิต รวมถึงการดูแลสุขภาพ การศึกษา การขนส่ง การสื่อสาร ธุรกิจ และเกษตรกรรม .. ขณะที่พลังงานนิวเคลียร์ Nuclear Energy ซึ่งมีปริมาณคาร์บอนต่ำ Low Carbon Footprint และเชื่อถือได้สูง High Reliability สามารถแสดงบทบาทสำคัญมาพร้อมด้วยได้เช่นกัน ..

ในการนี้ ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก สามารถกำหนดนโยบายภาครัฐ โดยใช้กลยุทธ์ต่าง ๆ รวมถึงการเร่งผลักดันให้การใช้พลังงานหมุนเวียนเพิ่มขึ้นอีก Increased Use of Renewable Energy และเปลี่ยนภาคส่วนที่เคยพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลให้ไปเป็นการใช้กำลังไฟฟ้า Electrification of Sectors Previously Reliant on Fossil Fuels ผนวกรวมกับการนำมาตรการอนุรักษ์พลังงานมาใช้ Implementing Energy Conservation Measures อย่างจริงจังนั่นเอง ..
อย่างไรก็ตาม รายละเอียดเพิ่มเติมอีกมากที่เกี่ยวข้องกับการขยายความพร้อมการใช้พลังงานสำหรับอนาคตโดยลดการปล่อยมลพิษมาพร้อมด้วย Energy Availability Upgrade with Decreasing Emissions นั้น สรุปเป็น 5 ประเด็นสำคัญได้ ดังนี้ :-
1. การประยุกต์ใช้แหล่งพลังงานหมุนเวียน Use of Renewable Energy Sources เป็นแหล่งพลังงานหลัก Main Energy Sources ได้แก่ :-
– พลังงานแสงอาทิตย์ Solar Energy : การใช้พลังงานแสงอาทิตย์ Harnessing the Sun’s Energy ผ่านแผงโซลาร์เซลล์ Photovoltaic: PV Panels และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบรวมแสงเข้มข้น Concentrated Solar Power: CSP Plants คือ แหล่งพลังงานที่สะอาด และอุดมสมบูรณ์ Clean & Abundant Energy Source ..
– พลังงานลม Wind Energy : กังหันลมแปลงพลังงานลมเป็นกำลังไฟฟ้า Wind Turbines Convert Wind Energy into Electricity โดยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี Advancements in Technology ในปัจจุบัน ทำให้มีประสิทธิภาพ และคุ้มทุน Increasingly Efficient & Cost – Effective มากขึ้น ..
– พลังงานน้ำ Hydropower : เขื่อน และโรงไฟฟ้าพลังน้ำ Dams & Hydroelectric Facilities ผลิตกำลังไฟฟ้าจากน้ำที่ไหล Generate Electricity from Flowing Water แม้ว่าอาจมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอยู่บ้างซึ่งจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบก็ตาม แต่พวกมัน สามารถสร้างประโยชน์อย่างมากมายต่อชุมชนเกษตรกรรมในท้องถิ่นมาพร้อมด้วย ..
– พลังงานชีวภาพพร้อมระบบดักจับ และกักเก็บคาร์บอน Bioenergy with Carbon Capture & Storage: BECCS : หมายถึงการผสมผสานการใช้พลังงานชีวภาพ Bioenergy หรือพลังงานชีวมวล Biomass Energy ร่วมกับระบบดักจับ และกักเก็บคาร์บอน Carbon Capture & Storage: CCS เพื่อตอบสนองความต้องการพลังงาน และลดปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ Carbon Dioxide: CO2 ในบรรยากาศไปพร้อมด้วย โดยการดักจับคาร์บอนที่เกิดจากการเผาไหม้ชีวมวล และนำไปใช้ประโยชน์ หรือกักเก็บใต้ดิน แทนที่จะปล่อยคายสู่ชั้นบรรยากาศ ..
– ความร้อนใต้พิภพ Geothermal : การใช้ความร้อนภายในโลก Utilizing the Earth’s Internal Heat เพื่อผลิตกำลังไฟฟ้า Produce Electricity และเพื่อจุดประสงค์ในการทำความร้อน และทำความเย็น Heating/Cooling Purposes คือ อีกทางเลือกหนึ่งที่สำคัญซึ่งเป็นแหล่งพลังงานไร้ขีดจำกัด Unlimited Energy Source และปลอดการปล่อยมลพิษ Emission – Free Option ..
– พลังงานมหาสมุทร Ocean Energy : พลังงานจากมหาสมุทร Ocean Energy หรือที่เรียกอีกอย่างว่า พลังงานทางทะเล Marine Energy หมายถึง พลังงานหมุนเวียนที่ได้จากทรัพยากรในมหาสมุทร Renewable Energy Derived from the Ocean’s Resources เช่น คลื่น Waves, น้ำขึ้นน้ำลง Tides และความแตกต่างของอุณหภูมิ Temperature Differences .. แหล่งพลังงานเหล่านี้ สามารถแปลงเป็นพลังงานไฟฟ้าได้โดยใช้หลากหลายเทคโนโลยี ซึ่งเป็นทางเลือกที่ยั่งยืนแทนเชื้อเพลิงฟอสซิล Sustainable Alternative to Fossil Fuels ..

2. พลังงานนิวเคลียร์ Nuclear Energy :-
– โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ Nuclear Power Plants ผลิตกำลังไฟฟ้าผ่านปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิชชั่น และฟิวชั่น Nuclear Fission & Fusion ซึ่งก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจกน้อยที่สุดระหว่างการดำเนินการ ..
– พลังงานนิวเคลียร์ Nuclear Energy สามารถเป็นแหล่งพลังงานที่เชื่อถือได้ Reliable และใช้พื้นที่น้อย Low – Land Use Energy Source ซึ่งช่วยลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลได้อย่างมาก Significantly to Reducing Reliance on Fossil Fuels ..
3. การเพิ่มประสิทธิภาพ และการอนุรักษ์พลังงาน Energy Efficiency and Conservation :-
– เทคโนโลยีประสิทธิภาพพลังงาน Energy – Efficient Technologies : การนำเทคโนโลยีต่าง ๆ เช่น หลอดไฟ LED, สมาร์ทกริด Smart Grids และเครื่องใช้ไฟฟ้าประหยัดพลังงาน Energy – Efficient Appliances มาใช้นั้น สามารถลดการใช้พลังงานโดยรวมได้อย่างมาก Significantly Reduce Overall Energy Consumption ..
– แนวทางการประหยัดพลังงาน Energy – Saving Practices : การส่งเสริมพฤติกรรมต่าง ๆ เช่น การใช้ระบบขนส่งสาธารณะ Using Public Transport, การลดขยะ Reducing Waste และการประหยัดพลังงานที่บ้าน และที่ทำงาน Conserving Energy at Home & in Workplaces สามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ ..
– สมาร์ทกริด Smart Grids : การปรับปรุงโครงข่ายระบบสายส่งกำลังไฟฟ้าให้ทันสมัย Modernizing the Electricity Grids เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการส่งจ่ายพลังงาน และลดการสูญเสียพลังงานให้เหลือน้อยที่สุดจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานโดยรวมได้ ..
4. การวิจัย และพัฒนา Research & Development :-
– การลงทุนในการวิจัย และพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ Investing in Research & Development of New Technologies เช่น เทคโนโลยีไฮโดรเจนหมุนเวียน Renewable Hydrogen: H2 Technologies รวมทั้งเทคโนโลยีการดักจับ ใช้ประโยชน์ และจัดเก็บคาร์บอน Carbon Capture, Utilization & Storage Technologies เป็นต้นนั้น มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสำหรับอนาคต Future Emission Reduction จากนี้ไป ..
– การสำรวจแหล่งพลังงานทางเลือก Exploring Alternative Energy Sources และเพิ่มประสิทธิภาพแหล่งพลังงานที่มีอยู่ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี Optimizing Existing Ones Through Technological Advancements สามารถช่วยให้มนุษยชาติเดินหน้าไปสู่อนาคตด้านพลังงานที่ยั่งยืนยิ่งขึ้นได้ More Sustainable Energy Future ..
5. นโยบาย และความร่วมมือ Policy & Collaboration :-
– นโยบายของรัฐบาล Government Policies ของแต่ละประเทศที่กระตุ้นให้เกิดการพัฒนาพลังงานหมุนเวียน Renewable Energy Development, ส่งเสริมประสิทธิภาพการใช้พลังงาน Promote Energy Efficiency และลดเลิกการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล Reduce & Eliminate Fossil Fuels Usage ถือเป็นสิ่งสำคัญ ..

– ความร่วมมือ และการทำงานร่วมกันระหว่างประเทศ International Cooperation & Collaboration มีความสำคัญต่อการแบ่งปันความรู้ ทรัพยากร และแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุด Sharing Knowledge, Resources & Best Practices ในการเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบพลังงานคาร์บอนต่ำ Transitioning to a Low – Carbon Energy System ..
– การลงทุนทางการเงินในเทคโนโลยี และโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานสะอาด Financial Investments in Clean Energy Technologies & Infrastructures คือ สิ่งจำเป็นในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านพลังงาน Necessity for Drive the Energy Transition ..
ทั้งนี้ เชื่อมั่นได้ว่า การนำกลยุทธ์เหล่านี้มาผสมผสานกัน Implementing a Combination of These Strategies จะทำให้สามารถขยายความพร้อมของการใช้งานพลังงาน Expand Energy Availability ให้เพิ่มขึ้นได้ ขณะเดียวกันก็จะสามารถลด หรือขจัดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลได้อย่างมีนัยสำคัญ Significantly Reducing or Even Eliminating Reliance on Fossil Fuels และลดการปล่อยคายก๊าซเรือนกระจกที่เกี่ยวข้องลงได้เป็นอย่างมาก Significantly Reducing Greenhouse Gas Emissions มาพร้อมด้วยสำหรับอนาคตที่คาดหวัง Expected Future ให้สำเร็จได้จากนี้ไป ..
ความต้องการบริโภคพลังงานสะอาด Demand for Clean Energy Consumption และการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ในอนาคต Reduction Emission CO2 in the Future ..
คาดหมายได้ว่า ความต้องการพลังงานในอนาคต Future Energy Demand จะเพิ่มขึ้นทั่วโลก ซึ่งขับเคลื่อนโดยการเติบโตของประชากร Population Growth, การพัฒนาเศรษฐกิจ Economic Development และการเปลี่ยนมาใช้ไฟฟ้าในภาคส่วนต่าง ๆ Electrification of Various Sectors เช่น การขนส่ง และความร้อน Transportation & Heating เป็นต้น .. การเติบโตของความต้องการนี้ คาดว่าจะแข็งแกร่งเป็นพิเศษในประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ Emerging Economies โดยประเทศเศรษฐกิจขั้นสูง Advanced Economies ก็จะเห็นการเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน เนื่องมาจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น ศูนย์ข้อมูล Data Centers และการเปลี่ยนมาใช้ไฟฟ้าในการทำความร้อน และการขนส่ง Electrification of Heating & Transportation .. แหล่งปล่อยมลพิษต่ำ Low – Emissions Sources โดยเฉพาะพลังงานหมุนเวียน Renewables คาดว่าจะตอบสนองความต้องการใหม่ที่เพิ่มขึ้นนี้ส่วนใหญ่ได้ ..
ทั้งนี้ การบริโภคพลังงานสะอาด Clean Energy Consumption มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเพื่อตอบสนองความต้องการพลังงานทั่วโลกในอนาคต Future Global Energy Demand โดยพลังงานหมุนเวียน Renewables มีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงนี้ .. พลังงานหมุนเวียน Renewables เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ Solar Energy, พลังงานลม Wind Energy และพลังงานน้ำ Hydropower คาดว่าจะคิดเป็นส่วนใหญ่ของการเพิ่มขึ้นของการผลิตกำลังไฟฟ้า Majority of the Increase in Electricity Generation ซึ่งอาจแซงหน้าเชื้อเพลิงฟอสซิล Potentially Surpassing Fossil Fuels ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า .. การเปลี่ยนแปลงนี้ ขับเคลื่อนโดยต้นทุนที่ลดลงของเทคโนโลยีพลังงานหมุนเวียน Declining Costs of Renewable Technologies, นโยบายสนับสนุน Supportive Policies และการใช้กำลังไฟฟ้าที่ขยายตัวในภาคส่วนต่าง ๆ Expanding Use of Electricity in Various Sectors ..
รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวโน้มต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับความต้องการสำหรับอนาคตการใช้พลังงานสะอาด Future Demand for Clean Energy Consumption ประกอบไปด้วย :-
– การเติบโตของพลังงานหมุนเวียน Growth in Renewable Energy : ข้อมูลของสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ International Energy Agency: IEA ชี้ว่า พลังงานหมุนเวียน กำลังขึ้นแซงหน้าเชื้อเพลิงฟอสซิล Renewables Outpacing Fossil Fuels โดยคาดว่า การบริโภคพลังงานหมุนเวียน Renewable Energy Consumption เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยการเติบโตส่วนใหญ่มาจากการผลิตกำลังไฟฟ้า Electricity Generation ..
– พลังงานแสงอาทิตย์ และลม เป็นตัวนำ Solar & Wind Energy Leading the Way : กำลังไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และกำลังไฟฟ้าพลังงานลม Solar & Wind Power คือ ตัวขับเคลื่อนหลักของการเติบโตนี้ โดยคาดหมายได้ว่า พลังงานแสงอาทิตย์ Solar Energy กำลังจะกลายเป็นแหล่งพลังงานหมุนเวียนที่ใหญ่ที่สุด Largest Renewable Energy Source ภายในปี 2572 ..
– การตอบสนองความต้องการกำลังไฟฟ้า Meeting Electricity Demand : คาดหมายได้เช่นกันว่า พลังงานหมุนเวียน Renewables จะสามารถตอบสนองความต้องการกำลังไฟฟ้าทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นในสัดส่วนที่มาก โดยมีการคาดการณ์บางส่วนที่แสดงให้เห็นว่า พลังงานหมุนเวียน Renewables สามารถตอบสนองความต้องการใหม่เกือบทั้งหมดได้ Meeting Nearly All the New Demand ..
– เชื้อเพลิงหมุนเวียนนอกเหนือจากกำลังไฟฟ้า Renewable Fuels Beyond Electricity : เชื้อเพลิงหมุนเวียน Renewable Fuels เช่น พลังงานชีวภาพ Bioenergy และไฮโดรเจน Hydrogen: H2 ได้รับการคาดหมายว่า พวกมันจะมีส่วนสนับสนุนการเติบโตของความต้องการการบริโภคพลังงานหมุนเวียน Growth in Renewable Energy Consumption Demand โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคส่วนที่ไม่เอื้อต่อการใช้กำลังไฟฟ้ามาพร้อมด้วย ..
– การลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล Fossil Fuel Reduction : การเลิกใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล Shift away from Fossil Fuels กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า .. เมื่อแหล่งพลังงานสะอาดขยายตัว การใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล โดยเฉพาะถ่านหินในการผลิตกำลังไฟฟ้า ก็จะลดลงตามไปด้วย .. การเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานหมุนเวียน Transition to Renewable Energy, การลงทุน และการใช้แหล่งพลังงานทดแทนจากแสงอาทิตย์ พลังงานลม พลังงานความร้อนใต้พิภพ และพลังงานหมุนเวียนอื่น ๆ Investments in and Deployment of Solar, Wind, Geothermal & Other Renewable Energy Sources ถือเป็นสิ่งสำคัญในการทดแทนเชื้อเพลิงฟอสซิล Replace Fossil Fuels ในการผลิตกำลังไฟฟ้า Power generation, การขนส่ง Transportation และภาคส่วนอื่น ๆ Other Sectors ..
– การปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงาน Energy Efficiency Improvements : การลดความต้องการพลังงานผ่านมาตรการต่าง ๆ เช่น การปรับปรุงฉนวน Improved Insulation, เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น More Efficient Appliances และทางเลือกในการขนส่งที่ยั่งยืน Sustainable Transportation Options สามารถลดความต้องการเชื้อเพลิงฟอสซิลได้อย่างมาก Significantly Lower the Need for Fossil Fuels ..
– กลไกด้านนโยบาย และการเงิน Policy & Financial Mechanisms : นโยบายภาครัฐของแต่ละประเทศ มีบทบาทสำคัญผ่านนโยบายต่าง ๆ เช่น การกำหนดราคาคาร์บอน Carbon Pricing, กฎระเบียบ Regulations และแรงจูงใจ Incentives เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านออกไปจากเชื้อเพลิงฟอสซิล Transition Away from Fossil Fuels ..
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยสำคัญหลักที่ผลักดันการเปลี่ยนผ่าน Key Factors Driving the Transition ได้แก่ การสนับสนุนเชิงนโยบาย และกฎระเบียบภาครัฐ ซึ่งถือว่ามีความสำคัญยิ่งต่อการผลักดันการนำพลังงานหมุนเวียนมาใช้ Adoption of Renewable Energy และการยกเลิกการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล Phasing Out Fossil Fuels .. ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี Technology Advancements และต้นทุนที่ลดลง Declining Costs ทำให้ได้มาซึ่งความสามารถในการแข่งขันมากขึ้น More Competitive ส่งผลให้การใช้กำลังไฟฟ้าเพิ่มขึ้นในการขนส่ง และทำความร้อน Electrification of Transportation & Heating ควบคู่ไปกับการขยายศูนย์ข้อมูล Expansion of Data Centers ซึ่งทั้งหมดนี้ ผลักดันให้ความต้องการกำลังไฟฟ้าสะอาด Demand for Clean Electricity เพิ่มมากขึ้นตามมาด้วย ..
ทั้งนี้ แนวโน้มในอนาคตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม Potential for a Green Future นั้น คาดว่าแหล่งพลังงานสะอาดจะไม่เพียงแต่ตอบสนองความต้องการกำลังไฟฟ้าในอนาคตเท่านั้น แต่ยังสนับสนุนระบบพลังงานที่ยั่งยืน และปลอดภัยยิ่งขึ้นไปพร้อมด้วย .. การลงทุนอย่างมากในโครงสร้างพื้นฐานพลังงานหมุนเวียน Significant Investments in Renewable Energy Infrastructure รวมถึงโครงสร้างระบบสายส่งกำลังไฟฟ้า Transmission Lines คือ ความจำเป็นที่ขาดไม่ได้ เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบพลังงานสะอาด Support the Energy รวมถึงการสร้างอุตสาหกรรมใหม่ Create New Industries, ตำแหน่งงาน Jobs ในระบบเศรษฐกิจ และสังคมของมนุษยชาติ และสิ่งแวดล้อมที่มีสุขภาพดีขึ้น Healthier Environment ให้บรรลุความสำเร็จได้ในที่สุด ..
สำหรับในประเด็นความต้องการการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ Demand on Reduction Emission Carbon Dioxide: CO2 ในอนาคตนั้น เพื่อจำกัดภาวะโลกร้อนให้ไม่เกินจุดเล็งที่ 1.5°C โลกจำเป็นต้องกำจัด CO2 ออกไปอย่างน้อย อยู่ที่ประมาณ 7 – 9 พันล้านตันต่อปี ภายในกลางศตวรรษนี้ .. ขณะที่การปล่อยคาย CO2 สู่ชั้นบรรยากาศปัจจุบันทั่วโลก อยู่ที่ประมาณ 35 – 41 พันล้านตันต่อปี และเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย 1.5°C การปล่อย CO2 จะต้องถึงจุดสูงสุดก่อนสิ้นปี 2568 และต้องให้การปล่อยคาย CO2 ลดลง 43 % ภายในปี 2573 โดยการปล่อย CO2 จากกิจกรรมของมนุษยชาติ จะต้องให้เป็นศูนย์สุทธิ Net – Zero Emissions อย่างน้อยภายในประมาณปี 2593 ..
ทั้งนี้ ข้อมูลของสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ International Energy Agency: IEA ชี้ว่า การปล่อยคาย CO2 ในปัจจุบันที่เกี่ยวข้องกับพลังงานทั่วโลก อยู่ที่ประมาณ 35.7 พันล้านตันต่อปี การคาดการณ์แสดงให้เห็นว่า การปล่อยคาย CO2 จะเพิ่มขึ้นเป็น 41.0 พันล้านตันต่อปี ภายในปี 2593 .. ดังนั้น ความต้องการการลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ Demand on Reduction Emission Carbon Dioxide: CO2 ในอนาคตที่จำเป็นนั้น เพื่อให้โลกร้อนขึ้น ไม่เกินจุดเล็งที่ 2oC จำเป็นต้องลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงให้ได้อย่างน้อย 15,000 ล้านตันต่อปี และเพื่อมิให้โลกร้อนขึ้นเกินจุดเล็งที่ 1.5oC จำเป็นต้องลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ CO2 ลงให้ได้อย่างน้อย 36,900 ล้านตันต่อปี ..

ข้อมูลที่ใกล้เคียงกันจากรายงาน “The State of Carbon Dioxide Removal: CDR” ประมาณการไว้ชัดเจนว่า ด้วยเทคนิคการกำจัดคาร์บอนไดออกไซด์ Carbon Dioxide Removal: CDR นั้น มนุษยชาติจะต้องใช้พวกมันแทรกแซงธรรมชาติโดยเจตนาด้วยการกระชากคาร์บอนไดออกไซด์ CO2 ออกไปจากชั้นบรรยากาศ ให้ได้อย่างน้อย อยู่ที่ 7 – 9,000 ล้านตันต่อปี ภายในกลางศตวรรษนี้ คือ ความจำเป็นสำคัญยิ่งยวดที่ขาดไม่ได้ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายอุณหภูมิโลกที่เพิ่มขึ้นไม่เกินจุดเล็ง อยู่ที่ 1.5°C ..
อย่างไรก็ตาม โดยสรุปในภาพรวมนั้น การประยุกต์ใช้แหล่งพลังงานหมุนเวียน Use of Renewable Energy Sources เป็นแหล่งพลังงานหลัก Main Energy Sources และเทคโนโลยีการดักจับ ใช้ประโยชน์ และการจัดเก็บคาร์บอน Carbon Capture, Utilization & Storage: CCUS Technologies คือ กลยุทธ์ที่เป็นข้อไขหลัก .. การบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์สุทธิ Achieving Net Zero Target เพื่อจำกัดภาวะโลกร้อนมิให้เกินจุดเล็ง อยู่ที่ 1.5°C นั้น ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจะต้องถึงจุดสูงสุดก่อนสิ้นปี 2568 และลดลง 43 % ภายในปี 2573 โดยทั่วโลกจะต้องมุ่งมั่นให้ไปถึงเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์สุทธิ Reaching Net Zero Emission Target ภายในปี 2593 ทั้งนี้ เพื่อลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ Reduce the Impact of Climate Change, รักษาสิ่งแวดล้อม Protect the Environment, ส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืน Promote Sustainable Economic Development และสร้างความมั่นคงทางพลังงาน Create Energy Security ให้สำเร็จได้ในที่สุดจากนี้ไป ..
การเปลี่ยนผ่านพลังงานในประเทศไทย Energy Transition in Thailand ..
ความสำเร็จของการเปลี่ยนผ่านพลังงาน Energy Transition นั้น เกี่ยวข้องใกล้ชิด และขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงของภาคพลังงานทั่วโลกขนานใหญ่จากแหล่งฟอสซิลไปสู่แหล่งพลังงานคาร์บอนเป็นศูนย์ Fossil – Based to Zero – Carbon Energy Sources ภายในครึ่งหลังของศตวรรษนี้ ซึ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกี่ยวข้องกับพลังงาน Reducing Energy – Related CO2 Emissions รวมทั้ง เพื่อลดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ Mitigate Climate Change และจำกัดอุณหภูมิโลกให้อยู่ต่ำกว่าจุดเล็งที่ 1.5°C ของระดับก่อนยุคอุตสาหกรรม ..
อย่างไรก็ตาม การลดการปล่อยคาร์บอนในภาคพลังงาน Decarbonisation of the Energy Sector จำเป็นต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วนในระดับชาติ และระดับโลก เพื่อเร่งรัดให้เกิดการเปลี่ยนผ่านพลังงานทั่วโลก Global Energy Transition ขนานใหญ่ และตระหนักถึงความมุ่งมั่นของทุกผู้คนทั้งในระดับประเทศ และระดับภูมิภาค ซึ่งรวมถึงประเทศไทยมาพร้อมด้วย ..
ทั้งนี้ ประเทศไทย Thailand กำลังมุ่งดำเนินการเปลี่ยนผ่านพลังงานอย่างจริงจัง Actively Pursuing an Energy Transition โดยตั้งเป้าที่จะบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน Carbon Neutrality ภายในปี 2593 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์สุทธิ Net – Zero Emissions ภายในปี 2608 .. ยุทธศาสตร์การเปลี่ยนผ่านพลังงานของประเทศ Country’s Energy Transition Strategy มุ่งเน้นที่การลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล Reducing Reliance on Fossil Fuels โดยเฉพาะก๊าซธรรมชาติ และถ่านหิน Natural Gas & Coal และเพิ่มสัดส่วนของแหล่งพลังงานหมุนเวียนในส่วนผสมของพลังงาน Increasing the Share of Renewable Energy Sources in the Power Mix ซึ่งเกี่ยวข้องกับการค่อย ๆ เลิกใช้ถ่านหิน รวมถึงการปิดเหมืองถ่านหินแม่เมาะ Closure of the Mae Moh Coal Mine ภายในปี 2594 และการเปลี่ยนไปใช้แหล่งพลังงานสะอาด Shift Towards Clean Energy Sources เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ Solar Energy, พลังงานลม Wind Energy, พลังงานชีวภาพ Bioenergy และพลังงานน้ำ Hydropower ..
รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเปลี่ยนผ่านพลังงานของประเทศไทย Thailand’s Energy Transition สรุปเป็น 2 ประเด็นสำคัญ และ 8 ประเด็นย่อยได้ ดังนี้ :-
1. เป้าหมาย และเป้าหมายหลัก Key Goals & Targets :-
– ความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายในปี 2593 หรือ Carbon Neutrality by 2050 : ประเทศไทย Thailand มุ่งมั่นที่จะบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน Carbon Neutrality ภายในปี 2593 ..
– การปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์สุทธิ ภายในปี 2608 หรือ Net – Zero Emissions by 2065 : ประเทศไทย Thailand ตั้งเป้าที่จะบรรลุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์สุทธิ Achieve Net Zero GHG Emissions ภายในปี 2608 ..
– การเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียน Increased Renewable Energy Share : ประเทศไทย Thailand ตั้งเป้าที่จะผลิตกำลังไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด Generate Electricity from Clean Energy ตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า พ.ศ.2567 หรือ Power Development Plan: PDP 2024 อยู่ที่ 51 % ขึ้นไป ภายในปี 2570 และ 74 % ภายในปี 2593 ..
– การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน Energy Efficiency Improvement : แผนพลังงานแห่งชาติ The National Energy Plan: NEP ได้กำหนดเป้าหมายที่จะลดการบริโภคพลังงาน Cut Energy Consumption ลง 30 % ที่ไม่จำเป็นลงด้วยประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้น ภายในปี 2573 และ 40 % ภายในปี 2593 ..
– การเลิกใช้ถ่านหิน Phasing out Coal : ประเทศไทย Thailand มีแผนงานที่จะยกเลิกการทำเหมืองถ่านหิน โดยเหมืองถ่านหินแม่เมาะ Mae Moh Coal Mine มีกำหนดปิดตัวลงภายในปี 2594 ..
2. ส่วนผสม และแนวโน้มพลังงานของไทยในปัจจุบัน Thailand’s Current Energy Mix & Trends :-
– การครอบงำของก๊าซธรรมชาติ Dominance of Natural Gas : ตามการศึกษาล่าสุดของสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย พบว่า ปัจจุบันก๊าซธรรมชาติ Natural Gas คิดเป็นสัดส่วนที่ใหญ่ที่สุด อยู่ที่ 59 % ของการผลิตกำลังไฟฟ้าของประเทศไทย ซึ่งมากเกินไป .. ดังนั้น การลดสัดส่วนการพึ่งพาก๊าซธรรมชาติ Reducing Reliance on Natural Gas กลายเป็นประเด็นพิจารณาสำคัญ ซึ่งรวมถึงการใช้แหล่งพลังงานทางเลือกที่เป็นก๊าซชีวภาพ Biogas หรือก๊าซไฮโดรเจน Hydrogen: H2 ทดแทน ..

– การเติบโตของพลังงานหมุนเวียน Growing Renewable Energy : พลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานลม Solar & Wind Power มีส่วนสนับสนุนด้วยสัดส่วนเพียงเล็กน้อยแต่ก็มีแนวโน้มที่กำลังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งรวมกันแล้ว คิดเป็น 10 % ของส่วนผสมพลังงาน Energy Mix ทั้งหมด .. ทั้งนี้ พลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทย Solar Power in Thailand คือ ส่วนประกอบสำคัญ โดยมีแผนงานที่จะเพิ่มกำลังการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ เป็น 24 GW ภายในปี 2580 โดยกำลังไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Solar Power กลายเป็นแหล่งผลิตกำลังไฟฟ้าที่มีราคาถูกที่สุดในประเทศไทยมาตั้งแต่ปี 2565 ขณะที่พลังงานลม Wind Power ตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า พ.ศ.2567 หรือ Power Development Plan: PDP 2024 ของไทย มีเป้าหมายที่จะผลิตพลังงานลม Wind Power ให้ได้ อยู่ที่ 5 GW ในปี 2580 .. นอกจากนี้ พลังงานชีวมวล และไบโอแก๊ส Biomass & Biogas Energy ยังคงขยายตัวต่อเนื่องอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในพื้นที่เกษตรกรรม Agricultural Regions ผ่านโครงการผลิตกำลังไฟฟ้าชุมชน ท้องถิ่น และพื้นที่ห่างไกล Community, Local & Remote Area Power Generation Projects เป็นต้น ..
– ถ่านหิน และพลังงานน้ำ Coal & Hydropower : ถ่านหิน และลิกไนต์ Coal & Lignite คิดเป็น 14 % ของพลังงานทั้งหมด ในขณะที่พลังงานน้ำ Hydropower มีส่วนสนับสนุน ประมาณ 13 % ซึ่งจะต้องมีการปรับสัดส่วนให้เหมาะสมต่อไป เช่น การลดเลิกการใช้ถ่านหิน Coal Phase – Out และการเพิ่มสัดส่วนการผลิตกำลังไฟฟ้าพลังน้ำ Increase in Hydropower Share เป็นต้น ..
สำหรับความท้าทาย และโอกาส Challenges & Opportunities ของไทยที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนผ่านพลังงาน Energy Transition นั้น ประกอบไปด้วย การสร้างสมดุลระหว่างความมั่นคงด้านพลังงาน Balancing Energy Security ซึ่งประเทศไทย จำเป็นต้องสร้างสมดุลระหว่างการเปลี่ยนผ่านพลังงาน กับการสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน และความสามารถในการจัดหามาพร้อมด้วย .. การบูรณาการโครงข่ายระบบสายส่งกำลังไฟฟ้า Power Grid Infrastructure กับแหล่งพลังงานหมุนเวียนที่ผันผวน Variable Renewable Energy Sources เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานลม Solar & Wind Energy ในสัดส่วนบนระบบสายส่ง Power Grids ที่จะต้องสูงขึ้น ถือเป็นอีกหนึ่งความท้าทายของชาติที่จำเป็นต้องมีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของโครงข่ายไฟฟ้า Investments in Grid Infrastructure ที่ฉลาดกว่าระบบเดิมนั้น คือ ความจำเป็นที่ขาดไม่ได้จากนี้ไป ..
การเปลี่ยนผ่านพลังงานอย่างยุติธรรม Just Energy Transition คือ อีกประเด็นท้าทายของไทย .. การแก้ไขผลกระทบทางสังคม และเศรษฐกิจ Social & Economic Impacts จากการเปลี่ยนผ่านพลังงาน Energy Transition โดยเฉพาะในชุมชนที่พึ่งพาอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงฟอสซิล Communities Reliant on Fossil Fuel Industries ถือเป็นสิ่งสำคัญต้องบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ ..
นอกจากนั้น ประเทศไทย Thailand ยังมีการสร้างแรงจูงใจ Incentives for Renewable Energy ต่าง ๆ มากมาย เช่น อัตราค่าไฟฟ้าที่ป้อนเข้าระบบ Feed – In Tariffs: FiT เพื่อส่งเสริมการพัฒนาพลังงานหมุนเวียน Encourage Renewable Energy Development .. ทั้งนี้ สำหรับประเด็นของพลังงานนิวเคลียร์ Nuclear Energy นั้น แผนพลังงานแห่งชาติ The National Energy Plan: NEP ได้กำหนดให้มีการพิจารณาใช้งานเครื่องปฏิกรณ์แบบแยกส่วนขนาดเล็ก Small Modular Reactors SMR ให้เป็นหนึ่งแหล่งพลังงานสะอาดที่มีศักยภาพ และปลอดภัยสำหรับอนาคตจากนี้ไปมาพร้อมด้วย ..
โดยรวมแล้ว การเปลี่ยนผ่านพลังงานของประเทศไทย Thailand’s Energy Transition ถือเป็นแผนงาน และโครงการที่ซับซ้อน ซึ่งต้องมีการวางแผน การลงทุน และความร่วมมือระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างรอบคอบ Thoughtful Planning, Investment & Stakeholder Collaboration ทั้งนี้เพื่อบรรลุเป้าหมายอันทะเยอทะยานพร้อมทั้งให้ได้มาซึ่งอนาคตที่สะอาดสีเขียว และยั่งยืน Clean, Green & Sustainable Future ให้สำเร็จได้ในที่สุดจากนี้ไป ..
คาดการณ์ตลาดการเปลี่ยนผ่านพลังงาน การเปลี่ยนไปใช้กำลังไฟฟ้า และการดักจับ การใช้ประโยชน์ และการจัดเก็บคาร์บอนทั่วโลก Global Energy Transition, Electrification and Carbon Capture, Utilization & Storage: CCUS Market ..
การขยายความพร้อมใช้ของพลังงานโดยไม่เพิ่มการปล่อยมลพิษ Expand Energy Availability without Increasing Emissions นั้น ตลาดโลก Global Market จำเป็นต้องเพิ่มแหล่งพลังงานหมุนเวียนอย่างรวดเร็ว Rapidly Scale Up Renewable Energy Sources เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานลม Solar & Wind Energy ขณะเดียวกันก็ต้องปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงาน Improving Energy Efficiency และประยุกต์ใช้นวัตกรรมเทคโนโลยี Exploring Innovative Technologies เช่น การดักจับ และกักเก็บคาร์บอน Carbon Capture & Storage: CCU เป็นต้น .. การปรับไปใช้ไฟฟ้าในระบบการขนส่ง และความร้อน Electrification of Transportation & Heating ควบคู่ไปกับโครงข่ายระบบสายส่งอัจฉริยะ Smart Grids สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการบริโภคพลังงาน Further Optimize Energy Consumption และลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล Reduce Reliance on Fossil Fuels ได้มากขึ้น ..

อ้างถึงข้อมูลการสำรวจตลาดของ Fortune Business Insights พบว่า ขนาดธุรกิจในตลาดการเปลี่ยนผ่านพลังงานทั่วโลก Global Energy Transition Market มีมูลค่า 1,769.80 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2566 คาดการณ์ว่า ตลาดจะเติบโตจาก 2,056.97 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2567 เป็น 6,474.40 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2575 ด้วยอัตราการเติบโตต่อปี Compound Annual Growth Rate: CAGR หมายถึง อัตราผลตอบแทนสำหรับตลาดการเปลี่ยนผ่านพลังงานทั่วโลก Global Energy Transition Market ที่เติบโตจากยอดดุลเริ่มต้นไปถึงยังยอดดุลสิ้นสุด รวมสมมติฐานว่ากำไรจะถูกนำกลับมาลงทุนหมุนเวียนใหม่ทุกสิ้นปีของช่วงอายุการลงทุน อยู่ที่ค่า CAGR 15.41 % ในช่วงระยะเวลาที่คาดการณ์ ปี 2567 – 2575 โดยเอเชียแปซิฟิก Asia Pacific ครองตลาดโลกด้วยส่วนแบ่งสูงสุด อยู่ที่ 41.65 % ในปี 2566 ..
การเปลี่ยนผ่านพลังงาน Energy Transition หมายถึง ความพยายามทั่วโลกในการเปลี่ยนจากแหล่งพลังงานที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลไปสู่การนำแหล่งพลังงานคาร์บอนต่ำ และพลังงานหมุนเวียนมาใช้ Shifting from Fossil Fuel – Based Energy Sources to the Adoption or Implementation of Low – Carbon & Renewable Energy Sources .. พวกมันเกี่ยวข้องกับการแก้ไขที่จำเป็นในด้านการผลิตพลังงาน Energy Production, การจำหน่าย Distribution และการบริโภคพลังงาน Energy Consumption .. ประเด็นสำคัญของการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน Key Aspects of Energy Transition ได้แก่ การแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ Climate Change, การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก Lowering Greenhouse Gas Emissions, การปรับปรุงความมั่นคงด้านพลังงาน Improving Energy Security และการสนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืน Supporting Sustainable Development ..

ทั้งนี้ ในประเด็นการเปลี่ยนไปใช้กำลังไฟฟ้า Electrification นั้น ข้อมูลการตลาดของ Precedence Research ชี้ว่า ขนาดธุรกิจในตลาดการเปลี่ยนไปใช้กำลังไฟฟ้าทั่วโลก Global Electrification Market มีมูลค่า 88.29 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2567 และคาดว่าจะไปถึงประมาณ 209.01 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในปี 2577 ด้วยอัตราการเติบโตต่อปี อยู่ที่ค่า CAGR 9 % ในช่วงระยะเวลาที่คาดการณ์ ปี 2567 – 2577 ..

การผลักดันทั่วโลกครั้งใหญ่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงานทางเลือก พลังงานทดแทน และพลังงานหมุนเวียน Renewable Energy Efficiency คือ ส่วนสำคัญอย่างยิ่งอีกประเด็นหนึ่งของความพยายามเหล่านี้มาพร้อมด้วยเช่นกัน คาดว่า จะส่งผลให้อัตราการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานทั่วโลก Global Energy Efficiency เพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 4 % ต่อปี จนถึงปี 2473 ซึ่งมากกว่าค่าเฉลี่ยถึง 3 เท่าเทียบกับในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา ..
สำหรับการดักจับ การใช้ประโยชน์ และการจัดเก็บคาร์บอน Carbon Capture, Utilization & Storage: CCUS นั้น ข้อมูลการตลาดของ Maximize Market Research ระบุว่า ตลาดการดักจับ การใช้ประโยชน์ และการจัดเก็บคาร์บอน Global Carbon Capture, Utilization & Storage: CCUS Market ทั่วโลก มีมูลค่า 2.76 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2566 และคาดว่าจะเติบโตถึง 7.39 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในปี 2573 ด้วยอัตราการเติบโตต่อปี อยู่ที่ค่า CAGR 15.1 % ในช่วงระยะเวลาที่คาดการณ์ ปี 2567 – 2573 ..
ตลาดการดักจับ การใช้ประโยชน์ และการจัดเก็บคาร์บอนทั่วโลก Global Carbon Capture, Utilization & Storage: CCUS Market ได้รับการคาดหมายว่าจะได้รับการส่งเสริมจากฐานผู้บริโภคขนาดใหญ่ในประเทศเศรษฐกิจที่พัฒนาแล้ว และประเทศกำลังพัฒนาอย่างกว้างขวางจากนี้ไป .. อเมริกาเหนือ North America และยุโรป Europe คือ ตลาดที่พัฒนาแล้วซึ่งมีระบบที่จัดตั้งขึ้นอย่างดี Well – Established Systems ในการจัดการกับก๊าซอุตสาหกรรม Industrial Gases เนื่องจากโครงสร้างพื้นฐานที่ดีกว่า Better Infrastructure สามารถให้สิ่งอำนวยความสะดวกในกระบวนการ การจัดเก็บ และการขนส่งที่ดีกว่า Better Processing, Storage & Transport Facilities ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการผลิตได้ Lower Cost of Production ..
อย่างไรก็ตาม คาดหมายได้อีกด้วยว่า เส้นทางสู่ศูนย์สุทธิ Net Zero Pathway ที่ต้องมีการปรับไปใช้เทคโนโลยีพลังงานสะอาด Clean Technologies และการยกระดับประสิทธิภาพการใช้พลังงาน Energy Efficiency ทั้งหมดปัจจุบันในทันที รวมทั้งการผลักดันครั้งใหญ่ในระดับโลกเพื่อเร่งสร้างนวัตกรรม และในแนวทางเหล่านี้ จะส่งผลเชิงบวกที่จะทำให้ GDP ของแต่ละชาติทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้นได้มากกว่าที่ระบบเศรษฐกิจเชื้อเพลิงฟอสซิล Fossil Fuel Economy จะทำได้ .. นอกจากนี้ การเร่งรัดทั่วโลกให้มีการเพิ่มการผลิตกำลังไฟฟ้าเซลล์แสงอาทิตย์ Solar PV Electricity ประจำปี เพื่อให้ถึง 630 GW ภายในปี 2573 และกำลังไฟฟ้าพลังงานลม Wind Power ให้สูงถึง 390 GW ในตลาดกำลังไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนทั่วโลก Global Renewable Energy Power Market ซึ่งเมื่อรวมกันแล้ว นี่คือระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ด้วยปริมาณกำลังผลิตไฟฟ้าที่สูงถึง 4 เท่าจากปี 2563 ..
ปัจจุบัน และในอนาคตอันใกล้นี้ การเปลี่ยนผ่านพลังงาน Energy Transition กำลังเปิดตัวแผนงาน โครงการใหม่ ๆ รวมทั้งข้อไขที่เป็นผลิตภัณฑ์ นวัตกรรมในภาคพลังงาน และเทคโนโลยีด้านสภาพอากาศรุ่นต่อไปออกสู่ตลาดให้ได้ทันเวลา เพื่อหลีกเลี่ยงภัยพิบัติจากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ .. พวกมัน คือ เส้นทางสู่ความสำเร็จเชิงพาณิชย์ ลดการปล่อยมลพิษ กระตุ้นอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ หรือ GDP โลกให้ขยายตัวเพิ่มขึ้น และคุณภาพชีวิตของผู้คนที่เหนือชั้น รวมทั้งสร้างตำแหน่งงานใหม่ ๆ ที่มีรายได้สูงกว่าไปพร้อมด้วยในทศวรรษหน้า ..
สรุปส่งท้าย ..
พลังงานหมุนเวียน Renewables และประสิทธิภาพการใช้พลังงาน Energy Efficiency คือ กุญแจสำคัญในการผลักดันความต้องการเชื้อเพลิงฟอสซิลให้ลดลง Driving down Demand for Fossil Fuels .. จนถึงปัจจุบัน การเปลี่ยนผ่านระบบพลังงานโลก Energy Transition เพื่อไปสู่เป้าหมาย 1.5°C ไม่เคยกลายเป็นกระแสโลกที่แข็งแกร่งเท่านี้มาก่อนเลย ..
อย่างไรก็ตาม ความพร้อมใช้ของพลังงานทั่วโลก Global Energy Availability หมายถึง ปริมาณรวมของแหล่งพลังงาน Total Amount of Energy Resources ที่จำเป็นซึ่งสามารถเข้าถึง และใช้งานได้ในระดับโลก ซึ่งรวมถึงแหล่งพลังงานที่กำลังใช้ในปัจจุบัน และแหล่งพลังงานที่สามารถนำไปใช้ได้ด้วยเทคโนโลยีปัจจุบัน หรือเทคโนโลยีที่กำลังพัฒนาขึ้น ซึ่งรวมถึงการผลิต การจัดจำหน่าย และการใช้พลังงานจากแหล่งต่าง ๆ เช่น เชื้อเพลิงฟอสซิล Fossil Fuels, พลังงานนิวเคลียร์ Nuclear Power และแหล่งพลังงานหมุนเวียน Renewable Sources เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ Solar Energy, พลังงานลม Wind Energy, พลังงานน้ำ Hydropower และพลังงานจากมหาสมุทร Ocean Energy .. ขณะที่ ในอนาคตอันไม่ไกลนักจากนี้ไป ได้รับการคาดหมายว่า การยกเลิกใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล Shift Away from Fossil Fuels กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์สุทธิ Reaching Net Zero Emission Target ภายในปี 2593 ..

สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ International Energy Agency: IEA ชี้ว่า การเพิ่มพลังงานหมุนเวียน Ramping up Renewables, การปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงาน Improving Energy Efficiency, การลดการปล่อยก๊าซมีเทน Cutting Methane: CH4 Emissions และการเพิ่มการปรับไปใช้พลังงานไฟฟ้า Increasing Electrification ด้วยเทคโนโลยีที่มีอยู่ในปัจจุบัน จะสามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากกว่า 80 % ที่จำเป็น ภายในปี 2573 ..
ทั้งนี้ เป้าหมายที่แท้จริงของศูนย์สุทธิ Net Zero นั้น คือ การร่วมมือกันระหว่างประเทศ และองค์กรทั่วโลก เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก Greenhouse Gas: GHG Emissions ให้เหลือศูนย์ Zero หรือเป็นศูนย์สุทธิ Net Zero ภายในปี 2593 หรือเร็วกว่านั้น โดยไม่เพียงแค่ลดการปล่อยคายที่เกิดขึ้นจากกิจกรรมมนุษย์เท่านั้น แต่ยังต้องชดเชย หรือดูดซับก๊าซเรือนกระจกที่เหลืออยู่เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศในระยะยาว No Long – Term Impact on the Climate .. ดังนั้น เป้าหมายของ Net – Zero Target จึงมุ่งเน้นที่การหยุดยั้งการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลก Stop the Increase in Global Temperatures ซึ่งจะช่วยป้องกันภัยพิบัติ Prevent Disasters ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ Climate Change เช่น ภัยแล้ง Drought, น้ำท่วม Floods, พายุรุนแรง Severe Storms และการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ Loss of Biodiversity เป็นต้น ..
กรอบนโยบายภาครัฐของแต่ละประเทศทั่วโลกสำหรับการเปลี่ยนไปใช้แหล่งพลังงานทางเลือก Shifting to Alternative Energy Sources, การปรับเปลี่ยนไปสู่เกษตรทฤษฎีใหม่ปลอดสารพิษ และคาร์บอนต่ำ Shifting to New Theory Agriculture, Non – Toxic & Low Carbon รวมทั้งการพิจารณาลงทุนกับเทคโนโลยีการดักจับ การใช้ประโยชน์ และการจัดเก็บคาร์บอน Carbon Capture, Utilisation & Storage: CCUS Technologies ถือเป็นความจำเป็นที่ขาดไม่ได้ แม้ว่า พวกมันอาจจะทำให้ต้นทุนในกิจกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์ชาติเพิ่มขึ้นบ้างก็ตาม หากเราจะยังคงจำเป็นต้องใช้พลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิลรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง หรือแบบผสมผสานอยู่ต่อไป รวมทั้งการพัฒนา Carbon Sinks หรือการฟื้นฟูพื้นที่ดูดซับคาร์บอน เช่น ในพื้นที่เกษตรกรรม แหล่งน้ำ ป่าไม้ ชายฝั่งทะเล แนวปะการัง และแหล่งที่อยู่อาศัยความหลากหลายทางชีวภาพ เป็นต้นนั้น กลายเป็นความจำเป็นที่ขาดไม่ได้มาพร้อมด้วย ..
เชื่อมั่นได้ว่า การเปลี่ยนผ่านพลังงาน Energy Transition ด้วยการขยายความพร้อมใช้ของพลังงาน Expanding Energy Availability สำหรับการใช้งานในอนาคต โดยลด หรือขจัดการปล่อยมลพิษให้เหลือน้อยที่สุด Minimizing or Eliminating Emissions รวมทั้งกระบวนการเปลี่ยนแปลงที่ตามมาเหล่านี้ จะกระตุ้น และขับเคลื่อนอัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวม GDP ทั่วโลกให้เพิ่มขึ้นได้อย่างน้อย 0.4 % ต่อปี .. ทั้งนี้ ภาพรวมทางเศรษฐกิจทั้งหมด หากผนวกรวมผลผลิตภาคอุตสาหกรรม เกษตรกรรม และผลผลิตอื่น ๆ ที่เกี่ยวเนื่องทางเศรษฐกิจ และสังคมด้วยแล้ว คาดหมายว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวม Gross Domestic Product: GDP ทั่วโลกจะถูกผลักให้สูงขึ้นเฉลี่ย 4 % ภายในปี 2573 ซึ่งมากกว่าที่จะไปถึงได้ด้วยแหล่งพลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิลตามแนวโน้มในปัจจุบัน ..
จนถึงวันนี้ การเปลี่ยนผ่านพลังงาน Energy Transition มิได้มีราคาแพง แต่จะต้องมีการลงทุนเพิ่มเติมในเทคโนโลยีคาร์บอนต่ำ Low – Carbon Technologies .. การลดต้นทุนที่สำคัญลงอีกในกลุ่มพลังงานหมุนเวียน และเทคโนโลยีเอื้ออำนวยที่เกี่ยวเนื่อง จะเป็นตัวขับเคลื่อนหลักสำหรับการลงทุนที่เพิ่มขึ้น แต่การลงทุนเพิ่มเติมแบบสะสมจะยังคงต้องมีจำนวนมากถึง 29 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ จนถึงปี 2593 ซึ่งนอกเหนือไปจากมูลค่าการลงทุนจำนวน 116 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ที่คาดการณ์ไว้แล้ว .. การลดผลกระทบต่อสุขภาพของมนุษย์ Reducing the Impact on Human Health และการบรรเทาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ Mitigating Climate Change จะสามารถช่วยประหยัดต้นทุนในการลดการปล่อยคาร์บอนได้ประมาณอย่างน้อย 2 – 6 เท่า ทั้งนี้ เพื่อให้การจำกัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกไว้ ณ จุดเล็งที่ 1.5oC บรรลุเป้าหมายลดการปล่อยมลพิษจากภาคพลังงาน Energy Sector เป็นศูนย์สุทธิ Net Zero Emission ด้วยคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า ภายในครึ่งหลังของศตวรรษนี้ให้สำเร็จได้ในที่สุด ..
……………………
คอลัมน์…..”Energy Key”
By โลกสีฟ้า ..
สนับสนุนโดย…..บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน)

ขอบคุณเอกสารอ้างอิง :-
Renewable Energy – Powering a Safer Future | UN :-
https://www.un.org/en/climatechange/raising-ambition/renewable-energy
CO2 Emissions – Global Energy Review 2025 – Analysis | IEA :-
https://www.iea.org/reports/global-energy-review-2025/co2-emissions
Analysis: Clean Energy Just Put China’s CO2 Emissions into Reverse for First Time | CB :-
How Thailand Can Lead the Energy Transition by 2050 | AIT :-
Global Energy Transition Market | Fortune Business Insights :-
https://www.fortunebusinessinsights.com/energy-transition-market-109924
Global Electrification Market | Precedence Research :-
https://www.precedenceresearch.com/electrification-market
Global Carbon Capture, Utilization & Storage Market | Maximize Market Research :-
The Renewable Energy & How to Save the World Documentary :-
https://goo.gl/photos/TusY3UndbtWjDfXx9
Energy Transition : A Significant Structural Change in an Energy System :-











