“…..แม้มีการยุบสภาแต่รัฐบาลยังคงปฏิบัติหน้าที่ และมีอำนาจดูแลความมั่นคงของประเทศอย่างครบถ้วนตามกฎหมาย เพื่อให้การปกป้องประชาชนไทยเป็นไปอย่างต่อเนื่อง…”
@@@……สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่าน พบกันทุกวันเสาร์กับคอลัมน์ “Military Key” ทางเว็บไซต์ https:// thekey.news ซึ่งตรงกับวันเสาร์ที่ 13 ธ.ค.68 ประเทศไทยต้องประสบกับปัญหาทั้งศึกภายในและศึกภายนอกประเทศ ศึกภายในนักการเมืองบางพรรคไม่สนใจว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับบ้านเมืองในเวลานี้ เอาประโยชน์ตัวเองเข้าว่า สุดท้าย นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศยุบสภาพเป็นที่เรียบร้อย ส่วนศึกภายนอกประเทศ เวลานี้ทหารแนวหน้ากำลังทำหน้าที่ปกป้องผืนแผ่นดินไทย ไม่ให้ “เขมร” เข้ามารุกล้ำอธิปไตยของชาติ

@@@……กองทัพอากาศ…..พล.อ.อ.ประภาส สอนใจดี ผู้อำนวยการศูนย์แถลงข่าวร่วมสถานการณ์ไทย-กัมพูชา เปิดเผยว่า แม้มีการยุบสภาเมื่อวันที่ 11 ธ.ค.ที่ผ่านมา แต่รัฐบาลยังคงปฏิบัติหน้าที่ และมีอำนาจดูแลความมั่นคงของประเทศอย่างครบถ้วนตามกฎหมาย เพื่อให้การปกป้องประชาชนไทยเป็นไปอย่างต่อเนื่อง สถานการณ์ชายแดนมีความตึงเครียดจากการที่กัมพูชาดำเนินการรุกล้ำ และโจมตีไทยก่อน ในหลายพื้นที่ กองทัพไทยจึงจำเป็นต้องใช้สิทธิในการป้องกันตนเองตามกฎหมายไทยและกฎหมายระหว่างประเทศ โดยมุ่งหมายเพียงเพื่อยุติการคุกคามชีวิตประชาชน และรักษาอธิปไตยของชาติ

@@@……รัฐบาลและกองทัพยืนยันว่ายังคงสั่งการและปฏิบัติการได้ตามอำนาจกฎหมายอย่างเต็มรูปแบบกฎอัยการศึกในพื้นที่ชายแดนมีผลบังคับใช้ตามกฎหมายความมั่นคงของไทยและศูนย์แถลงข่าวร่วมฯ จะรายงานสถานการณ์อย่างโปร่งใส เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง ประเทศไทยยังคงยึดมั่นในหลักสันติวิธี และปรารถนาสันติภาพกับกัมพูชา แต่ในขณะเดียวกันจะปกป้องแผ่นดินไทยอย่างเด็ดขาดและชอบธรรม เพื่อความสงบสุขของประชาชนไทยเป็นสำคัญ ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนทุกท่านติดตามข้อมูลจากหน่วยงานราชการ หลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยง งดเผยแพร่ภาพหรือข้อมูลที่กระทบต่อความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ และร่วมกันรักษาความสงบและความเป็นหนึ่งเดียวของคนไทยในช่วงเวลานี้ เราจะผ่านสถานการณ์นี้ไปได้ด้วยความร่วมมือความเชื่อมั่น และความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของพี่น้องประชาชนชาวไทยทุกคน ซึ่งศูนย์แถลงข่าวร่วมฯ จะรายงานความคืบหน้าเป็นระยะอย่างใกล้ชิด

@@@……กองทัพเรือ….พล.ร.อ.ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ ผู้บัญชาการทหารเรือ มีความห่วงใยต่อกำลังพลทุกนายที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่สู้รบและพื้นที่เสี่ยงภัยใกล้แนวชายแดนเป็นอย่างยิ่ง โดยติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และกำชับให้ทุกหน่วยดูแลความปลอดภัย ความเป็นอยู่ สุขภาพและการสนับสนุนด้านต่าง ๆ แก่กำลังพลอย่างเต็มขีดความสามารถ กำลังพลทุกระดับชั้น ทุกนาย คือกำลังสำคัญของกองทัพเรือ และทุกคนกำลังปฏิบัติหน้าที่เพื่อความสงบและความปลอดภัยของประชาชนและประเทศชาติ จึงขอให้ทุกนายปฏิบัติงานด้วยความระมัดระวัง ยึดหลักยุทธวิธีอย่างเคร่งครัด พร้อมดูแลกันและกันในทุกสถานการณ์
@@@……กระทรวงกลาโหม…..พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ โฆษกกลาโหม แถลงของศูนย์แถลงข่าวร่วมสถานการณ์ชายแดนไทย – กัมพูชา ว่า กองทัพเรือได้ตรวจพบกลุ่มบุคคลต้องสงสัย แต่งกายด้วยชุดพลเรือน เติมกำลังเข้าสู่พื้นที่ภายในอาคารที่อยู่ใกล้เคียงฐานยิงปืนใหญ่ของฝ่ายกัมพูชา โดยมีข้อมูลว่า เป็น BHQ โดยเมื่อวันที่ 10 ธ.ค.68 เวลา 23.00 น. ตรวจพบกลุ่มคนต้องสงสัย บริเวณชายแดน จ.ตราด ที่คาดว่าเป็นหน่วย BHQ ของกัมพูชา เข้ามาใช้พื้นที่อาคารต้องสงสัย โดยเป็น ชายฉกรรจ์แต่งตัวเป็นพลเรือน ที่มาโดยรถตู้ 4-5 คัน เข้ามาในพื้นที่และเข้าไปตัวอาคารต้องสงสัย ในเรื่องการดัดแปลงอาคารที่ตั้งเพื่อใช้เป็นที่ตั้งทางทหาร และมีการระดมสรรพกำลัง ซึ่งเป็นหลักฐานที่เรายืนยันว่าเรามีการตรวจพบกิจกรรมในลักษณะนี้ ซึ่งกลุ่มอาคารนี้จะอยู่ในฝั่งกัมพูชา แต่เราตรวจพบจากโดรนตรวจการณ์ในเวลากลางคืน เพื่อยืนยันและเป็นหลักฐานว่าสิ่งที่เราดำเนินการต่อกลุ่มอาคารเป้าหมายต่าง ๆ เป็นการทำลาย เพื่อให้ที่มั่นทางทหารฝ่ายกัมพูชา หมดภัยคุกคาม

@@@……กองบัญชาการกองทัพไทย…..พล.อ.ไพบูลย์ วรวรรณปรีชา รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธานในการปฐมนิเทศ คณะผู้สังเกตการณ์อาเซียนประจำประเทศไทย (AOT-TH) โดยมี พล.อ.ชิดชนก นุชฉายา เสนาธิการทหาร ร่วมคณะ รวมทั้งคณะ AOT-TH ประกอบด้วย ผู้ช่วยทูตทหารอาเซียนประจำประเทศไทย จาก 6 ประเทศ และสมาชิก AOT-TH เพิ่มเติม จากมาเลเซีย พร้อมทั้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทย เข้าร่วม ณ ห้องรับรอง 11 กองบัญชาการกองทัพไทย การปฐมนิเทศในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อชี้แจงภารกิจของคณะ AOT-TH ก่อนลงพื้นที่สังเกตการณ์ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา พร้อมรับฟังการบรรยายสรุปจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในประเด็นสำคัญ ได้แก่ สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดย ประวัติศาสตร์การช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมของไทยต่อผู้ลี้ภัยชาวกัมพูชา คำแนะนำในการปฏิบัติภารกิจของ AOT-TH โดย ผู้ช่วยทูตทหารมาเลเซีย ประจำประเทศไทย การปฏิบัติของคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียนประจำประเทศไทย (AOT-TH) ผลการเก็บกู้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลที่ผ่านมา และแผนการดำเนินงานในห้วงถัดไป และผลการปักปันเขตแดนไทย-กัมพูชาที่ผ่านมา และแผนการดำเนินงานในห้วงถัดไป

@@@……กิจกรรมครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความร่วมมือของไทย และอาเซียนในการเสริมสร้างเสถียรภาพ ความปลอดภัย และความเชื่อมั่นในพื้นที่ชายแดนร่วมกัน ทั้งนี้ ทุกฝ่ายมีความพร้อมในการลงพื้นที่เพื่อปฏิบัติหน้าที่สังเกตการณ์ตามข้อตกลงหยุดยิง อย่างไรก็ตาม ด้วยสถานการณ์ความขัดแย้งตามแนวชายแดนที่รุนแรงขึ้น และเพื่อความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ทุกนาย คณะ AOT-TH จะติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา และวางแผนการปฏิบัติในการลงพื้นที่ ณ AOT-TH CC กรุงเทพฯ จนกว่าแนวโน้มสถานการณ์จะดีขึ้น และพร้อมไปปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่กองทัพภาคที่ 1 และกองทัพภาคที่ 2 เมื่อสถานการณ์เหมาะสม และมีความปลอดภัย

@@@……กองทัพบก….เมื่อนักการเมืองถามว่า ทำไมกองทัพต้องใช้ทหารเกณฑ์ไปรบ ทางกองทัพจึงได้ตอบให้นักการเมืองหายคาใจ 1.ประเทศต้องมีกำลังพลพร้อมรบในระดับที่รองรับภารกิจทั้งระบบกองทัพไทยจำเป็นต้องมีกำลังพลที่สามารถปฏิบัติภารกิจด้านความมั่นคงได้ครบทุกเหล่าทัพ ทั้งบก–เรือ–อากาศ ตามโครงสร้างกำลังรบและระดับภัยคุกคามที่กำหนดในเอกสารยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคง 2.งบประมาณจำกัด ทำให้บรรจุกำลังประจำการได้ไม่ครบทุกตำแหน่ง ประเทศไทยสามารถบรรจุกำลังพลประจำการที่มีเงินเดือน–สวัสดิการได้เพียงบางส่วน ทำให้ต้องใช้ระบบการเกณฑ์ทหารเพื่อเสริมกำลังให้ครบอัตราตามโครงสร้างกำลังรบ (Force Structure) ทหารกองประจำการช่วยเติมเต็ม “กำลังพร้อมรบ” อีกประมาณ 200,000 นาย ระบบการคัดเลือกทหารกองประจำการเป็นกลไกที่ทำให้กองทัพไทยมีกำลังพลถึงระดับที่สามารถปฏิบัติงานได้เต็มศักยภาพ ตามโครงสร้างกำลังที่ออกแบบไว้เพื่อปกป้องประเทศ
@@@……3.วงจรชีวิตทหารกองประจำการ: ฝึก 1 ปี + ปฏิบัติหน้าที่ 1 ปี ปีแรกมุ่งฝึกวินัย–ยุทธวิธี–ทักษะความพร้อมรบ ปีที่สองปฏิบัติหน้าที่เป็นกำลังหลักในหน่วยรบ ก่อนปลดเป็นกองหนุน 4.พลทหาร = กำลังหลักในระดับหมู่–ตอน–หมวด โครงสร้างยุทธวิธีของกองทัพบกทุกประเทศต้องใช้กำลังพลจำนวนมากในระดับปฏิบัติการ (พลยิง–พลบรรจุ–พลประจำอาวุธ) ซึ่งทหารกองประจำการคือกำลังสำคัญในส่วนนี้ 5.เมื่อปลดประจำการ จะกลายเป็น “กองหนุน” กองหนุนมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อสถานการณ์ยืดเยื้อหรือการระดมพลเมื่อเกิดภัยคุกคามต่อประเทศ
@@@……6.ในสถานการณ์รบจริง ต้องใช้ทั้งกำลังประจำการ + ทหารเกณฑ์เพื่อให้หน่วยรบคงความพร้อมรบครบโครงสร้างและตอบสนองภารกิจได้อย่างต่อเนื่อง ดังนั้นกองทัพต้องใช้พลทหารไปรบ เพราะนี่คือกำลังรบที่ทำให้ประเทศมีความพร้อมในการปกป้องอธิปไตย ทั้งวันนี้และในอนาคต ทหารทุกนายล้วนแล้วแต่มีความสำคัญในการปกป้องประเทศ อันที่จริงแล้ว ประชาชนทุกคนในประเทศก็สำคัญเช่นกัน กำลังใจจากแนวหลังสู่แนวหน้า มีค่ายิ่งในการเพิ่มอำนาจกำลังรบที่ไม่มีตัวตน เราทุกคนช่วยป้องกันประเทศได้ด้วยการทำหน้าที่ของตนเอง และการให้เกียรติและความเคารพในภารกิจหน้าที่ของคนอื่น
…………..
คอลัมน์ : “Military Key”
โดย.. “รหัสมอร์ส”



















