หน้าแรกCOLUMNISTSเรื่องเล่า “มจร” ในวันวานกับ “วันนี้”

เรื่องเล่า “มจร” ในวันวานกับ “วันนี้”

- Advertisement -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“เปรียญสิบ” เป็นศิษย์ “มจร รุ่น 46”  คือจบเมื่อประมาณ 24 ปีที่แล้ว เป็นพระนิสิตในยุคที่สังคมตีหน้าว่ามหาวิทยาลัยสงฆ์แห่งนี้เป็น “มหาวิทยาลัยเถื่อน”

“เปรียญสิบ” จบคณะสังคมศาสตร์ สาขารัฐศาสตร์ ยุคนั้น “ก.พ.” ยังไม่ยอมรับหลักสูตรนี้ รุ่นพี่หลายคนมักมาบ่นอยู่เสมอว่า…

สอบติดราชการโดยเฉพาะ “ปลัดอำเภอ” แต่ไม่สามารถเป็น “ข้าราชการ” ได้เพราะ “ก.พ.” บอกว่า  “หลักสูตรเถื่อน”

“เปรียญสิบ” จำพรรษาวัดอรุณฯ เดินทางไปเรียนที่ตึก วัดมหาธาตุ ท่าพระจันทร์ และอาคารวัดศรีสุดาราม ณ วัดศรีสุดาราม นั่งรถกระป้อไปเรียน และบางปีลุยน้ำท่วมจากปากซอยจนถึงอาคารเรียน

ยุคนั้น..รถเมล์ มักเรียกพวกเราว่า “เสือเหลือง” ไม่ต้อนรับให้ขึ้นรถเมล์

หลังปี 2540 “มจร” มี พ.ร.บ.เป็นของตนเอง “มจร” ก็เหมือน “พยัคฆ์ติดปีก”

พัฒนาก้าวกระโดด!! สร้างความมึนงงให้กับสังคมไทยและชาวพุทธทั่วโลก

“เปรียญสิบ” เป็นศิษย์ “มจร” ยุค “เปลี่ยนผ่าน” ไม่มีโอกาส “สุขสบาย” เหมือน “นิสิต” ปัจจุบัน

ยุคนี้ มีรถรับ-ส่ง นั่งเรียนห้องแอร์ มีภัตตาหารเลี้ยงกลางวัน มีห้องสมุดใหญ่โต หากไม่อยากกลับวัดก็มี “ห้องพัก” คอยบริการ

“เปรียญสิบ” เรียนในยุคที่ “คณาจารย์” รับสอนเป็นรายชั่วโมง บางรายมีเงินเดือนก็ “น้อยนิด”

มีอาจารย์จาก “ข้างนอก” มาสอน บางคน “เห็นใจ” พวกเรา “ยากจน” ไม่รับเบี้ยเลี้ยง ไม่รับเงินเดือน ทำงานแบบบ “จิตอาสา” ก็มีถมไป

“มจร” วันก่อนภายใต้การขับเคลื่อนของ “พระพรหมบัณฑิต” และ “เหล่าคณาจารย์”  ภายใต้วิสัยทัศน์สร้าง “มจร” ให้เป็น “ศูนย์กลางการศึกษาพระพุทธศาสนาโลก” จึงตั้ง วิทยาลัยพุทธศาสตร์นานาชาติ วิทยาลัยพระธรรมทูต และ ศูนย์อาเซียน เป็นสถานที่รองรับ

วันนี้จึงมีนิสิตนานาชาติ ทั้ง พระภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา เดินทางมาจากทั่วโลก 27 ประเทศ 2,200 กว่าท่าน ขยายวิทยาเขตครอบคลุมทั่วประเทศกว่า 45 จังหวัด ซ้ำมีสถาบันสมทบอีก 5 ประเทศ

คณะสงฆ์ไทย รู้ทันสังคมไทย ก้าวทันสังคมโลกและสนองกิจการคณะสงฆ์ได้ ส่วนหนึ่งก็เพราะได้รับการศึกษาจาก  “มจร”

“ปัจจุบัน”…มจร ภายใต้การขับเคลื่อนของ “พระพรหมวัชรธีราจารย์” จึงมั่นคงและแข็งแรงดัง “ภูผา”

กิจกรรมงานรับปริญญาระหว่างวันที่ 6-7 ธันวาคม 2568 นี้ จึงมีผู้จบการศึกษาทั้งสิ้น 4,909 รูป/คน

บรรยากาศงานรับปริญญา “มจร” ก็เหมือนงานวัด เหมือน “งานกาชาด” มีรถนับหมื่นคัน คนเรือนแสน มาแออัดกันอยู่ที่ มจร วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา

สำหรับไฮไลต์!! งานรับปริญญา “มจร” ปีนี้อยู่ที่ สมเด็จพระไวโรจนะ รินโปเช หรือ “องค์ชายลามะน้อย” แห่งราชอาณาจักรภูฏาน พระองค์จะเดินทางเรียนหนังสือเป็นการส่วนพระองค์กับ “อธิการบดี มจร” และจะรอรับ “ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์” ในวันอาทิตย์ที่ 7 ธันวาคมด้วย

“เปรียญสิบ” นึกถึงภาพวันวานแล้วมองภาพ “มจร” วันนี้ ภูมิใจทุกครั้ง

“ความจน” ความไม่มี ความขัดสนทุกด้าน ทำให้ “ผู้บริหาร-คณาจารย์” ต้อง “ดิ้นรน” อดทนอดกลั้นต่อคำ “เหยียดหยาม-ดูแคลน” จากสังคม ยุคก่อน มีทั้งพระและฆราวาส

“เปรียญสิบ” จบ “มจร” สึกออกมาก็เจอสภาพเดียวกัน คือ เจอคนแคลนดูถูกว่า..รับ “มหา” มาทำงานได้อย่างไร? ให้มาเขียนบทโทรทัศน์ ให้มาเขียนสกู๊ป มิใช่มาเขียนคำเทศน์

สุดท้าย…ความขยัน ความอดทน รับผิดชอบต่อหน้าที่ ซื่อสัตย์สุจริต ความเจียมเนื้อเจียมตัว ทำให้เรามีทุกอย่าง!!

………………

คอลัมน์ : ริ้วผ้าเหลือง

โดย……เปรียญสิบ [email protected]

- Advertisement -spot_imgspot_img
RELATED ARTICLES

HIGHLIGHT

- Advertisment -spot_img
spot_img

Most Popular

- Advertisement -spot_img
spot_img
- Advertisement -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img